205 replies to this topic

[Amakung]

Advertisements

มาเช็ค FIDS ของที่นี่กันบ้าง จะเห็นว่าช่วงพีคของที่นี่ช้ากว่าบ้านเราคือตั้งแต่ตีหนึ่งเป็นต้นไป



ไฟลท์ที่ผมจะขึ้นต่อไปอยู่บนจอแล้วครับ ออกเวลา 02.20 และมี American Airlines กับ Brussels Airlines มาขอแจม ไฟลท์นี้ออกก่อนป้าม่วงกลับกรุงเทพนิดเดียว



แล้วก็ยังมีเครื่องออกเรื่อยๆ ตลอดทั้งคืนครับ เว้นนิดหน่อยช่วง 03.00 - 04.00
คนอินเดียก็แปลกดี ชอบขึ้นเครื่องกันดึกๆ

[Amakung]

Emirates Lounge ยังไม่เปิด แต่อีกไม่นานก็จะเปิดครับ รอรับผู้โดยสารไฟลท์ดูไบที่ออกตีสี่ครึ่ง


ที่นี่ British Airways ก็มี lounge เป็นของตัวเองเช่นกัน มีพนักงานหญิงในชุดส่าหรีกำลังพาผู้โดยสารใส่สูทเข้าไปด้านใน ผมนึกอยากลองไปดูในนั้นด้วยคนบ้างจัง


แล้วก็เดินมาถึงเกทที่จะใช้ขึ้นเครื่องไปบรัสเซลส์ในคืนนี้ เนื่องจากเกทมีน้อยเลยต้องใช้สอยประหยัด รอให้ไฟลท์ฮ่องกงออกไปก่อนครับ

[Amakung]

เหลือเวลาอีกพอสมควร ลองเดินสำรวจในตัวอาคารของสนามบินที่นี่กันหน่อย โดยเดินย้อนจากเกท 14 ซึ่งอยู่ริมสุดขึ้นไปเรื่อยๆ

Clipper Lounge ของที่นี่รับผู้โดยสารชั้นธุรกิจและชั้นหนึ่งจากหลายสายการบิน ซึ่งรวมถึง Jet Airways ด้วยครับเนื่องจากตอนนี้ Jet ยังไม่มี lounge เป็นของตัวเอง ไม่ดีเท่าไหร่สำหรับสายการบินที่เคลมตนเองว่าเป็น India’s finest airline นะครับ แต่หวังว่าเปิด terminal ใหม่แล้วทุกอย่างจะเปลี่ยนไป


มีโซนให้เด็กๆ ได้เล่นเกมด้วย


แล้วก็เคเอฟซีกับพิซซ่าฮัท จะว่าไปเค้าอาจมีไก่กับพิซซ่าสูตรแขกก็ได้แต่ไม่นึกอยากลองครับ ยังอิ่มอยู่


แล้วก็ร้านกาแฟ The Coffee Bean & Tea Leaf ถ้าใครมา transit ที่นี่ พ้นมาจะเจอร้านนี้เป็นอันดับแรกครับ อยู่ตรงข้ามจุดตรวจพอดี

[Amakung]

ดิวตี้ฟรีทั้งหลาย ไม่ได้แอ้มเงินผมหรอก (ไม่มีให้ตะหาก )



ดูไปก็เหมือนห้างในบ้านเราเมื่อซัก 10 ปีที่แล้วนะครับ



พอพ้นจากโซนร้านค้ามาก็จะเป็นบริเวณเกทครับ โถงผู้โดยสารขาออกที่มุมไบนั้นไม่มีหน้าต่างมองไปข้างนอกโดยตรงเลยครับ เพราะมีทางเดินขวางอยู่อีกชั้น อยู่ข้างในนี้แทบจะไม่รู้วันเวลากันเลยทีเดียว

ตรงนี้เป็นเกทของ CX ไปฮ่องกงครับ ใช้ 747 บินด้วย คนเต็มเลย

[Amakung]

