44 replies to this topic

[naitualek]

Advertisements

สวัสดีครับเพื่อนๆพี่ๆน้องชาวเอชไฟลท์ วันนี้นายตัวเล็กรายงานตัวพร้อมกับ รีวิว โรงแรมที่เป็นที่หมายปองของหลายๆคน ด้วยความหรูหราและการออกแบบดีไซน์ที่โดดเด่นกว่าใคร และเป็นที่กล่าวถึงมากพอสมควร กับโรงแรม Sofitel So Bangkok ท๊อปแบรนด์ของเครือ แอคคอร์ หนึ่งใน สอง ของ Sofitel ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ใน กทม. นอกจากโรงแรมจะออกแบบได้โดดเด่นสวยงามแล้ว การบริการก็ยังถือว่าน่าประทับใจมากๆเลยครับ ยังงัยลองติดตามชมกันได้ครับ ติชมกันได้เต็มที่เหมือนเดิมครับผม

[naitualek]

จะกล่าวถึง แบรนด์ โซฟิเทล แล้ว ถือเป็น โรงแรมที่เป็น Top Brand Of Accor ซึ่งมีความหรูหรา และบริการแบบ Full Service ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว เรามักจะเห็นเป็นโรงแรมที่เน้นความสวยงาม อลังการ แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้

ทางโซฟิเทล ก็ได้เพิ่มทางเลือกสำหรับลูกค้า โดยเพิ่ม Sub Brand ของโซฟิเทลเพิ่มขึ้นอีกสองแบบ

คือ Sofitel Legend และ Sofitel So ซึ่ง แบบแรกจะเน้นไปที่ความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ของเมืองนั้นๆ หรือ อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าเป็นมรดกตกทอดมายาวนาน เน้นแนวประวัติศาสตร์ประมาณนั้น

ส่วน Sofitel So นั้น จะเน้นไปที่ ดีไซน์อัดโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ที่สะท้อนถึงเมืองต่างๆ

ที่ผสมผสานกับดีไซน์สมัยใหม่แบบร่วมสมัย

Sofitel So แห่งแรก นั้นอยู่ที่ Mauritius และ Sofitel So Bangkok ก็เป็น แห่งที่สอง ของแบรนด์ โซฟิเทล โซ

ส่วนที่ต่อไป น่าจะเป็นที่สิงค์โปร์ครับ เปิดตัว กลางปีหน้าโน้นเลย

ที่ตั้งก็อยู่บริเวณแยกสาทรตัดกับพระราม 4 ครับ หรือ อยู่ตรงเชิงสะพาน ไทย เบลเยียมนั่นเอง การเดินทางก็ค่อนข้างสะดวก ทั้งรถส่วนตัว หรือจะนั่งรถไฟฟ้าก็มาโผล่ที่ สถานีลุมพินีครับ เดินข้ามแยกออกมานิดหน่อยก็จะเจอ ตึกทรงหนังสือ โดดเด่น อยู่กลางแยกเลยครับ

ทางเข้าโรงแรมก็มีสองทางด้วยกัน ส่วนนี้เป็นทางเข้าฝั่งพระราม 4 มีป้ายชื่อ พร้อมโลโก้ Tree Of life ตั้งโดดเด่นด้านหน้าเลย

[naitualek]

ทางเข้ามีป้ายสีทองบอกชื่อโรงแรมพร้อมทั้งโลโก้ที่ออกแบบได้โดดเด่นจาก Cristian Lacroix หรูหรามากมาย

ทางเข้าดูแปลกๆนิดหน่อย ดูมืดๆทึมๆ ประตูแบบอัตโนมัติ

[naitualek]

เข้ามาแล้วจะมาเจอส่วนลอบบี้ต้อนรับด้านล่าง ดูมืดๆทึมๆ มีอักขระโบราณอยู่ ซึ่งได้แนวคิดมาจากกรุงเทพสมัยก่อน ชั้นนี้ มีที่ขายของที่ระลึก รวมทั้ง Chocolab ร้านชอคโกแลตสุดฮิปด้วย ซึ่งยังไม่ใช่ที่เชคอินนะครับ

ต้องขึ้นไปเชคอินที่ Park Lobby ชั้น 9 ครับ

หลังจากขึ้นลิฟต์แล้ว ก้มาโผล่ที่ชั้น 9 ซึ่งมีเก้าอี้นุ่มๆน่ารักมาวางไว้ให้นั่งเล่นชิลล์ๆด้วย

