49 replies to this topic

[spras77]

Advertisements

หลังจากนั้นเราก็อำลาเมืองดูซ เพื่อกลับขึ้นไปทางเหนือไปสู่เมืองปลายทาง สแฟกซ์ (Sfax)ในช่วงเย็นของวันนี้




ระหว่างเดินทาง จะผ่านเมืองทkเมอร์เซ็ท(Tamerzet) ซึ่งเป็นเมืองเก่า เมืองแมทมาท่า(Matmata) เป็นชุมชมที่ใช้ภาษาเบอร์เบอร์ ตั้งอยู่ในภาคใต้ของประเทศ





บางส่วนของชาวเบอร์เบอร์ยังคงสร้างที่อยู่อาศัยในแบบ ดั้งเดิมโครงสร้างใต้ ดินโดยการขุดหลุมขนาดใหญ่ในพื้นดิน แล้วสร้างถ้ำเทียมเชื่อมต่อกันตามแนวเส้นรอบหลุม แล้วขุดเพื่อใช้เป็นห้องพัก




และเข้าสู่เมืองกาเบส(Gabes)




ซึ่งเป็นเมืองใน บรรยากาศเมดิเตอร์เรเนียน

[spras77]

ทาเมอร์เซ็ท(Tamerzet) หรือเมืองที่ได้รับสมญานามว่า Ghost Town เป็นเมืองระหว่างทางที่จะขึ้นสู่ทางเหนือ




ยังคงทิ้งซากสิ่งก่อสร้างแบบสถาปัตยกรรมภูมิภาคซาฮา ร่าดั้งเดิมยังคงหลง เหลืออยู่ให้พบเห็น หลังจากได้ถูกน้ำที่เกิดจากฝนที่ตกติดต่อกันถึง 22 วันไหลท่วมท้นสร้างความเสียหายไปทั้งเมืองในปี ค.ศ. 1969 ชาวเมืองจึงย้ายไปสร้างเมืองใหม่ที่ทันสมัยหรูหราในบริเวณห่างออกไป 1 กิโลเมตร







แล้วเราก็เดินทางผ่านไปเพื่อไปยัง Matmata




เป็นเมืองขนาดเล็กที่ยังคงมีชาวเบอร์เบอร์อาศัยอยู่บางส่วนในถิ่นยังอาศัยอยู่ ทั้งแบบกระโจมเร่ร่อนที่ทำจากขนอูฐ




ซึ่งคนที่นี่จะอาศัยโครงสร้างใต้ดินแบบดั้งเดิม (Troglodyte) โดยเป็นการขุดหลุมขนาดใหญ่เป็นปล่องลึกลงไปในพื้นดินและหินราว 5 – 10 เมตร จนเกิดเป็นลานกว้าง จากนั้นขุดเจาะตามแนวกำแพงปล่องเป็นโพรงถ้ำเพื่อใช้เป็นห้องพัก



และห้องต่าง ๆโดยมีทางเดินแคบ ๆเชื่อมต่อกัน มีบันไดทอดเพื่อลงไปสู่ลานบ้านหลุม และสามารถจัดเก็บได้เมื่อไม่ใช้งาน













ด้านนอกก็ทำเป็นช่องใช้เลี้ยงสัตว์ได้

[spras77]

เตรียมเดินทางต่อ





หทางยังอีกไกลเพราะวันนี้นั่งรถเป็นหลัก ครับ




ได้เวลาเดินทางต่อครับ เป็นที่ สนุกสนานสุขใจกับของดีราคาไม่แพงกันเสียจริงๆครับ

ไม่นานเราก็ถึง โรงแรม Sidi Driss ซึ่งเป็นสถานที่เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Star Wars

[spras77]

ที่ Matmata เริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักขึ้นเมื่อคนท้องถิ่น ได้เปิดบ้านเหล่านี้เป็นโรงแรมหลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง Star Wars มาใช้เป็นฉากถ่ายทำ