นั่นก็คือภาพรวมของโถงผู้โดยสารขาออก สนามบินมุมไบครับ ที่ไม่ได้กล่าวถึงก็คือ lounge อีก 2 - 3 ที่แล้วก็ร้านขายของจุกจิกอีกนิด นอกนั้นผมว่าก็ไม่มีอะไรแล้วครับ มีอยู่แค่นั้นแหละ
จากนั้นผมก็กลับมานั่งแถวเกทครับ อย่างที่บอกคือเกท 14 อยู่เกือบสุดปลายอาคารก็เลยมีที่นั่งว่างๆ เยอะหน่อย เปิดคอมดูปรากฏว่าที่นี่มี wifi ฟรีครับ แค่เลือก FREEWIFI AT CSIA BY YOUBROADBAND กรอกข้อมูลนิดหน่อย แล้วเค้าจะให้ส่ง SMS จากมือถือเรามายังเบอร์ที่กำหนด พอยืนยันปุ๊บก็ใช้งานได้เลย ไม่ได้เร็วมากแต่ก็ถือว่าพอใช้ได้ครับ

ระหว่างที่นั่งเล่น FB ผมก็คอยเหลือบมองที่เกทตัวเองเป็นระยะเพราะจะได้รีบขึ้นเครื่อง ไม่อยากเอากระเป๋าไปเก็บไกลๆ เหมือนไฟลท์ก่อน ปรากฏว่ามีคิวอยู่ตรงนั้นมาระยะหนึ่งแล้วครับ จอก็ยังขึ้นไฟลท์ฮ่องกงอยู่ ผมเลยก็เลยนั่งเล่นคอมต่อ พอเวลาประมาณ 01.20 ก็เริ่มตะหงิดๆ เอ๊ะไฟลท์ฮ่องกงมันน่าจะออกไปแล้วนี่หว่า ทำไมยังมีคิวอยู่อีก เหลือเวลาอีกตั้งชั่วโมงกว่าก่อนไฟลท์ผมจะออก แต่ไม่ว่ายังไงลองไปเข้าคิวดูก่อนดีกว่าครับ


แค่ไม่นานหลังจากนั้น พนักงานประจำเกทก็มาถึงและเริ่มประกาศให้ผู้โดยสารเที่ยวบิน 9W 228 ไปบรัสเซลส์ขึ้นเครื่องครับ ก้มลงมอง boarding pass ตัวเอง อ้าวเค้าเขียนว่าเวลาขึ้นเครื่องคือ 01.20 จริงๆ ด้วย พลาดละครับ


และนี่คือหน้าตาของ tag ที่เราต้องติดบนกระเป๋าขึ้นเครื่องทุกใบ อันนี้เวลาต่อเครื่องที่มุมไบหรือสนามบินอื่นในอินเดียต้องห้ามพลาดครับ

[Amakung]

จากนั้นพนักงานที่เกทก็ประกาศให้ผู้โดยสารที่นั่งแถว 50 เป็นต้นไปขึ้นเครื่องก่อน (เพราะอยู่โซนหลังของเครื่อง) ผมก็เลยเดินมาข้างหน้าแล้วรอคิวต่อ ระหว่างนั้นก็เห็นผู้โดยสารอินเดีย (ซึ่งมักเป็นลุงหรือป้าแก่ๆ) พยายามจะเข้ามาในแถวตลอด คุณพี่กราวน์สาวก็ต้องคอยบอกให้พวกนั้นถอยกลับไป หน้าเธอดูเซ็งเต็มทนแต่ผมก็พอเข้าใจนะครับ

คราวนี้ยืนยันว่าเป็นไฟลท์ 9W 228 ไปบรัสเซลส์ไม่ผิดแน่นอน

รายละเอียดของเที่ยวบินในวันนี้ครับ
Flight - 9W 228
Date - May 19, 2012

Origin - Chhatrapati Shivaji International Airport (BOM - VABB)
Destination - Brussels National Airport (BRU - EBBR)
Distance - 6873km

