Jump to content



 
จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม จองรถเช่า
แผนกบริการลูกค้า โทร 02-3737-555 จันทร์ - เสาร์ 09.00-18.00น.

 

ค้นหาข้อมูลท่องเที่ยวและการบินในเอชไฟล์ท เชิญด้านล่างนี้

หน้าแรก | เว็บบอร์ดรีวิว | จองตั๋วเครื่องบิน | จองโรงแรม | เที่ยวต่างประเทศ | เที่ยวในประเทศ | ลงโฆษณา

ทริปตูนีเซียประตูสู่ซาฮาร่า Unexpected Tunisia : Cathage - Douz - Sidi Bou Said - Hammamet


  • This topic is locked This topic is locked
49 replies to this topic

#1 spras77

spras77

    สมาชิกกำลังออกตั๋ว

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 267 posts

 


Posted 18 February 2012 - 05:44 AM

Advertisements

ทริปตูนีเซียประตูสู่ซาฮาร่า Unexpected Tunisia : Cathage - Douz - Sidi Bou Said - Hammamet

Posted Image

สวัสดีครับ ทริปนี้พาเพื่อนใหม่มาแนะนำให้ชาววิช คลับได้ทำความรู้จักครับ โดยจะพาไปเยือนประเทศตูนีเซีย ครับ เดินทางร่วมกันมาได้เลยน่ะครับ

ช่วงต้นปี 2012 ขณะนั่งพักเหนื่อยอยู่ในร้านกาแฟกลางเมืองดานัง ประเทศเวียดนามได้รับข่าวผ่านทาง e-mail ว่ามีภาระกิจต้องไปตูนีเซียในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าและให้ติดต่อกลับด่วนเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับ visa และรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องภายใน 1- 2 ชม.นี้โดยด่วน





ซึ่งหลังจากจัดการเกี่ยวกับเอกสาร และรายละเอียดต่างๆที่ต้องรีบดำเนินการแล้ว จู่ๆความหนักใจก็ถาโถมเข้ามาแทนที่ความยินดีปรีดาที่ได้รับทราบภารกิจใหม่ ที่แสนจะท้าทายในดินแดนแอฟริกาเหนือ

" ตูนีเซีย ... ที่เรา ไม่ รู้ จัก .... "


Posted Image


การทำความรู้จักกับประเทศตูนีเซียถูกจัดให้เป็นการบ้าน งานมื้อดึกเป็นครั้งแรกขณะกำลังอยู่ที่เมืองฮอยอัน สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ที่ตูนีเซีย ถูกยกให้เป็นประเทศที่มีสถานที่ซึ่งยูเนสโก้ขึ้นทะเบียนรับรองให้เป็นมรดกโลกอยู่เป็นจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วประเทศ
กลายเป็นว่าเราเริ่มทำความรู้จักกับแหล่งมรดกโลกของประเทศตูนีเซีย ในขณะที่อยู่เมืองมรดกอีกซีกโลกหนึ่ง



Posted Image


แน่นอนว่าการเดินทางที่แสนทรมานบนเครื่องบินนานถึง 14 - 15 ชั่วโมงเป็นอีกภารกิจที่ท้าทายไม่น้อย แม้ว่าจะต้องไปต่อเครื่องที่เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์ก่อนก็ตาม



Posted Image



พลันที่มิตรสหายที่ซึ่งติดศึกกันอยู่ที่ฮอยอันหลายชีวิตทราบข่าว ก็พากันเซ็งแซ่ ถามไถ่ด้วยคำถามที่ชวนหนักใจขึ้นไปอีก

- เลิกรบกันแล้วเหรอ?
- เมื่อวานเพิ่งครบรอบ 1 ปีปฏิวัติไปเอง สงบแล้วเหรอ
- มันไม่ร้อนเหรอทะเลทรายหน่ะ ไหวไหม ( ว่ะ )
และไปถึงว่า อาหารมันจะสะอาดไหม เชื้อโรคต่างๆล่ะ .....

ด้วยความสัตย์จริงว่า "เรา" รู้อะไรเกี่ยวกับเพื่อนใหม่คนนี้น้อยมากทีเดียว
ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูจากข่าว ทั้งภาคภาษาไทย ภาคภาษาอังกฤษ รวมไปถึงภาษาอาหรับด้วยกันเอง ซึ่งล้วนแล้วแต่มีต้นตอของแหล่งข่าวที่ถูกสร้างจากค่ายโลกเสรีเป็นคนวางพล๊อตไว้แล้วนั้นได้ถูกเลือกให้นำเสนอข่าวในด้านที่เราคุ้นกันคือ

- ความอดอยาก ยากจนในแอฟริกา
- สงครามกลางเมืองของชาวอาหรับ
- ความสกปรกและโรคร้ายของคนในดินแดนทวีปแอฟริกา

แต่ก็ต้องไป ไปให้รู้ ไปให้เห็นกับตาพร้อมๆกับเวลาที่ทำการบ้านเพียง 1 สัปดาห์แบบไม่เต็มหลังจากกลับจากเวียดนามช่วงฝนพรำ

Posted Image

กาตาร์แอร์เวย์ถูกจัดให้เป็นพาหนะพาเราบินข้ามทะเลไปถึงแอฟริกาเหนือ ตามมาตรฐานของสายการบินของกลุ่มเหล่านี้ที่มาตรฐานสูงอยู่แล้ว จึงสะดวกสบาย ไม่น้อยและอาศัยหลับนอนกันยาวข้ามคืนกันบนเครื่อง มาถึงตูนีเซียก็เช้าของอีกวัน ( เวลาากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง) ราวๆตี 3 - 4




Posted Image


ความสนุกสนานบนดินแดนที่เราคาดไม่ถึงกำลังจะเริ่มในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้

" ตูนีเซีย "