[naitualek]

มาถึงลอบบี้ที่ ชั้น 9 แล้ว ซึ่งชื่อเรียกก็คือ Park Lobby ใช้เป็นที่เชคอิน พร้อมทั้ง เป็นเลาจน์ตอนกลางคืนด้วย ออกแบบได้สวยงามทันสมัยดีครับ โดดเด่นด้วย โคมไฟทรงแปลกตา พร้อมทั้งเก้าอี้สีสันสะดุดตามั่กๆ

สำหรับลอบบี้นี้ ได้แรงบันดาลใจมากจาก กรุงเทพสมัยใหม่ที่เน้น ความทันสมัย พร้อมผสานความเป็นไทยด้วยครับ อย่างที่บอกไปว่า ที่นี่ทุกอย่างออกแบบอย่างมีคอนเซปต์ โดยอาศัยนักออกแบบชั้นนำของไทยออกแบบร่วมกันหลายคนเลยครับ

[naitualek]

ลอบบี้โดยรวมดูกว้างขวางดูมีดีไซน์มาก พร้อมทั้งเห้นวิวสวนลุมพินีเต็มๆตา ถือว่าที่นี่ใช้วิวได้คุ้มจริงๆ ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ก็ถ่ายรูปไปพลางๆ

ที่นั่งตรงกลางทรงแปลกตา พร้อมโคมไฟที่สวยงามมีเอกลักษณ์ คล้ายกับที่ทำงานผมเลย ^^"

[naitualek]

นั่งได้สักพักก้มีพนักงานชายท่านนึงท่าทางอัธยาศัยดี ได้แนะนำตัวกับผมว่าเป็น Guest Relation Manager เข้ามาทักทายพร้อมทั้งหอบเอกสารที่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรมโดยคร่าวๆ ได้ความว่า เป็นโรงแรมโซฟิเทล โซ แห่งที่สองที่เปิดตัว พร้อมคอนเซปต์ การออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก ธาตุทั้ง 5 นั่นคืน ดิน น้ำ โลหะ ไม้ และ ไฟ เข้าด้วย กัน โดยมีนักออกแบบ ชั้นนำมาออกแบบ ในส่วนของห้องพัก รวมทั้งPublic area โดยอาศัย เอกลักษณ์ของธาตุต่างๆ จะบอกว่า พี่เค้าอัธยาศัยดีมากๆเลยครับ ปลื้มมากมาย ^^"

สักพักก็มีน้องพนักงานสาวสวยนำถาดมาพร้อมกับ หลอดใส่ของเหลวมาสามหลอด นั่นคือ น้ำมะนาว อัญชัญ แล้วก็น้ำตะไคร้ มาเทใส่รวมกันในแก้ว ใหญ่ แล้วก็กลายเป็น น้ำสีม่วงสวยๆ สดชื่นแบบนี้ครับ

ส่วนนี้เป็น Mixo Bar สำหรับบริการเครื่องดื่มต่างๆครับ อยู่บริเวณเดียวกับลอบบี้เลย

[naitualek]

ถ่ายย้อนกลับไปที่เคาท์เตอร์เชคอิน หลังจากยื่นเอกสารเชคอินพร้อมบัตรสมาชิกไปแล้ว ก็มีน้องพนักงาน ขอเอ่ยชื่อนะครับ ชื่อน้องแตง เข้ามาลงทะเบียน อย่างเป็นกันเอง น้องหน้าตาน่ารักแถมอัธยาศัยดีสุดๆๆๆ โดยมาชีแจงเรทค่าห้องพัก พร้อมทั้งเงื่อนไขต่างๆ โดยห้องที่จองไปนั้น เป็นแบบ So Cosy Room หรือแบบ ธรรมดาที่สุดนั่นเอง ส่วนธีมห้องนั้น ก่อนวันเข้าพักได้มีอีเมลล์จากพนักงาน ให้เราเลือกแบบห้องที่ชอบก่อน แต่จะไม่ได้การันตีนะครับ แต่จะให้เลือกแบบที่ชอบที่สุดไว้ก่อน มาถึงแล้ว มีไม่มีว่ากันอีกที ผมได้เลือกไปเป็นห้อง แบบ โลหะ Metal Elements และด้วยบัตรสมาชิกแบบ platinum จึงได้อัพเกรดมาอีกระดับ เป็น So Comfy Park View ครับ พร้อมด้วยคูปอง แลกเครื่องดื่มฟรี 2 ดริงค์ ^^"