Departure time (actual) - 02.20 (02.30)
Arrival time (actual) - 07.50 (08.04)
Flight duration - 9.04

Aircraft - VT-JEM / Jet Airways Boeing 777-35R/ER
Seat - 52A

[Amakung]

คราวนี้ก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง แต่ในเมื่อที่นี่คืออินเดีย จะให้ขึ้นเครื่องสบายๆ ก็คงไม่ได้ครับ
ขั้นแรก กราวน์ประจำเกทก็จะดู boarding pass ของเราก่อนโดยไม่ได้ทำอะไร เสร็จแล้วก็จะเจอตำรวจอินเดียอีกคนที่จะดูพาสปอร์ตและ tag ว่าชื่อตรงกัน เสร็จแล้วก็จะเจอเจ้าหน้าที่อีกคน เปิดพาสปอร์ตดูพร้อมกับ boarding pass จากนั้นก็ฉีก boarding pass แล้วบอกให้ผมไปเข้าแถวรอตรวจกับเจ้าหน้าที่อีกคน เท่าที่เห็นเค้าแยกเป็น 2 แถวแต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต่างกันยังไง คนสุดท้ายนี่จะเปิดดูพาสปอร์ตเราอย่างละเอียดเลยครับ พร้อมถามคำถามด้วย อันนี้คือเท่าที่ผมจำได้คร่าวๆ นะครับ
“You travel to Brussels for which purpose?” เจ้าหน้าที่ถาม พร้อมกับพลิกๆ ดูแต่ละหน้าและเอาไฟส่อง
“Leisure”
“You travel alone?”
“I travel with my parents, but they are on different flight. We will meet each other there”
“How many days are you going to stay in Belgium” (เอ๊ะนี่ผมอยู่ด่านที่เบลเยียมหรือเปล่าเนี่ย)
“Just three days”
“Three days?” พี่แกทำหน้าสงสัยขึ้นมาทันที
“Yes” (ผมแอบทำสีหน้าหน่ายนิดๆ) “I have works to do on Tuesday. Too bad isn’t it?”
จากนั้นพี่แกก็ตรวจดูพาสปอร์ตของผมด้วยสีหน้าสงสัยต่อไปแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก สักพักนึงพี่แกก็คืนพาสปอร์ตให้ แต่แค่นั้นยังไม่หมดครับ เรายังต้องนำกระเป๋าผ่านเครื่อง X-ray อีกรอบก่อนขึ้นเครื่องด้วย รวมแล้ว การต่อเครื่องที่นี่จะมีคนเปิดพาสปอร์ตของเราราว 4 - 5 คน ก่อนขึ้นเครื่องต้องผ่านเจ้าหน้าที่อีก 4 คนเป็นอย่างต่ำ

ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วล่ะครับว่าทำไมถึงประกาศขึ้นเครื่องก่อนเป็นชั่วโมง จริงๆ เลยนะอินเดีย

เดินมาอีกหน่อยก็เห็นเครื่องที่ผมจะได้ขึ้นในวันนี้ Boeing 777-300ER ครับ เป็นไฟลท์ที่ 4 ของผมบนเครื่องบินรุ่นนี้

VT-JEM -- Jet Airways / Boeing 777-35R/ER
First flight -- 17.09.2007
Jet รับมอบเครื่องบินลำนี้ภายใต้ทะเบียน VT-JEF ครับ จากนั้นเมื่อปี 2009 Turkish Airlines ได้เช่าเครื่องลำนี้ไปเป็นเวลา 2 ปี ช่วงนั้นใช้้ทะเบียนเป็น TC-JJB แล้วพอหมดสัญญาก็กลับมาอยู่กับ Jet ต่อเมื่อปีที่แล้วครับ

[Amakung]