Posted Image
Posted Image



Advertisements

#2 spras77

spras77

    สมาชิกกำลังออกตั๋ว

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 267 posts

Posted 18 February 2012 - 05:45 AM

ประเทศตูนีเซีย เป็นประเทศที่เราและนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ไม่คุ้นเคยและไม่ได้เป็นที่หมายน่าสนใจในการเดินไปท่องเที่ยว ด้วยว่าการที่ตูนีเซียตั้งอยู่ในพื้นที่แอฟริกา ซึ่งมีภาพที่เราเห็นจนชินตาผ่านทางสื่อต่างๆเช่น ความอดอยาก ความยากจน และพื้นที่ทะเลทรายซึ่งแห้งแล้งทุรกันดาร สงครามกลางเมืองและจราจล ล่าสุดที่ตูนีเซียเป็น Role Model ให้กับอีกหลายประเทศในโลกมุสลิมในก่อให้เกิดการปฏิวัติดอกมะลิ หรือ The Jasmine Revolution ที่มีการสะสมความไม่พอใจจากการถูกกดขี่ การใช้อำนาจในทางที่ไม่เหมาะสมของผู้นำประเทศ และมาปะทุเมื่อมีเชื้อไฟที่สำคัญซึ่งเกิดจากหนุ่มใหญ่ชาวตูนีเซียซึ่งขายผลไม้เลี้ยงแม่และน้องหลายคนทนความไม่ยุติธรรมของเจ้าหน้าที่ไม่ไหวเมื่อถูกจับกุมและทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม จึงจุดไฟเผาตัวตายเพื่อประท้วง ซึ่งข่าวการเผาตัวตายของเขาเป็นชนวนจุดเชื้อไฟให้ปะทุออกมาทั่วประเทศ เหตุการณ์นั้นเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวอาหรับในประเทศอื่นซึ่งตกอยู่ในสภาพเดียวกันลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลของตน การเดินทางที่ไกลและใช้เวลานานก็เป็นอีกอุปสรรคสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ประเทศแห่งนี้ไม่ได้รับความนิยมในการเดินทางมาท่องเที่ยวมากนัก กระนั้นก็ดียังมีนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่แสวงหาพื้นที่ท่องเที่ยวใหม่ๆที่ท้าทายที่ยังสดและมีสภาวะการท่องเที่ยวที่ยังสมบูรณ์ซึ่งประเทศตูนีเซียติดอันดับอยู่ในใจนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ในลำดับต้นๆที่จะหาโอกาสมาเยือนให้ได้

Posted Image


ในช่วงที่เดินท่องเที่ยวอยู่ในตูนีเซีย 8 ;วันจะพบนักท่องเที่ยวชาวเอเชียนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะกลุ่มจากประเทศเอเชียตะวันออก ยังไม่รวมนักท่องเที่ยวจากยุโรปและเชื้อชาติอื่นที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งนิยมเดินทางมาพักผ่อนกันเป็นเวลานานแล้วด้วยว่าค่าใช้จ่ายในการพักผ่อนที่นี่ถูกมากสำหรับชาวยุโรป ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวยังสดและมีคุณภาพมีอยู่มากมายทั่วประเทศ อีกทั้งการบริการต่างๆและสาธารณูปโภคพื้นฐานที่รองรับการท่องเที่ยวก็มีสภาพที่ดีและเพียงพอกับความต้องการ และแม้ตูนีเซียจะเป็นประเทศมุสลิม (ซึ่งมีข้อจำกัดมากมายที่นักท่องเที่ยวต่างศาสนาอาจจะไม่เข้าใจหรือไม่อาจยอมรับได้ในบางประการกรณีเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศเหล่านี้) แต่ตูนีเซียก็เป็นประเทศมุสลิมที่เปิดรับความเปลี่ยนแปลงและกล้าที่จะปรับเปลี่ยนในหลายมิติค่อนข้างมาก จึงทำให้นักท่องเที่ยวชาวยุโรปและชาวเอเชียกลุ่มเอเชียตะวันออกนิยมมาเที่ยวที่นี่กันเป็นจำนวนมาก


Posted Image


ความสดและความหลากหลายในพื้นที่เดียวกันเป็นเสน่ห์สำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนและทำความรู้จักตูนีเซีย ความหลากหลายทางสถาปัตยกรรมที่รุ่งเรืองในอดีตที่ยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่เป็นจำนวนมากและความสดของทรัพยากรธรรมชาติที่มีความหลากหลายในพื้นที่ประเทศตูนีเซีย โดยมีทั้งความอุดมสมบูณ์เขียวขจี สามารถทำการเกษตรเพาะปลูกได้และความแห้งแล้งของทะเลทรายที่มีพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของประเทศอยู่รวมกันอย่างสมดุลย์ในพื้นที่เดียว

Posted Image



เสน่ห์อีกอย่างที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนตูนีเซียที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆแม้แต่ประเทศกลุ่มที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน (กลุ่มประเทศมาเกร็บที่ประกอบด้วย โมร็อคโค แอลจีเรียและตูนีเซีย)คือ คนตูนีเซีย ตลอดเวลาที่อยู่ในตูนีเซีย เราจะพบเห็นรอยยิ้มและคำทักทายกับนักท่องเที่ยวตลอดเวลา รอยยิ้มและโบกมือทักทายเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายบนท้องถนนที่เรานั่งรถผ่าน การยินดีให้ความช่วยเหลือซึ่งหากในประเทศอื่นอาจต้องแลกด้วยผลประโยชน์แม้เพียงเล็กน้อย แต่ที่นี่เป็นนิสัยพื้นฐานของคนส่วนใหญ่ซึ่งยินดีช่วยเหลือแม้ไม่มีสิ่งของตอบแทน สิ่งเหล่านี้แม้แต่ในพื้นที่เมืองหลวงหรือเขตเมืองใหญ่ๆที่มีความเจริญทางวัตถุอย่างมากก็สามารถพบเจอได้จนเป็นเรื่องปกติ แม้แต่ในตลาดหรือซุค(Souk) บรรดาพ่อค้าก็ไม่ได้ตื้อให้ซื้อสินค้า โก่งราคาขูดรีด บังคับหรือมีนิสัยแกมโกง ที่นี่หากตกลงและพอใจที่จะซื้อทั้ง 2 ฝ่ายเรื่องราคาก็ไม่ใช่ปัญหา ซึ่งหากเค้าขายได้และพอมีกำไรบ้างเค้าก็ยินดีที่จะขายให้พร้อมๆกับรอยยิ้ม