แล้วน้องแตงก็พาผมขึ้นไปยังห้องพักชั้นที่ 15 เสียดายมันมืดมากจนไม่สามารถถ่ายรูปได้เลย เปิดมาเจอแบบนี้เลยครับ ห้องขาวจั๊วเลยตาม คอนเซปต์ Purity and Modernity ห้องได้อัพเกรดจากฝั่ง ถนนสาทรมาเป็น ฝั่งสวนลุมพินีครับ

[naitualek]

ตัวห้องตกแต่งด้วยโทนสีขาว พร้อมการตกแต่งผสมผสานระหว่างวัสดุต่างๆดูเข้ากัน ขาวจั๊วเลยคราฟ

จากทางเดินเข้ามาจะมีตู้เสื้อผ้าซึ่งซ่อนไว้อย่างแนบเนียนในผนัง ถัดมาเป็นทีวี พร้อมตู้มินิบาร์

ตรงข้ามเป็นเตียงหนานุ่ม พร้อมกันโซฟาตัวยาวข้างหน้าต่างครับ

เตียงดูหนานุ่มมากตามแบบฉบับโซฟิเทล พร้อมหมอนหลายใบมากๆ

[naitualek]

เตียงขาวจั๊วปูผ้าตึงเปรี๊ยะ น่าโดนลงไปนอนเป็นอย่างยิ่ง จะบอกว่ามันหน้านุ่มสะจายมาก หวัเตียงเป็น ไฟอ่านหนังสือแบบปรับทิศทางได้อย่างอิสระครับ

หมอนสีขาวสะอาดตา หนุนสบายมากๆ

เพิ่มรายละเอียดด้วยลายเมฆไหลที่ทำมาจากวัสดุโลหะ น่าจะเป็นสังกะสีนะ

[naitualek]

สภาพห้องโดยรวมแม้จะไม่ได้กว้างขวางมาก แต่ว่าด้วยโทนสีทำให้ดูโล่งโปร่งสบายดีครับ ห้องน้ำตามสมัยนิยม แบบกระจกรอบด้าน พร้อมทั้งม่านไฟฟ้าครับ

มองโดยรวมแล้วมันขาวไปหมดเลย ทั้งเตียง ตู้ ห้องน้ำ เฟอร์นิเจอร์

ทีวีตรงปลายเตียง ที่มีความพิเศษมากกว่า ทีวีธรรมดา ถึงจะไม่ใช่แบบ Smart TV แต่ก็ได้ต่อกับ Apple Mac Mini media Solution ที่รวบรวมฟีเจอร์ต่างๆไว้ครบครันเลยครับ ทั้ง ส่วนของข้อมูลบริการต่างๆ ทั้ง ข้อมูลโรงแรม การท่องเที่ยว ดูทีวี ดูหนัง ฟังเพลง หรือใช้เป็นคอมพิวเตอร์ ก็ได้ ไฮเทคจริงๆ ^^"

[naitualek]

เค้าได้เตรียมคีย์บอร์ดแบบไร้สายให้ใช้ด้วย พร้อมทั่งที่ควบคุม ทีวี แต่ว่า โดนเทคโนโลยีเล่นงานเข้าจนได้ครับ เมือลองเอาไอพอดส่วนตัวเสียบกับ Mac Mini มันเล่นกระตุกๆ ติดๆดับๆ จนไอพอดผม เจ๊งง!!! แล้วทีวีก็ดูไม่ได้เลย เพราะมันฟ้อง Error ตรงกลางหน้าจอตลอดเวลาเลย T_T แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ เล่นไม่ได้ก็ไม่เล่น ^^"

ส่วนของโซฟายาวตรงนี้กลายเป็นที่ที่มาใช้ประโยชน์มากที่สุด ทั้งส่วนของโต๊ะทำงานที่มีกระจกซ่อนอยู่ หรือ ใช้นั่งชมวิวสวนเพลินๆก็ได้ครับ

ห้องแบบ Metal เลยมีสิ่่งนี้เป็นสัญลักษณ์ เป็นลูกบอลนวดมือสีโลหะ มีเสียงกรุ๊งกริ๊งอยู่ข้างในด้วย

[naitualek]

คีย์การ์ดออกแบบ อย่างสวยงาม โดยใช้ ลาย Tree Of Life โลโก้ของโรงแรม ซึ่งออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชื่อดัง Cristian Lacroix นอกจากนี้ ชุดของพนักงานเก๋ๆ ก็ออกแบบโดยท่านนี้เหมือนกันครับ