Impression แรกหลังเดินขึ้นเครื่องคือ...เหมือนเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วเลยแฮะ อย่างที่หลายๆ ท่านทราบแล้ว Jet Airways มี 77W 10 ลำแต่ครึ่งหนึ่งตอนนี้อยู่กับการบินไทยส่วน Turkish คืน 77W ที่เช่าไปทั้งหมดแล้ว
ที่นั่งของผมคือ 52A อยู่บล็อกหลังสุดของที่นั่งชั้นประหยัด ซึ่ีงเมื่อเดินมาถึงก็เจอคุณแอร์ยืนอยู่ แต่เธอยืนกอดอกครับ !!! ช็อกไปชั่วขณะ ไม่เคยเจอใครยืนไม่สุภาพขนาดนี้เวลาต้อนรับผู้โดยสารมาก่อน แถมสีหน้านางก็เหวี่ยงได้อีก ผมจ้องหน้าเธออยู่ชั่วครู่แต่เธอก็ยังไม่สนใจ ช่างเถอะ นั่งดีกว่า
First impression ของไฟลท์นี้เริ่มติดลบแล้วครับ


รีบจัดการเอาของทุกอย่างที่จะใช้ออกมาก่อนจะได้ไม่ต้องเปิด overhead bin อีก

[Amakung]

ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบตีสองที่อินเดีย หรือตีสามครึ่งที่บ้านเราแล้วครับ ความง่วงเริ่มจู่โจม ผมจึงรีบสำรวจที่นั่งก่อน
Seat pitch 32 นิ้วและกว้าง 18.5 นิ้วครับ เข่าก็ไม่ชน นั่งสบายดีจริงๆ


หน้าจอขนาด 10.6 นิ้วรุ่น Panasonic eX2 ยังไม่เปิดใช้งานครับ
ว่าแต่ตุ่มที่เอาไว้แขวนเสื้อมันหายไปไหนนะ ผมบินกับคุณดาราภาไปเชียงใหม่ตอนนั้นยังมีอยู่เลย


และกล่อง IFE ชอบมากที่เก็บไว้ติดผนัง ไม่ขวางที่วางเท้าและยังไงวางเท้าตรงนั้นไม่ได้อยู่แล้ว


ก้มลงมองข้างล่าง มีปลั๊กไฟครับ ที่นั่งต่อกัน 3 ตัวจะมีปลั๊ก 2 จุด แต่สภาพแอบเยิน

[Amakung]

หันไปมองที่นั่งข้างๆ ตอนนี้ยังไม่มีใครมานั่งแต่อีกไม่นานก็จะมีลุงแขกอ้วนๆ และภรรยาแกมานั่ง ตอนที่ผมเห็นลุงแขกอ้วนคนนี้มาถึงผมก็คิดว่าซวยแล้วสิตรู ไม่ได้ลุกไปไหนแล้วล่ะ แต่อย่างน้อยแกก็ไม่มีกลิ่นตัวนะครับ


บรรยากาศภายในเครื่องขณะกำลังบอร์ดครับ ก็สงบดียกเว้นเวลาทีแขกกรุ๊ปใหญ่ๆ เข้ามาก็ช้งเช้งกันทุกที



มองออกไปข้างนอก ป้าม่วงลายหางดาวตามมาถึงมุมไบแล้วครับ นอกนั้นก็มี El Al 767 เตรียมบินกลับ Tel Aviv และ Air China A319 เตรียมบินกลับเฉิงตูครับ
อาคารที่เห็นคือ terminal ใหม่ของมุมไบครับ ดูดีกว่าอาคารปัจจุบันมากๆ และถ้าสังเกตให้ดี เกทตรงกลางรูปมี 3 งวง แน่นอนว่าที่สร้างก็เพื่อรับ A380 โดยเฉพาะครับ


นั่งดูข้างนอกสักพัก มีความรู้สึกว่ามันดูวุ่นวายมากครับ เห็นรถวิ่งกันให้พล่านไปหมด ทั้งรถลากสินค้าเอย รถบัสเอย ไหนจะรถของเจ้าหน้าที่ รปภ อีก