Posted Image

#3 spras77

spras77

    สมาชิกกำลังออกตั๋ว

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 267 posts

Posted 18 February 2012 - 05:46 AM

หากมีคำพูดติดปากกันมาช้านานว่าคนไทยยิ้มง่ายแล้ว คนที่นี่ก็น่าจะยิ้มเก่งไม่แพ้คนไทยเลยทีเดียว ความเป็นคนยิ้มง่ายและเป็นมิตรของที่นี่ ได้ทำให้ภาพสงครามกลางเมือง ความอดยาก และความยากจนของประเทศในแถบแอฟริกาถูกลบหายไปสิ้น นอกเหนือจากสภาพจริงที่ได้มาเห็นกับตาและได้ลองสัมผัสแล้วว่าไม่ได้เป็นอย่างที่พบเห็นในข่าวและสื่อต่างๆแล้ว รอยยิ้มและความเป็นมิตรของคนที่นี่นั่นเองเป็นสิ่งที่สำคัญซึ่งทำให้ ความรู้สึกกลัวและไม่ปลอดภัยจากการได้รับจากการบริโภคข่าวผ่านสื่อต่างๆได้หายไปและแทนที่ด้วยความระลึกและคิดถึงเมื่อเดินทางจากมา

Posted Image



การเดินทางมายังประเทศตูนีเซีย ในปัจจุบันมี 2 วิธีคือการเดินทางมายังฝรั่งเศสและต่อมายังเมืองตูนิส ประเทศตูนีเซียทั้งโดยเครื่องบินและเรือ การที่มีจุดเด่นเป็นประเทศที่อยู่ใกล้ทวีปยุโรปโดยห่างจากเกาะซิซิลีของประเทศอิตาลีเพียง 180 กม.เท่านั้นจึงทำให้มักจะมีนักท่องเที่ยวในแถบฝรั่งเศส อิตาลีและหลายประเทศในยุโรปนิยมนำรถส่วนตัวลงเรือข้ามมาเที่ยวยังตูนิสเสมอ นอกจากนี้ยังมีสายการบินของกาตาร์แอร์เวย์จากสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ มายังสนามบินตูนิส คาร์เทจ ประเทศตูนีเซีย ที่ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 13 ชั่วโมงแบบที่เราเดินทางมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกด้วย


Posted Image

#4 spras77

spras77

    สมาชิกกำลังออกตั๋ว

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 267 posts

Posted 18 February 2012 - 05:46 AM

ประเทศตูนิเชียมีชื่อที่เป็นทางการคือ สาธารณรัฐตูนิเซีย (The Tunisia Republic) เป็นประเทศอาหรับมุสลิมที่ตั้งอยู่ในแอฟริกาเหนือ บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดใน 3 ประเทศที่มีภูมิประเทศตั้งอยู่บนเทือกเขาแอตลาสเมื่อเทียบกับประเทศไทยแล้วจะมีขนาดเล็กกว่าราว 3 เท่า มีพื้นที่ติดกับประเทศแอลจิเรียทางด้านตะวันตกและประเทศลิเบียทางทิศใต้ จุดเด่นที่เป็นเสน่ห์ที่สำคัญอีกอย่างคือการประเทศที่มีพื้นที่ของทะเลทรายซาฮาร่าอยู่ในประเทศด้วย ซึ่งกินพื้นที่ถึง 40% ( ทางทิศใต้ของประเทศ ) ขณะที่พื้นที่ส่วนที่เหลือกลับเป็นพื้นที่ซึ่งอันอุดมสมบูรณ์มาก สามารถปลูกพืชและทำการเกษตรที่สำคัญได้มากมาย พืชที่ขึ้นชื่อของที่นี่มีทั้งส้ม น้ำมันมะกอก และอินทผาลัมที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกและที่ตูนีเซียเป็นตลาดกลางค้าขายอินทผาลัมโลกด้วย ขณะที่พื้นที่อีกส่วนก็ติดชายฝั่งทะเลที่สามารถเดินทางเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งพื้นที่เหล่านี้มีบทบาทอย่างมากในสมัยโบราณ ซึ่งเริ่มต้นด้วยการก่อตั้งเมืองคาร์เทจ อันเลื่องชื่อของชาวฟีนิเซีย และ เป็นพื้นที่อู่ข้าวอู่น้ำของอาณาจักรโรมันในเวลาต่อมา

Posted Image


รายได้ต่อหัวของชาวตูนิสจะพอๆกันกับชาวไทยโดยค่าเงิน 1 usd = 1.2 -1.5 dtn ภาษาที่ใช้ส่วนใหญ่คือภาษาอาหรับและภาษาฝรั่งเศส ขณะที่ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารทั่วไปก็สามารถใช้ได้ไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด ส่วนปลั๊กไฟเป็นแบบ Type E คล้ายกับที่ใช้ในฝรั่งเศสและยุโรปส่วนใหญ่ สำนักงานของไทยที่ดูแลตูนิเซีย เดิมคือสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมาดริด ปัจจุบันใช้ที่เป็นสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงตริโปลีประเทศลิเบีย และการขอ visa สำหรับเป็น group บ.ทัวร์ต่างๆสามารถดำเนินการ visa on arrival ได้แต่หากจะขอเองหรือเดินทางด้วยตนเองจะต้องดำเนินการยื่นที่สถานกงสุลที่กรุงเทพ(ข้างหลังตึกCaesarsที่สี่แยกห้วยขวาง ) และสถานกงศุลจะส่งเอกสารไปที่อินโดนีเซียให้ โดยใช้เวลาประมาณ2อาทิตย์เอกสารที่ต้องใช้ได้แก่ พาสปอร์ตและสำเนาหน้าที่มีภาพถ่ายของตนเอง , ภาพถ่าย 2 นิ้ว 2 ภาพ , จดหมายรับรองจากที่ทำงาน , หลักฐานการจองโรงแรม , สำเนาบัญชีเงินฝาก , เงิน $65 ต้องไม่เก่ากว่าปี2002 และเงินอีก 1500 บาท ( ที่มาข้อมูลขอvisa @ trekkingthai โดยคุณthelittlevoice )