Welcome Drink Coupon สำหรับลูกค้าเอคลับ ซึ่งสามารถใช้แลก Standard Drink ได้สองดริงค์ ที่ Mixo Bar ครับ

ตู้เสื้อผ่าที่ซ่อนไว้อย่างแนบเนียน แบบ Hide & Find มีอุปกรณ์ครบครัน ตามแบบฉบับโรงแรมหรู

[naitualek]

โต๊ะทำงาน มีกระจกพับซ่อนอยู่ สำหรับสาวๆ ใช้เป็นโต๊ะทำงานพร้อมโต๊ะเครื่องแป้งได้พร้อมกัน พร้อมอุปกรณืสำหรับการทำงานต่างๆเล็กน้อยๆ

ตู้ใกล้ๆกันมีพวกแก้วน้ำ แก้วไวน์ ต่างๆ พร้อมทั้งเครื่องชงกาแฟ ที่ต้มน้ำร้อน

ที่ชงกาแฟแบบเอสเพรสโซ กาแฟใช้ ยี่ห้อ illy หอมเข้มข้นดีครับ

Attached Thumbnails

• 

[naitualek]

ตู้มินิบาร์ซ่อนอยู่ทางด้านล่าง แต่คราวนี้ ไม่ต้องตาดีได้ตาร้ายจ่ายแพงแล้วครับ เพราะ ในนี้ "ฟรีหมด" ย้ำว่าฟรีครับ ทั้ง สแนกที่มีธัญพืชอบแบบแท่ง เม็ดมะม่วงต้มยำกรอบ หรือเครื่องดื่มที่ราคารวมกันคง หลายตังค์อยู่ทีเดียว

ปลื้มมมมมมมมม

มาสำรวจห้องน้ำกันบ้าง ห้องน้ำตามสมัยนิยม ที่กว้างโล่ง ผนังกระจก มีม่านสีขาวปิดได้ ควบคุมโดยใช้ไฟฟ้า

[naitualek]

ห้องน้ำ จะมีส่วนของอ่างล้างหน้า อยู่ติดกันกับอ่างอาบน้ำ ที่มีขนาดใหญ่โตทีเดียว พร้อมอุปกรณ์ต่างๆครบครัน

ที่นี่มีถุงเครื่องใช้ส่วนตัวแบบแยกเป็นของใช้ ชาย หญิง ด้วยครับ ด้านในมีพวกครีม เจล น้ำมันหอมต่างๆ

[naitualek]

โลชั่นกับเจลล้างมือในขวดหินอ่อนหนักมากๆ แบบนี้คงขิ๊กกลับบ้านไม่ได้ แต่ว่าถ้าอยากซื้อ ใน ชอปด้านล่างน่าจะมีขายนะครับ

โถสุขภัณฑ์มาพร้อมกับสายชำระ แต่น้ำไหลไม่แรงแฮะ ปรับยังงัยก๋ไม่แรง พร้อมด้วย ก้านใบบัวทีทำมาจากโลหะประดับอยู่ด้านบน

ผลิตภัณฑ์เป็นกลิ่นตะไคร้มาเป็นขวดเซรามิค แบบนี้จิ๊กไม่ได้แล้วล่ะ

[naitualek]

อ่างอาบน้ำขอบที่ไม่ลึกมากนัก แต่กว้างใช้ได้เลย พร้อมอุปกรณ์ต่างๆว่างไว้ให้พร้อม

[naitualek]

ออกไปสำรวจข้างนอกสักหน่อยดีกว่า ก่อนออกไปกินข้าวเที่ยง สระว่ายน้ำพร้อมฟิตเนสที่ ชั้น 10 สระแบบ อินฟินิตี้ วิวสวยสุดยอดเลยครับ แต่ช่วงนี้เมฆหนามากมาย ฟ้าสีน่ากลัวสุดๆ

น้ำสีสวยงามน่าเล่นมากมายครับ แถมได้วิวเมืองพร้อมสวนลุม สุดยอดไปเลยยย

[naitualek]

มี The Water Club Pool Bar ด้วยครับ พร้อมที่นั่งชิลล์ๆ ข้างขอบสระ นั่งไป ชมวิวเมืองไปเพลินๆ

สีฟ้า สีต้นไม้ มองดูสบายตาดีจริงๆ เป็นสระว่ายน้ำวิวดีที่สุดที่หนึ่งเลยครับ