[Amakung]

Safety demo แบบการ์ตูนตาแบ๊วเริ่มเล่นเมื่อเวลา 02.20 ครับ รักษาเวลาได้ดีทีเดียว




แต่พอเล่นเสร็จเครื่องก็จอดค้างอยู่อีกสักครู่ คิดว่าคงรอคำอนุญาตจากทางหออยู่ละมั้ง ช่วงนี้เครื่องออกค่อนข้างเยอะครับ
ในที่สุดเครื่องก็เริ่ม pushback เมื่อเวลา 02.30 พร้อมกับที่ไฟในห้องโดยสารมืดลง อีกไม่นานเราก็จะได้ออกเดินทางสู่บรัสเซลส์กันแล้วครับ

[Amakung]

ระหว่างนี้ ลุงแขกอ้วนข้างๆ ก็เปิดไฟอ่านหนังสือ แต่แกไม่ได้อ่านหนังสืออยู่ครับ ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ผมจะถ่ายรูปข้างนอกก็เลยขอให้แกปิดไฟก่อน ซึ่งแกก็ปิดโดยดี แต่ก็พูดขึ้นว่า
“You know you’re not allowed to take photos?”
“Really?” (แต่จริงๆ ก็เชื่ออยู่บ้าง เพราะได้ยินมาพอสมควร)
“Yes. Does this camera emit flash?”
“Ah, no” ผมตอบ “I’ve already turned it off and I’ll make sure that it will never be turned on”
“Oh, OK then” แต่สีหน้าไม่โอเท่าไหร่ (อ้าวไหนบอกว่าห้ามไง สงสัยคงห้ามมีแฟลชสินะ ผมเลยพยายามถ่ายต่อไป)

พอผ่านไปได้สักพัก ผมเริ่มตระหนักว่าการถ่ายรูปให้ชัดๆ เวลาเครื่องกำลัง taxi นี่มันยากเหลือทน ผมจึงเก็บกล้องแล้วเอาไอโฟน (ที่เข้า flight mode แล้ว) ออกมาแทนเพื่อเตรียมถ่ายวิดีโอ take off พอเห็นผมเก็บกล้องปุ๊บลุงแขกอ้วนก็พูดขึ้นมาทันที
“What are you doing?!?!” (ผมตกใจเล็กน้อย) “You said you would take photos and you asked me to turn the light off. So what...”
“Because I will be taking videos INSTEAD” ผมตอบ เน้นเสียงคำสุดท้ายแล้วเอาไอโฟนออกมาอย่างสงบ แกเลยเงียบไป
จริงๆ เลยนะครับ จะอะไรกันนักหนา ที่ผมขอให้คุณปิดไฟเพราะเห็นว่าคุณไม่ได้ใช้และผมต้องการความมืด ไม่ได้เอาไว้แกล้งคุณเล่นหรอกนะ

ขณะกำลัง taxi ไปที่รันเวย์ 27 ครับ ข้างหลังรั้วสนามบินนั่นเป็นสลัมทั้งนั้นเลย ถ้าลองเปิดดู Google Maps จะยิ่งเห็นได้ชัดครับ
นึกสงสารคนที่อยู่ตรงนั้นเหมือนกัน เค้าคงไม่มีทางเลือกจึงต้องมาอยู่ใกล้สนามบินขนาดนี้

[Amakung]

เวลา 02.45 VT-JEM ก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เป็นเทคออฟที่ powerful มาก เครื่องยนต์ GE90-115B แรงดีจริงๆ

[Amakung]

เครื่องบินขึ้นไปทางทิศตะวันตก ตรงไปยังเหนือทะเลอาหรับครับ ตอนนั้นก็เกือบตีสี่ครึ่งที่บ้านเราแล้ว ความง่วงจู่โจมอย่างหนักจนผมทนไม่ไหวอีกต่อไป หลับไปตั้งแต่ไฟรัดเข็มขัดยังไม่ดับด้วยซ้ำ มารู้ทีหลังว่าเค้าเสิร์ฟอาหารว่างหลังบินขึ้นด้วย