Posted Image



ลักษณะบ้านเมืองของที่นี่เป็นที่รวมของผู้คนที่หลากหลายและเป็นศูนย์กลางสินค้านานาชนิดมาช้านานด้วยว่าเป็นเมืองท่าชายทะเลมาตั้งแต่อดีต ซึ่งทิ้งหลักฐานและร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองผ่านสถาปัตยกรรมแบบอย่างโรมัน และในปัจจุบันก็เต็มไปด้วยไปด้วยตึกสมัยใหม่ผสมกับตึกในรูปแบบจากยุคอาณานิคมในแบบฝรั่งเศส ซึ่งรวมไปถึงวิถีชีวิตของคนที่นี่ก็ดำรงชีวิตคล้ายชาวฝรั่งเศสด้วยเช่นกัน จุดเด่นที่สำคัญที่พบเห็นบนท้องถนน คือร้านค้าต่างๆโดยเฉพาะร้านกาแฟ ที่มีชาวตูนิสนั่งดื่มกาแฟกันริมถนนหน้าร้านกันเป็นจำนวนมาก
ชาวตูนีเชียนภาคภูมิใจกับความเป็น modern islam ของประเทศตนเองเป็นอย่างมาก โดยคนตูนิสเองได้อธิบายว่าการปรับความเป็นมุสลิมให้เข้ากับวิถีชีวิตจริงได้นั้นคือการพัฒนาประเทศอย่างหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งเมื่อทำการบ้านแล้วก็พบว่าน่าจะมีส่วนสำคัญไม่น้อยที่ทำให้ตูนีเซีย มีความก้าวหน้าในวิธีคิดหลายอย่างที่โดดเด่นและแตกต่างจากประเทศอาหรับมุสลิมอื่นๆ ด้วยว่าตูนีเซียได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศที่มีแผนพัฒนาประเทศและการพัฒนาด้านการศึกษาที่ดีที่สุดประเทศหนึ่ง จึงทำให้ตูนีเซียที่เป็นประเทศอาหรับซึ่งแทบจะไม่มีทรัพยากรน้ำมันใต้ผิวดินคอยหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจหลักของประเทศแต่ประชากรส่วนใหญ่ในประเทศกลับได้รับการศึกษามากกว่าบางประเทศซึ่งร่ำรวยทรัพยากรน้ำมัน และมากกว่าประเทศที่มีประวัติศาสตร์ ความเจริญรุ่งเรืองมาช้านานอย่างประเทศอียิปต์อีกด้วย การที่มีแนวคิดเป็นที่ยอมรับในระดับสากลจึงทำให้ตูนีเซียมีศักยภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในอันดับต้นของภูมิภาคแอฟริกาทั้งในเรื่องเพลังงานปิโตรเลียมและการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากชาวยุโรปในแง่ของการเป็นแหล่งท่องเที่ยวตากอากาศที่สำคัญอีกด้ว

Posted Image


นอกจากนี้ความโดดเด่นที่สร้างความภาคภูมิในการเป็น modern muslim โดยเฉพาะการเป็นประเทศมุสลิมที่ให้ความสำคัญกับบทบาทของผู้หญิงเป็นอย่างมาก ทั้งการการเปิดโอกาสผู้หญิงมีให้สิทธิในการศึกษา การทำงานได้เท่าเทียมกับผู้ชาย นอกจากนี้ที่นี่ยังให้ชายชาวตูนีเซียมีภรรยาได้เพียงแค่คนเดียวอีกด้วยซึ่งแตกต่างจากประเทศมุสลิมอื่นๆ ดังนั้นถ้าเราไปประเทศมุสลิมอื่นๆ เราอาจคุ้นเคยกับสตรีที่แต่งกายปกปิดมิดชิด คลุมฮิญาบตลอดเวลาที่อยู่นอกบ้าน แต่ที่ตูนีเซียได้มีกฎหมายที่ห้ามสตรีคลุมฮิญาบหรือผ้าคลุมผมในสถานที่ราชการ(นอกเหนือจาก ตุรกีและอาเซอร์ไบจัน ) แม้จะมีเสียงคัดค้านจากชาวกลุ่มมุสลิมที่เคร่งครัด จนต้องมีการปรับแก้กฎหมายให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายในที่สุดก็ตาม

บรรยากาศตามท้องถนนทั่วไปโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆอย่างตูนิส(tunis) เมืองซูสส์ (sousse) จะพบชาวมุสลิมตูนิส แต่งกายตามสมัยนิยมคล้ายกับชาวตะวันตกทั่วไป โดยเฉพาะในกลุ่มคนหนุ่มสาว นักศึกษาและวัยทำงาน ขณะที่ชาวตูนิสดั้งเดิมที่อายุมากแล้ว หรือตามนอกเมืองให้ออกไปก็พบการแต่งกายเหมือนคนมุสลิมทั่วไปประปราย การเปลี่ยนโฉมจากการแต่งตัวตามประเพณีที่พบเห็นทั่วไปในประเทศมุสลิม มาเป็นการแต่งกายตามสมัยใหม่และใช้ชีวิตที่ใกล้เคียงชาวตะวันตก การมีสิทธิที่เท่าเทียมกันของหญิงชายยุคใหม่ชาวตูนิส จึงมักจะพบเด็กนักเรียน นักศึกษาผู้หญิง เดินกลับจากโรงเรียน มหาวิทยาลัยเป็นปกติ หรือตามร้านอาหาร ร้านกาแฟก็นั่งรวมกันมีแยกหญิงชาย อาจจะด้วยความใกล้ชิดกับกลุ่มประเทศยุโรป ที่ทำให้ชาวตูนิสรับวิธีการคิดตามตะวันตกมาเสียเป็น ซึ่งทำให้มีความโดดเด่นเหนือประเทศในกลุ่มมุสลิมทั่วไป