พนักงานบาร์ใน รร.ยืนยันว่ามาจริงๆ ครับ แฮ่ม




ร้านอาหารในโรงแรม




โรงแรม Sidi Driss หืออีกชื่อคือ Lars Homestead ในเรื่อง Star Wars คนที่ชื่นชอบหรือเป็นสาวกสตารืวอร์ มักจะหาทางและดิ้นรนมาพักที่นี่ให้ได้


จากภาพเป็นฉากในหนังเรื่องสตาร์วอร์ที่ Matmata เทียบกับภาพ โรงแรมจริง ที่มาภาพ : starwarlocation





ช้เวลาสักพักก็เดินทางต่อครับ
วันที่ไปปรากฎว่ามีสาวก starwar กรุ๊ปหนึ่งแห่กันมาพกและทานอาหารกันกลุ่มใหญ่เลยครับ ดูเค้าชื่นชอบอย่างมากแม้จะผ่านไปนานหลายปีแล้ว

[spras77]

สนใจตามต่อในตอนนี้ได้ที่ลิงค์เลยน่ะครับ

http://www.pantip.co.../E11708091.html

[spras77]

Unexpected Tunisia : Sfax - El Jem - Sousse - Port el Kantaoui - Hammamet


เช้าวันนี้เราอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบเมดิเตอร์ เรเนียนที่หนาวเหน็บ แม้แดดจะแรงแต่อากาศก็ไม่ได้อุ่นขึ้นเลย วันนี้เราจะเดินทางไปEl Jm เพื่อไปดู coliseum ที่กล่าวได้ว่ามีสภาพสมบูรณ์ ลบจุดอ่อนของโคลีเซี่ยมที่ชาวโรมันได้สร้างไว้ที่อื่นจนเกือบสิ้นและที่ สำคัญสภาพยังสมบูรณ์อยู่มาก โดยเฉพาะใต้ดินที่เป็นที่ขังสัตว์ก่อนที่จะนำมาต่อสู้ยังคงสภาพเดิมที่ สมบูรณ์กว่าที่กรีกมาก แล้วก็เดินทางขึ้นเหนือแวะ Port El Kantaoui ซึ่งเป็นมารีร่าหรูหราของตูนีเซีย ที่มีนักท่องเที่ยวนำเรือยอร์ชมาจอดเป็นจำนวนมาก และสุดหมายปลายทางของวันนี้คือ ฮัมมาเมท(Hammamet) เมืองตากอากาศขึ้นชื่อของตูนีเซีย เป็นเมืองสมัยใหม่และมีนักท่องเที่ยวมาพักผ่อนจำนวนมาก เมืองนี้จะมีความคึกคักเป็นอย่างมาก




หลังจากเสร็จภาระกิจส่วนตัวในทุกเช้าแล้ว ก็เตรียมออกเดินทางขึ้นเหนือไปอีกโดยเลียบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนขึ้น ไปเรื่อยๆ โดยเป้าหมายแรกเช้านี้คือ El Jem

เอล เยม (El Jem) เป็นเมืองอดีตเมืองโรมัน ขนาเล็ก ๆทางตะวันออกของประเทศ แต่มีความสำคัญที่สุดเมืองหนึ่งในทวีปแอฟริกาต่อจากนครคาร์เทจ




ภายในจะพบซากปรักหักพักของอัฒจันทร์โคลอสเซี่ยม Amphitheatre ที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 230 – 238 หรือกลางศตวรรษที่ 3 เป็นโคลอสเซี่ยมที่ใหญ่โตพอ ๆกับโคลอสเซี่ยมในกรุงโรม







โดยมีความกว้าง 122 เมตร ยาว 148 เมตร สูง 35 เมตร สามารถจุผู้ชมได้ถึง 35,000 คน ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ในปี ค.ศ. 1979 ปัจจุบันได้ถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานดนตรีคลาสสิกทุกฤดูร้อนเป็นประจำ