สะลึมสะลือตื่นขึ้นมา เปิดจอ JetScreen ขึ้นมาดู กำลังบินอยู่เหนืออิรักครับ และกำลังจะบินผ่านแบกแดดด้วย โอกาสนี้ห้ามพลาด รีบคว้ากล้องขึ้นมา เปิดหน้าต่างขึ้นมาเห็นแสงรุ่งอรุณรำไร มองลงไปข้างล่างก็เห็นกลุ่มแสงไฟสีส้มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นแบกแดดเต็มๆ ตาครับ สิ่งที่แปลกคือมีแสงไฟสีส้มวาบขึ้นมาจากพื้นสักพักแล้วก็หายไป ดูเหมือนมีการเผาอะไรสักอย่าง ท่อน้ำมันหรือเปล่านะ

[Amakung]

จากนั้นผมก็หลับต่อไป ตื่นขึ้นมาอีกทีขณะบินอยู่เหนือตุรกี แง้มหน้าต่างขึ้นมาเล็กน้อย ขณะนั้นดวงอาทิตย์ขึ้นแล้วครับ มองเห็นเทือกเขาและทะเลหมอกในคาบสมุทรอนาโตเลียได้อย่างชัดเจน




รีบปิดหน้าต่างดีกว่าก่อนจะทำใครตื่น ตอนนี้เรากำลังบินอยู่เหนือทะเลดำ มุ่งหน้าไปยังประเทศโรมาเนียครับ





ตอนที่ตื่นขึ้นมารู้สึกทันทีว่าปากตัวเองแห้งมากจนเจ็บ คงเป็นเพราะผมแทบไม่ได้ดื่มน้ำเลยตั้งแต่ตอนที่ทานอาหารบนไฟลท์ที่แล้ว (ก็หลายชั่วโมงอยู่) ตอนอยู่ที่สนามบินก็ไม่ได้ซื้อน้ำกินเพราะกลัวต้องลุกไปเข้าห้องน้ำ ผมจึงกดปุ่มเรียกพนักงานต้อนรับเพื่อขอน้ำสักแก้ว ตอนนั้นจำไม่ได้ชัดเจนว่าผมต้องรอนานเท่าไหร่กว่าคุณแอร์จะมา ไม่ได้นานมากแต่ก็ไม่ได้ทันทีทันควันเหมือนการบินไทยหรือ ANA แน่ๆ แต่พอคุณแอร์มาถึงไม่นานก็นำน้ำมาเสิร์ฟให้ ค่อยยังชั่วหน่อย

[Amakung]

เวลาจะก้มหาของ ถ้าไม่อยากรบกวนคนอื่น (รวมถึงลุงแขกอ้วน) เปิดไฟส่วนตัวก็ได้ครับ ได้ใช้ประโยชน์ของเจ้าไฟนี้จริงๆ ซะที


ที่แปลกอีกอย่างคือไฟรัดเข็มขัดติดอยู่ตลอดเวลาเลยครับ แทบไม่เคยถูกปิดเลยตลอดทั้งไฟลท์ทั้งที่ไม่มีตกหลุมอากาศใดๆ อาจจะหมายความว่าอยากให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัดตลอดเวลาที่นั่งอยู่ก็ได้นะครับ แต่กลายเป็นว่าผมไม่ค่อยกล้าลุกไปไหน เอ๊ะเดี๋ยวข้างหน้ามีตกหลุมอากาศหรือเปล่า ถ้าลุกขึ้นแล้วแอร์จะด่าไหม (ถึงผมจะลุกไม่ได้ก็เถอะเพราะลุงอ้วนแกหลับปุ๋ย zzz...) เลยนั่งฟังเพลงในไอพอดตัวเองต่อไป
จากวิดีโอเทคออฟคงได้ยินเสียงเด็กร้องนะครับ เด็กนั่งอยู่แถว 50 นี่เอง ยังดีที่ช่วงนี้ไม่ร้อง