Posted Image

#5 spras77

spras77

    สมาชิกกำลังออกตั๋ว

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 267 posts

Posted 18 February 2012 - 05:47 AM

ทริปตูนีเซียประตูสู่ซาฮาร่า # 2 Unexpected Tunisia : Tunis - Cathage - Sidi Bou Said - Kairouan


Unexpected Tunisia : Tunis – Cathage - Sidi Bou Said – Kairouan


วันแรกของการเดินทางเราจะใช้เวลาในพื้นที่เมืองเก่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองและ มีบทบาทสำคัญในอดีตอย่างเมืองคาร์เทจ( cathage) เราออกจากสนามบินนานาชาติตูนิส คาร์เทจราวๆ 6 โมงเช้าพร้อมกับอากาศที่หนาวเย็นจนสั่นและมีไอจากปากเมื่อยามที่ต้องส่ง เสียงพูด ในช่วงเดือนมกราคม ยามเช้าแบบนี้ผู้คนในเมืองตูนิสเริ่มคึกคักแล้วแต่ก็เป็นความคึกคักแบบเงียบ เหงา ไม่จอแจ ที่นี่รถไม่ติด ฟ้าใสและผู้คนนิยมเดินไปมามากกว่าใช้รถยนต์ส่วนตัว บรรยากาศจากสนามบินตูนิสไปคาร์เทจนั้นจะผ่านบ้านเมืองที่สร้างอยู่บนเนิน เตี้ยๆ สลับกันไป พร้อมกับทุ่งหญ้าเขียวขจีซึ่งขัดกับความรู้สึกแรกที่ทราบว่าต้องมาเยือนตูนี เซีย ประเทศที่มีทะเลทรายเกือบถึงครึ่งประเทศ บ้านเรือนของที่นี่จะสร้างมิดชิดเป็นทรงกล่องสี่เหลี่ยม มีจุดเด่นคือบานประตู หน้าต่างและสีสันของอาคารซึ่งเป็นสีฟ้า ขาว เป็นหลัก

Posted Image


เมื่อเริ่มเข้าสู่เขตเมืองเก่าอย่างคาร์เทจแล้วสำหรับคนที่ชื่นชอบเรื่องราว ทางประวัติศาสตร์ศิลปวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมสมัยกรีก โรมันแล้วน่าจะตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่พบเห็นอยู่ข้างหน้า ที่ตูนีเซียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่อิทธิพลสมัยกรีกโรมัน แผ่ซ่านปกคลุมเข้ามาถึงและหยั่งรากฝังลึกอยู่นาน สิ่งที่สร้างความตื่นตาที่โดดเด่นคือ ความสมบูรณ์ของสิ่งก่อสร้างที่ยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่มากและการเข้าถึงของนัก ท่องเที่ยวได้อย่างชิดใกล้มากกว่า โดยเฉพาะในพื้นที่คาร์เทจซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดอีกแห่งหนึ่งในอดีตคนพื้น เมืองชาวฟีนีเชียนซึ่งเดินทางโดยเรือค้าขายรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ได้สร้างอาณาจักรแห่งนี้ในบริเวณปากอ่าวทะเลเมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อน เพื่อเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญ จึงทำให้เมืองคาร์เทจที่ปัจจุบันหลงเหลือแต่ซากนี้ เคยเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรืองและทรงอิทธิพลไม่แพ้อาณาจักร โรมัน

Posted Image


Cathage : คาร์เธจ

Cathage : คาร์เธจ เป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก ในปี ค.ศ. 1979
เป็น เมืองโรมันโบราณที่ก่อกำเนิดเมื่อ 814 ปี ก่อนคริสตกาลเมื่อชาวฟินิเซียหนีการรุกรานของกรีกและโรมันโดยการนำของเจ้า หญิงดิโด้ ถอยร่นจนมาถึงริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

Posted Image



พระนางได้ขอซื้อที่ดินจากผู้ครอบครองเดิม ในยุคกรีกโบราณคือนครคาร์เธจที่ถูกสร้างขึ้นโดยชาวฟินิเซีย ตั้งอยู่บนแหลมบริเวณเวิ้งอ่าวตูนิส ทำให้ได้เปรียบในด้านการเดินเรือ เป็นยุทธศาสตร์การค้าทางทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่สำคัญ เป็นจุดการส่งผ่านขึ้นเรือทุกลำที่จะข้ามทะเลสู่เกาะซิซีลี แต่ประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องแท้จริงของนครคาร์เธจนั้นสูญหายไปพร้อม ๆกับการสูญสลายจากการพ่ายแพ้ต่อกองทัพโรมันในสงครามพิวนิก ครั้งที่ 3 ที่โรมันได้เผาทำลายนครคาร์เทจจนสิ้นซาก

ในบริเวณใกล้เคียงด้านล่างนี้จะเป็นซากเมืองสมัยพิวนิค ( คำที่ชาวโรมันเรียกชาวฟินีเซียนที่มาตั้งถิ่นฐานในแอฟริกาเหนือ)