ที่นี่เคยใช้เป็นฉากถ่ายทำภาพยนต์เรื่อง The Gladiator ด้วยครับ




วันที่ไปคนไม่เยอะมากครับ ทำให้สนุกสนานกับการเดินและถ่ายภาพมากๆครับ




มีป้ายบอกทางขึ้นลงชัดเจน แต่ก้ทำเอาเดินจนเหนื่อยหอบไม่น้อย

[spras77]

ด้านใต้เป็นที่ขังสัตว์ร้ายที่จะขึ้นมาต่อสู้ ยังมีสภาพที่สมบูรณ์มากถือเป็นแอมฟิเทียเตอร์โรมันที่ใหญ่ที่สุดในแถบ แอฟริกาเหนือและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก




ช่องสีเทายาวๆที่เห็นภาพเมื่อสักครู่น่ะครับ ทีนี้ลงมาด้านล่างครับ ( สามารถเดินลงมาได้ )





ที่นี่คือชั้นใต้ดินของแอมฟิเธียร์เตอร์แห่งนี้
ในอดีตใช้เป็นที่เลี้ยงสัตว์ดุร้ายและขังกลาดิเอเตอร์ก่อนขึ้นแสดงการต่อสู้ครับ




จากการทำการบ้านจะพบว่า ที่นี่สภาพสมบูรณ์กว่าที่โรมมาก ด้วยว่าที่โรมนั้น พื้นได้พังไปหมดแล้ว ทำให้ได้บรรยากาศห้องใต้ดินอย่างแท้จริง




ด้านล่างมีร้านขายของที่ระลึก
ราคาเหมาะสมครับ ด้วยว่าเป้นหน่วยงานรัฐขายเอง สนับสนุนกันไปครับ
ดีกว่าไปถึงที่แล้วไม่มีเวลาซื้อ

[spras77]

เมืองซุส (Sousse) เป็นเมืองตากอากาศริมทะเลเมดิเตอเรเนียน อยู่ห่างจากตูนิสราว 2 ชั่วโมง


ซุสส์ (Sousse) ห่างจากเมืองตูนิสเพียง 140 กิโลเมตรมีเศรษฐกิจรายได้หลักจากผลิตภัณฑ์สิ่งทอ อาหารแปรรูป น้ำมันมะกอก และการท่องเที่ยว ในอดีตกาลเป็นเมืองพันธมิตรของกรุงโรม และมีส่วนในสงครามพิวนิก จากการล่มสลายของอาณาจักรโรมัน จึงตกอยู่ภายใต้อำนาจของพวกแวนดาล และอาณาจักรไบเซนไทน์ จนที่สุดตกอยู่ใต้อำนาจของอาหรับมุสลิม ทำให้เกิดการผสมผสานทางวัฒนธรรม ที่นี่เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยแห่งเมืองซูสส์ (Universite’ de Sousse)อีกด้วย







พอร์ต เอล กานตาวี (Port El Kantaoui) มารีน่าหรูหราเต็มไปด้วยเรือใบ เรือยอชและโรงแรมที่พักหรูเรียงรายอยู่ตามแนวชายหาด






ที่นี่มีท้องทะเลที่สดใส อาคารบ้านเรือนร้านค้าสีสันขาวตัดกับฟ้าและถนนปูลาดด้วยก้อนหินตามสไตล์ของตูนิเซียน




และมีร้านขายของที่ระลึก สินค้าพื้นเมือง ตั้งเรียงรายจำนวนมากเป็นที่จอดเรือจำนวนมากมาย






ในช่วงฤดูร้อนคนจะเยอะมาก โดยเฉพาะชาวยุโรปที่นิมมาพักผ่อนที่เมืองนี้เป็นจำนวนมาก





วงนี้อากาศหนาวอาจจะดูไม่คึกคัก แต่จำนวนคนไม่ได้ลดลงเลย เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะเป้นกลุ่มอาวุโส และมักจะมาพักแบบยาวๆ 1-3 เดือน