แล้วเครื่องก็บินเข้าทวีปยุโรปที่โรมาเนียครับ ผมเคยมาเที่ยวที่นี่แล้วเมื่อ 3 ปีก่อน ดูจากเส้นทางบินน่าจะได้เห็น Bucharest จากฝั่งที่ผมนั่งด้วย แต่แง้มหน้าต่างขึ้นมาเจอแต่เมฆครับ อดไป

[Amakung]

เวลา 05.44 ตามเวลาท้องถิ่นที่เบลเยียมหรือ 6 ชั่วโมงครึ่งหลังออกจากมุมไบ ไฟในห้องโดยสารก็ติดขึ้นอีกครั้ง หมายความว่าจะเริ่มเสิร์ฟอาหารเช้ากันแล้วครับ ตอนนั้นอยู่ในสภาพหิวจัดเพราะไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมาเกือบ 12 ชั่วโมงแล้ว
เริ่มด้วยสีม่วงก่อน


คุณแอร์เริ่มปฏิบัติหน้าที่


แล้วก็เปลี่ยนเป็นสีชมพู...


...สีส้มอมชมพู...


...แล้วก็กลายเป็นสีเหลืองเหมือนเดิม การจำลองแสงรุ่งอรุณเสร็จสิ้นแล้วครับ


ทีนี้พอไฟติดก็เหมือนน้ำลดตอผุด มองที่ผนังเครื่องบิน อะไรกันนี่ อี๋

[Amakung]

พอเคบินสว่างแล้วก็เปิดหน้าต่างได้อย่างสบายใจขึ้นครับ ตอนนี้เรากำลังบินอยู่เหนือเทือกเขา Transylvanian Alps หรือเรียกอีกชื่อว่า Southern Carpathians ในโรมาเนีย


ถึงจะเป็นกลางเดือนพฤษภาแล้วบางยอดก็ยังมีหิมะปกคลุมอยู่ สวยจัง


ปีกเรียวๆ ที่กรีดออกไปกลางท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม ผมชอบ 777-300ER ตรงนี้ละครับ

[Amakung]

ระหว่างนั้นก็เห็นเครื่องบินอีกลำบินอยู่ไกลๆ ลองซูมดูก็เห็นว่าเป็น A330-200 ของ Air France ครับ
พอเช็คข้อมูลเพิ่มเติมจาก flightradar24 ทำให้รู้ว่านี่คือเที่ยวบิน AF 191 บินจากบังกาลอร์ไปปารีสครับ




F-GZCK -- Air France / Airbus A330-203

มองไปอีกทางก็เห็น Lufthansa 747 กำลังบินตามมา พอเช็คดูถึงรู้ว่านี่คือเที่ยวบิน LH 757 จากมุมไบไปแฟรงก์เฟิร์ตครับ


D-ABVZ -- Lufthansa / Boeing 747-430

[Amakung]

กำลังบินเข้าฮังการีครับ อีกไม่นานน่าจะเห็น Budapest จากฝั่งที่ผมนั่งด้วย ต้องคอยดู




กลิ่นหอมฉุยใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กางโต๊ะหน้าที่นั่งกันก่อน


คุณแอร์ (ที่กอดอกตอนกำลังบอร์ด) ก็มาถึงที่นั่งครับ เธอถามว่า “vegetarian or non-vegetarian” โดยสีหน้านิ่งสนิท แน่นอนว่าผมเลือก non-veg ครับ นึกไม่ออกจริงๆ ว่าอาหารเช้าแบบมังสวิรัติจะหน้าตาเป็นยังไง

อาหารเสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำ 1 ขวด ครีมเทียม เนยและขนมปังอุ่นๆ 1 ก้อนครับ