Posted Image


ดังนั้นตำนานคำบอกเล่าต่าง ๆ เกี่ยวกับนครคาร์เธจจึงเป็นเพียงจดหมายเหตุและตำนานจากการบอกเล่าของโรมัน อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาโรมันได้กลับมาสร้างเมืองคาร์เธจให้โชติช่วงขึ้น ใหม่บนซากปรักหักพัง พร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่ โรงละคร วิลล่า และห้องอาบน้ำ นครคาร์เธจกลายเป็นเมืองหลวงในการบริหารสำหรับแอฟริกา

Posted Image

#6 spras77

spras77

    สมาชิกกำลังออกตั๋ว

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 267 posts

Posted 18 February 2012 - 05:48 AM

ตอนที่ 2 สนใจตามต่อที่ link ได้เลยน่ะครับ

http://topicstock.pa.../E11702450.html



Posted Image


Posted Image


Posted Image


Posted Image



#7 spras77

spras77

    สมาชิกกำลังออกตั๋ว

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 267 posts

Posted 18 February 2012 - 05:49 AM

ทริปตูนีเซียประตูสู่ซาฮาร่า # 3 Unexpected Tunisia : Kairouan - Sbeitla - Tozeur


Unexpected Tunisia : Kairouan - Sbeitla - Tozeur


วันนี้เราอยู่ตอนกลางของตูนีเซีย เริ่มลงมาทางตอนใต้มากยิ่งขึ้น
Posted Image



โดยจะอยู่ในเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกเมืองหนึ่ง ซึ่งไครวนจะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่หลายแห่งโดยเฉพาะสถานที่ท่อง เที่ยวเชิงวัฒนธรรมและศาสนาอิสลามคือมัสยิดที่สวยงาม มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะ

Posted Image


เรามีเป้าหมายอยู่ที่มัสยิดหลัก 2 แห่งคือ The Great Mosque of Sidi Uqba และ Mossque of Barber หรือมัสยิดของช่างตัดผมที่เป็นอนุสรณ์สถานของศตวรรษที่ 17 แล้วขึ้นป้อมปราการชมสระกักเก็บน้ำ The Aghlabite ในมุมสูงซึ่งเป็นที่กักเก็บน้ำเพื่อส่งใช้ในตัวเมืองในอดีตที่ใช้ระบบไฮโดร ลิค ( จากจำนวน 15 แห่ง )

แล้วจึงลงใต้ไปสู่เมืองสไบทลาเพื่อชมซากปรักหักพังของอาณาจักรโรมันโบราณที่ มีสภาพสมบูรณ์และเข้าไปชมได้ใกล้ชิดที่สุดและปิดท้ายเข้าสู่เมืองโทเซอร์ เพื่อพักผ่อนและเตรียมเดินทางเข้าสู่โอเอซิสแห่งทะเลทรายซาฮาร่าต่อไป

Posted Image


เมืองไครวน (Kairouan)

เมืองไครวน (Kairouan)หรือบางครั้งที่คนท้องถิ่นจะออกเสียงไครูน หรือเมืองคารวาน (Karwan)ในภาษาเปอร์เซีย ในอดีตเป็นเมืองหลวงของมาร์เกร๊บ(Maghreb – หรือกลุ่มเมืองในกลุ่มประเทศโมร๊อคโก แอลจีเรียและตูนีเซียในปัจจุบัน)เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมอิสลามที่ได้รับ การประกาศเป็นมรดกโลกโดยองค์การยู เนสโก

Posted Image


เมืองไครวนนี้ก่อตั้งโดยชาวอาหรับเมื่อราวปี ค.ศ. 670 สมัยของพระเจ้ากาหลิบ มูวิยา (Caliph Mu’awiya) เป็นศูนย์กลางในการสอนศาสนาอิสลามและคัมภีร์กุรอานจนได้รับการ กล่าวขานว่าเป็นเมืองแห่ง 50 มัสยิด

Posted Image

#8 spras77

spras77

    สมาชิกกำลังออกตั๋ว

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 267 posts

Posted 18 February 2012 - 05:49 AM

มัสยิด ซิดิ อัคบา( The Great Mosque of Sidi Uqba )

มัสยิด ซิดิ อัคบา( The Great Mosque of Sidi Uqba ) มัสยิดที่สร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 817 จากมัสยิดเดิมที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 670 โดย Uaba Ibn Nafi เพื่อเป็นอนุสรณ์เฉลิมฉลองการมีชัยชนะเหนือคริสเตียนไบเซนไทน์

Posted Image


แม้จะไม่หลงเหลือร่องรอยของสิ่งก่อสร้างอาคารดั้งเดิมในศตวรรษที่ 7 แต่มัสยิด ซิดิ อัคบา แห่งนี้ก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นมัสยิดแห่งแรกในเมืองแรกของศาสนาอิสลามในโลกอิสลามตะวันตก

Posted Image


จุดเด่นที่นี่คือเสาหินแกรนิตจำนวน 414 ต้น ที่ค้ำตัวอาคารที่เปรียบเสมือนดั่งกำแพงสี่ด้าน

Posted Image



กว้าง 70 ยาว 125 เมตร ล้อมรอบลานหินกว้างด้านหน้าหอคอยสามชั้นที่สูงใหญ่โต

Posted Image

#9 spras77

spras77

    สมาชิกกำลังออกตั๋ว

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 267 posts

Posted 18 February 2012 - 05:50 AM

ตามต่อในตอนนี้ ตามลิงค์เลยน่ะครับ


http://topicstock.pa.../E11704360.html


Posted Image


Posted Image


Posted Image



Posted Image



Posted Image



Posted Image


Posted Image

#10 spras77

spras77

    สมาชิกกำลังออกตั๋ว

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 267 posts

Posted 18 February 2012 - 05:51 AM

ทริปตูนีเซียประตูสู่ซาฮาร่า # 4 Unexpected Tunisia : 3 Tozeur - The Mountain Oasis - Douz