[spras77]

แล้วก็เริ่มเดินทางเข้าไปเมือง ฮัมมาเม็ต (Hammamet) ซึ่งทัศนียภาพเปลี่ยนเป็นทุ่งเขียวขจีอีกครั้ง







ถนนกว้างขวางขึ้นเพราะเริ่มเข้าสู่เมืองใหญ่




แวะโรงงานผลิตไวน์กันเล็กน้อย










สนใจตามต่อที่ลิงค์ได้เลยน่ะครับ

http://www.pantip.co.../E11708678.html

[spras77]

Unexpected Tunisia : Hammamet- Nabeul – Tunis

เช้า วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายในตูนีเซีย ความหวาดกลัวในความไม่ปลอดภัยกับเหตุการณ์ภายในประเทศตูนีเซียได้มลายหาย สิ้นไปตั้งแต่ต้นๆของการเดินทางแล้ว ที่เหลืออยู่คือความอาลัยและความชื่นชอบเข้ามาแทนที่




เราจะกลับเข้าสู่เมืองตูนิส และขึ้นเครื่องกลับในเวลาราว 2 ทุ่ม โดยวันสดท้ายนี้ค่อนข้างสบาย เราจะไปเยี่ยมชมป้อมปราการเก่าแก่ พร้อมกับซุค ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก แล้วเดินทางไปชมพิพิธภันธ์บาร์โด พิพิธภัณฑ์ประจำชาติที่รวมมรดกของตูนีเซียไว้สมบูรณ์อีกแห่ง ก่อนจะเดินทางและรำลาตูนีเซียกลับเมืองไทย
เช้านี้เราจะแวะแหล่งผลิตกระเบื้องที่มีลายเฉพาะอันโดเด่นก่อนครับ


เมืองนาเบิล (Nabeul) เป็น เมืองเล็กที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ที่ตัวเมืองเต็มไปด้วยชีวิตชีวา จัตุรัสกลางเมือง หรือเมดิน่าเต็มไปด้วยร้านค้าเครื่องปั้นดินเผาสไตล์เฉพาะของชาวตูนิเซีย รวมไปถึงกระเบื้องลายแปลกตาจำนวนมากมายที่หาไม่ได้จากประเทศอื่น




ลวดลายสะดุดตา และมีเอกลักษณ์เฉพาะ

[spras77]

แล้วเราเดินทางต่อปยังป้อมปราการเก่าแก่ของเมืองติดทะเล แล้วเราเดินทางต่อปยังป้อมปราการเก่าแก่ของเมืองติดทะเล






เป็นสิ่งก่อสร้างโบราณสถานคู่บ้านคู่เมืองแฮมมาเม็ท ซึ่งในอดีตใช้เป็นปราการป้องกันการรุกรานของศัตรู




แถวนี้จะเป็นแหล่งช้อปปิ้งสินค้าของฝากมากมาย พร้อมๆกับรายล้อมไปด้วย ร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านอาหาร




แผง เพิงขายของพื้นเมือง งานหัตถกรรม ของฝาก ของที่ระลึก แต่ราคาที่เปิดมาจะสูงมากและอาจต้องทำใจในการต่อราคา ซึ่งหากไม่สนใจจริงๆไม่ควรจะต่อราคากับเจ้าของร้านครับ





ปากทางเข้าสู้ป้อมปราการ

[spras77]

ทางเดินด้านบน




เมือง




ฟ้า - ขาว




เมืองริมฝั่ง ชายทะเล





เด่นสง่า

[spras77]