Unexpected Tunisia : Tozeur - The Mountain Oasis – Douz

ทริปสำหรับวันนี้ถือเป็นไฮไลท์ของการเดินทางในตูนีเซียของผมครับ ด้วยว่าวันนี้เราจะเดินทางไปโอเอซิสถึง 3 แห่งด้วยกัน แม้จะเสียดายไม่ได้เดินทางเข้าไปในทะเลทรายซาฮาร่าแบบลึกๆด้วยว่าติดข้อขัด ข้องทางเทคนิค แต่การได้มีโอกาสอยู่เพียงแค่ปากทางเข้าทะเลทรายก็เพียงพอได้รับรู้ถึง บรรยากาศบ้างแต่ที่ได้ทดแทนมาคือ การตะลุยโอเอซิสขนาดใหญ่ในซาฮาร่าถึง 3 แห่งด้วยกัน ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำอีกครั้ง

Posted Image


วันนี้เราอยู่ที่เมืองโทเซอร์(Tozeur) ซึ่งถือเป็นอดีตเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญของโรมัน ที่ไว้คอยตรวจตรากองคาราวานที่ผ่านเข้าออกทะเลทรายซาฮาร่า เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยต้นปาล์มที่ให้ร่มเงาและอินทผลัมที่ดีที่สุดใน ตูนิเซีย เราจะต้องจัดกลุ่มกัน 5 คนต่อ 1 คัน

Posted Image


เพื่อนั่งรถเพื่อเข้าไปโอเอซิส 3 แห่งซึ่งได้แก่ เชบิกา (Chebika) ทาเมอร์ซา(Tamerza)และมิเดส (Mides) และเดินทางลงทางใต้สุดสู่เมืองดูซ( Douz) ที่ถือเป็นประตูสู่ซาฮาร่า

Posted Image


เราตื่นแต่เช้าตรู่ด้วยความกระฉับกระเฉง ด้วยว่าส่วนใหญ่สนุกสนานและเตรียมตัวเดินทางเข้าในทะเลทรายและสัมผัสกับโอเอซีสขนาดใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าขบวนรถ 4x4 โตโยต้า แลนด์ครุยเซอร์ขนาดกำลังมหึมา เหมาะสำหรับการเดินทาง มารอเรากันตั้งแต่เช้ามืดแล้ว

Posted Image


หลังจากจัดสรร จัดตำแหน่งลงในรแต่ละคันเราก็เริ่มออกเดินทางกัน

Posted Image

#11 spras77

spras77

    สมาชิกกำลังออกตั๋ว

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 267 posts

Posted 18 February 2012 - 05:52 AM

ผ่านกลางเมือง

Posted Image


แล้วเลี้ยวเริ่มเข้าพื้นที่ทะเลทราย

Posted Image


สภาพภูมิประเทศเริ่มเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

Posted Image


แน่นอนว่ามาทะเลทราย ก้ต้องเจ้าแห่ทะเลทรายอุฐกลุ่มใหญ่มายืนรอรับนักท่องเที่ยว ท่ามกลางอากาศที่เย็นจัดขณะที่แสงแดดแรงมาก

Posted Image


แวะพักรายทางกันสักเล็กน้อย

Posted Image


หลังนั่งกันมาราว 1 ชั่วโมง

Posted Image

#12 spras77

spras77

    สมาชิกกำลังออกตั๋ว

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 267 posts

Posted 18 February 2012 - 05:52 AM

มีเพื่อนร่วมทางประปราย

Posted Image


หายเหนื่อยเราก็เริ่มเดิมทางกันต่อ

Posted Image


เริ่มเข้าสู่พื้นที่ทะเลทราย

Posted Image


อย่างแท้จริง

Posted Image



แต่ในโอเอซีส จะมีป้ายบอกทางเป็นระยะ

Posted Image


มิเดส (Mides )เป็นโอเอซิสที่ถูกขนาบด้วยเขาลักษณะแคนยอน( Canyon) ที่ถูกกันเซาะโดยสายน้ำในช่วงอดีต 2 ลูก เป็นแนวผาหินสีชมพูรูปทรงสวยงามมีความยาวถึง 3 กิโลเมตร สร้างความงดงามของภูมิทัศน์ธรรมชาติ

Posted Image

#13 spras77

spras77

    สมาชิกกำลังออกตั๋ว

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 267 posts

Posted 18 February 2012 - 05:53 AM

ไม่นานเราก็เข้าสู่พื้นที่โอเอซีสมิเดส (Mides )เป็นโอเอซิสที่ถูกขนาบด้วยเขาลักษณะแคนยอน( Canyon) ที่ถูกกันเซาะโดยสายน้ำในช่วงอดีต 2 ลูก

Posted Image


มิเดส (Mides )เป็นโอเอซิสที่ถูกขนาบด้วยเขาลักษณะแคนยอน( Canyon) ที่ถูกกันเซาะโดยสายน้ำในช่วงอดีต 2 ลูก เป็นแนวผาหินสีชมพูรูปทรงสวยงามมีความยาวถึง 3 กิโลเมตร สร้างความงดงามของภูมิทัศน์ธรรมชาติในยุคสมัยโรมันเป็นที่ตั้งของด่านหน้า และต่อมาเป็นที่ลี้ภัยของชาวเบอร์เบอร์ เป็นโอเอซิสภูเขาภายใต้ร่มเงาของต้นปาล์มอินทผลัม มีแหล่งน้ำ น้ำตก และลำธารหล่อเลี้ยงความชุ่มชื้น


Posted Image


ที่นี่ จะสามารถเข้าไปสัมผัสและเข้าถึง canyon ในแบบใกล้ชิดได้ง่ายกว่าที่อื่นๆ

Posted Image


ที่น่าสนใจอีกอย่างของที่นี่คือ Sand Rose

Posted Image


ซึ่งเป็นผลึกหินทราย อยู่ลึกลงไปราว 2-3 เมตร ราคาจะยิ่งแพงหากมีลักษณะเหมือนดอกกุหลาบ