แล้วเราแวะกันที่ร้านอาหารไทยในมื้อเที่ยง ในทริปวันสุดท้ายนี้เรายังมีโอกาสพิเศษได้แวะทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารไทย มโนราห์ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของโรงแรม Sinbad ซึ่งมีแม่ครัวเป็นคนไทย จึงทำให้ได้รสชาติอาหารแบบไทยแท้ๆให้หายคิดถึงก่อนเดินทางกลับบ้าน ที่นี่แม่ครัว หรือพี่ปรียาพร ได้โยกย้ายมาอยู่ที่ตูนีเซียพร้อมสามีเมื่อราวเกือบ 20 ปีแล้ว อาชีพหลักคือการเป้นแม่ครัวฝีมอดีที่ได้วิชาติดตัวมาตั้งแต่อยู่เมืองไทยจึง ทำให้มื้อเที่ยงสุดท้ายในตูนีเซียเป็นอีกมื้อพิเศษแม้จะเป็นเพียงแค่ไข่ เจียว แต่เป็นไข่เจียวแบบรสชาติไทยแท้ๆพร้อมข้าวสวยรสนุ่ม ไม่ใช่ข้าวแฉะ แข็งแบบที่ผ่านมา ขอบคุณมากๆครับ

ในภาพเป็นพี่แม่ครัวคนไทย พร้อมกับลูกสาวซึ่งเป็นลูกครึ่งไทย - ตูนิส

[spras77]

ในความรู้สึกดี ย่อมมีข่าวไม่ค่อยจะสู้ดีตามมาหลังจากมื้อเที่ยงของวันนั้น นั่นคือ รถโค้ชที่ใช้เดินทางนั้นกระจกประตูแตก ซึ่งในตอนแรก มร.มูฮัมเหม็ด พนักงานขับรถแสนขยันของเราเข้าใจว่าน่าจะถูกเฉี่ยวชน แต่ปรากฎว่า เมื่อกลับไปเช็คของภายในรถพบว่าเงินมูลค่าจำนวนหลักแสน ( ตีเป็นเงินไทย ) ซึ่ง มร.มูฮัมเหม็ดจะนำไปซื้อรถคันใหม่ให้กับครอบครัว ซึ่งทำการเบิกไว้ล่วงหน้าก่อนที่งานจะเสร็จในวันนี้ ซึ่งเมื่อเสร็จงานทริปนี้แล้วจะรีบไปซื้อรถและขับกลับบ้านไปหาครอบครัวได้ ถูกขโมยไป เท่านั้นยังไม่พอ กระเป๋า 2 ใบของกรุ๊ปที่ร่วมทางไปด้วยกันได้หายไป จึงน่าจะเป็นเรื่องของการโจรกรรมมากกว่า ไม่นานเมื่อ ตร.มาถึง ก็ได้แต่บันทึกเรื่องราว ในขณะนั้นกลุ่มตูนิสมุงด้วยความสนใจ ก็ทวีจำนวนมากขึ้นทำให้รถติดยาวเหยียด พวกเราในกรุ๊ปได้เสนอแนะให้ปีนกำแพงเข้าไปค้นหาในกำแพงซึ่งมีหญ้าขึ้นรกมาก ด้วยสัญชาติญาณการระแวดระวังตัวและการมาจากเมืองที่เรื่องเหล่านี้สามารถ เกิดขึ้นได้เสมอหากไม่ระวัง จึงทำให้พวกเรากลุ่มหนึ่งรีบปีนเข้าไปช่วยกันค้นหา ขณะเดียวกัน เจ้าของร้านอาหารและผู้จัดการโรงแรมทราบเรื่องก็รีบมาดูพร้อมๆกับพนักงานใน ร้านทราบเรื่องก้รีบเข้าไปค้นหาด้วยความเต็มใจโดยไม่ต้องร้องขอ ซึ่งใช้เวลาหาอยู่นานก็ไม่พบ จึงได้แต่ทำใจและต้องรีบติดต่อประสานกับสถานทูต เพื่อทำพาสปอร์ตเตรียมเดินทางกลับในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ท่ามกลางกำลังใจที่เริ่มห่อเหี่ยวและหมดหวัง พี่เจ้าของกระเป๋าเริ่มทำใจ ก็มีคนเสนอแนะให้ลองค้นอีกรอบคราวนี้ฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นอาคารร้าง จึงทำเข้าไปค้นหากันอีกรอบเป้นครั้งสุดท้าย หายไปนานราว 15 นาทีก้มีรอยยิ้มกลับมาพร้อมกับเรียก ตร.ท้องถิ่นเข้าไปดู ปรากฏว่าในโซนด้านหลังตึกร้างนั้น มีกระเป๋าหล่นกระจัดกระจายมากมาย และลึกเข้าไปก็เจอกระเป๋าของทุกคนในทริปตกอยู่ แน่นอนว่ากระเป๋าของ มร.มูฮัมเหม็ดด้วยเช่นกัน แต่เงินไม่อยู่เสียแล้ว ........ ขณะที่กระเป๋าของพี่คนไทยที่หายไปปรากฏของอยู่ครับ ทั้งหนังสือเดินทาง ipad เงิน จะมีแต่เพียง iphone เท่านั้นที่หายไป กลายเป็นเรื่องที่น่ายินดีและขอบคุณกับคนท้องถิ่นหลายคนที่มาช่วยกันหา ที่เหลือจึงเป็นหน้าที่ของ ตร.ที่จะตามกะรอยจาก iphone ต่อไปแม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น แต่ก็ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากคนตูนีเซียในยามที่เกิดเหตุไม่พึง ประสงค์ ซึ่งทุกคนยินดีช่วยเหลือด้วยความเต็มใจโดยไม่หวังผลตอบแทนเมื่อทราบข่าว แม้กระทั่งการทำงานของ ตร.เองที่รวดเร็วและกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไปแม้ในบ้านของเราเองหรือแม้แต่ ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าปลอดภัยที่สุด ประสบการณ์นี้ช่วยสอนอะไรหลายอย่างได้เป็นอย่างดีและจะเป็นประสบการณ์ที่ดี ในการเดินทางในดินแดนอื่นๆต่อไป

[spras77]

แม้จะมีเหตุการณ์ระทึกขวัญ แต่เราก็ยังเินหน้าแวะไปพิพิธภัณฑ์บาร์โด ซึ่งเป็นพิพิธภํณฑ์แห่งชาติตูนีเซ๊ย แม้ว่าเวลาจะเหลือน้อยแล้วก็ตาม ( ใกล้ปิด )

พิพิธภัณฑ์บาร์โด (Bardo Museum) ในอดีตเป็นพระราชวังเก่าของบีย์ (Bey) ชื่อในตำแหน่งของผู้ครอบครองหรือประมุขของรัฐในอดีต อาคารพระราชวังมีความสำคัญทางสถาปัตยกรรมในศตวรรษที่ 13 แบบดั้งเดิม และได้รับการบูรณะและขยับขยายมาโดยตลอด




ป็นสถานที่ซึ่งได้รวบรวมร่องรอยในอดีตที่น่าสนใจมาก ซึ่งได้ถูกจัดแสดงเรียงตามวันและสถานที่แหล่งกำเนิด ทำให้เห็นถึงศิลปะและวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชาวตูนิเซีย ตั้งแต่สมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์ จนถึงยุคของพิวนิก ชาวนครคาร์เทจ สู่ยุคโรมัน และจากยุคโรมัน สู่ยุคของคริสเตียนไบเซนไทน์ จนถึงยุคอิสลาม






ป็นพิพิธภัณฑ์ที่สามารถบ่งสะท้อนให้เห็นถึงสภาวะ ของการใช้ชีวิตและความเป็น อยู่ในยุคสมัยนั้น ๆเป็นอย่างดี และเป็นสถานที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุจากยุคก่อนประวัติศาสตร์

[spras77]

เรื่อยมาจนถึง ยุคร่วมสมัย อีกทั้งยังเป็นสถานที่เก็บสะสมชิ้นงานประดับโมเสกที่ใหญ่ที่สุด สมบูรณ์ที่สุด และสวยงามที่สุดในโลกอีกด้วย




ความงามของที่นี่ไม่ได้อยู่แค่เพียงโมเสคที่มีมากมาย ซึ่งรวบรวมมาไว้จากซากเมืองโรมันต่างๆทั่วประเทศ แต่อยู่ที่การตกแต่งภายในอาคาร ที่เป็นจวนผู้ว่าหลังเก่าด้วย




ที่นี่แทบจะเรียกได้ว่าเป้นสถานที่ซึ่งรวบรวมโมเสคใน อดีตไว้ได้มากที่สุด การขนย้าย การติดตั้ง การจัดวางล้วนสื่อให้เห้นถึงความร่ำรวยของอารยธรรม ความรุ่งเรืองในอดีตของตูนีเซียทั้งสิ้น




มร.อเดล ไกด์กำลังแนะนำให้เห็นจุดเด่นของโมเสค ชุดนี้ ( นกยูง )





ความวิจิตรของหินสีที่นำมาใช้ตกแต่ง ซึ่งแตกต่างจากเม็ดอื่นๆ ซึ่งทำให้นกยูงชุดนั้นมีความโดดเด่น




มุมมองจากด้านบน




ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์

[spras77]

การได้มีโอกาสตระเวนเกือบทั่วประเทศในครั้งนี้แม้จะ เป็นการเดินทางที่ยาวนาน แต่เมื่อเทียบกับเสน่ห์และสิ่งที่น่าสนใจของที่นี่แล้วถือว่าสั้นมากในความ รู้สึก เสน่ห์ของผู้คน ความน่าสนใจของสถานที่ต่างๆจะกลายเป็นความทรงจำให้คิดถึงอยู่เสมอเมื่อจากมา มีคณะที่ร่วมเดินทางต่างให้นิยามกับดินแดนที่เป็นเพื่อนคนใหม่ที่เราเพิ่ง รู้จักนี้แบบง่ายๆสั้นๆว่า เป็นประเทศที่

" ก่อนมานั้นไม่อยากมา แต่เมื่อมาถึงแล้วไม่อยากกลับ และเมื่อกลับไปแล้วก็คิดถึงและถวิลหาเป็นอย่างยิ่ง "

[spras77]

ขณะที่นั่งเขียน review อยู่นี้ผ่านมาราว 10 กว่าวันแล้ว แต่ความรู้สึกต่างๆยังตราตรึงและประทับใจอยู่ การได้มีโอกาสได้นำเพื่อนใหม่ผู้ห่างไกลอีกซีกโลกมาให้เพื่อนๆที่สนใจและ ชื่นชอบการเดินทางไปในดินแดนใหม่ ให้สามารถจับต้องได้ด้วยการมีข้อมูลที่เพียงพอ น่าจะช่วยทำให้เพื่อนใหม่คนนี้ที่ชื่อตูนีเซีย เป็นเพื่อนใหม่ที่น่าสนใจและถูกเก็บไว้ใน list ของประเทศที่ต้องหรืออยากไปเยือนให้ได้มากยิ่งขึ้น

" Bessalama Tunisian - Au revoir Tunisia "

[spras77]

ขอบพระคุณที่แวะมานั่งเล่นน่ะครับ เจอกันในทริปหน้าครับ
ขอบคุณครับ

[Zandida]

เป็นประเทศที่น่าสนใจมากเลยค่ะ แถมรูปสวย ทำให้เรื่องราวน่าติดตามมากกว่าเดิม

จำได้ว่าเคยดูรายการของคุณจ๊อบ นิธิ (เมื่อนานมากแล้ว) เค้ามีไปถ่ายธารน้ำแข็ง (Glacier) ที่นั่นด้วย

ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆ ค่ะ ^__^