Posted Image



ซึ่งเป้นทรายที่ตกผลึกและผ่านกระบวนการต่างๆทางธรรมชาติจนมีรูปร่างที่คล้ายดอกกุหลาบ จะมีเฉพาะในตูนีเซีย และแอจีเรียเพียง 2 ประเทศ

Posted Image

#14 spras77

spras77

    สมาชิกกำลังออกตั๋ว

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 267 posts

Posted 18 February 2012 - 05:54 AM

ด้านหน้าจะเป็นโอเอซีสขนาดใหญ่ ซึ่งเป้นความมหัสจรรย์ของธรรมชาติที่แม้จะอยู่ท่ามกลางความแห้งแล้ของทะเล ทราย แต่กลับมาพืชและต้นไม้สีเขียวขจีเกิดขึ้น แน่นอนว่าบริเวณดังกล่าวจะมีน้ำที่ชุ่มชื่น

Posted Image


ที่พลาดไม่ได้คือ sand rose ที่ราคามีตั้งแต่ 1 DTN ไปจนถึง 20 DTN

Posted Image


ดไปอีกเล็กน้อยจะเป็นหมู่บ้านในแถบมิเดส (Mides )โอเอซิสเช่นกันที่ที่ถูกขนาบด้วยเขาลักษณะแคนยอน( Canyon)

Posted Image

แต่ภัยธรรมชาติอันเกิดจากอุทกภัยในปี 1969 เช่นเดียวกันกับที่เกิดขึ้นกับทาเมอร์ซา ได้ทำลายหมู่บ้านเก่าที่บ้านก่อด้วยอิฐฉาบโคลนไป


Posted Image



ปัจจุบันเหลือเพียงซากกับฉากที่สวยงามอยู่ด้านหลัง

Posted Image

ด้านหน้าเป็นโอเอซีส เขียวขจีที่อยู่ท่ามกลางความแห้งแล้ง

Posted Image

#15 spras77

spras77

    สมาชิกกำลังออกตั๋ว

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 267 posts

Posted 18 February 2012 - 05:55 AM

ทาเมอร์ซา(Tamerza) เป็นโอเอซิสภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในตูนิเซียและมีเมืองอยู่รอบนอกบริเวณเชิงเขา

Posted Image


ที่นี่เต็มไปด้วยภูมิทัศน์ของแคนยอน( Canyon) ขุนเขาที่สูงชันแปลกตา

Posted Image

มีกำแพงผาเป็นหินโค้ง มีน้ำพุที่ก่อตัวเป็นธารน้ำตกสองสายไหลหลั่งจากผาหินสีอมชมพูลงสู่หุบเบื้องล่าง



Posted Image


ช่วยสร้างความชุ่มชื้นแก่พืชพันธุ์ทำให้เจริญเติบโต แลดูสดชื่นเขียวขจีไป ทั่งบริเวณ ซึ่งเป็นภาพธรรมชาติที่ขัดแย้งอย่างลงตัวเป็นอย่างยิ่ง

Posted Image


เสียงน้ำตก น้ำไหลและพืชเขียวขจี ขณะที่ด้านนอกกลับเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้ง

Posted Image


ที่นี่มีสินค้าจำหน่ายเช่นกัน ซึ่งหากถูกใจและราคารับได้สามารถซื้อจาที่นี่ได้เลยเพราะเอาเข้าจริงๆราคาไม่ต่างกันมาก

Posted Image

#16 spras77

spras77

    สมาชิกกำลังออกตั๋ว

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 267 posts

Posted 18 February 2012 - 05:56 AM

หลังจากนั้นก็เดินทางมายัง เชบิกา (Chebika) ซึ่งเป็นโอเอซิสที่ตั้งอยู่เชิงเขา Djebel EL

Posted Image


เชบิกา (Chebika) เป็นโอเอซิสที่ตั้งอยู่เชิงเขา Djebel EL เป็นที่รู้จักกันในนามว่า Qasr EL - Shams หรือปราสาทแห่งดวงอาทิตย์

Posted Image


ในยุคสมัยโรมันเป็นที่ตั้งของด่านหน้า และต่อมาเป็นที่ลี้ภัยของชาวเบอร์เบอร์

Posted Image


เป็นโอเอซิสภูเขาภายใต้ร่มเงาของต้นปาล์มอินทผลัม มีแหล่งน้ำ น้ำตก และลำธารหล่อเลี้ยงความชุ่มชื้น

Posted Image


ที่นี่ภาพยนตร์เรื่อง Star War Episode IV ได้ใช้สถานที่ดังกล่าวเป็นฉากในการถ่ายทำอยู่หลายฉาก

Posted Image


Posted Image


มีตาน้ำ แหล่งน้ำและน้ำตกไหลตลอดเวลาสร้างความชุ่มชิ้นให้กับบริเวณโดยรอบอย่างมหัศจรรย์ ซึ่งหากเดินไหวควรมาน่ะครับ

Posted Image


ด้านบนมีร้านกาแฟ เครื่องดื่มให้คลายเหนื่อย ห้องน้ำสะอาดครับที่นี่

Posted Image

#17 spras77

spras77

    สมาชิกกำลังออกตั๋ว

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 267 posts

Posted 18 February 2012 - 05:57 AM

ร่องรอยที่ทิ้งไว้เป็นที่ระลึกว่าที่นี่เป้นที่นิยมจริงๆ

Posted Image


ไม่นานก็ได้เวลาจากลา เพื่อเดินทางต่อ

Posted Image



แวะระหว่าซึ่งเป็นทะเลเกลือหรือ salt lake

Posted Image

Posted Image


Posted Image

มีร้านขายของที่ระลึกซึ่งเป้นชาวเบอร์เบอร์อัธยาศัยดีมากๆครับ
สินค้าราคาไม่แพง แต่ท่าทางดู งง งง ไม่แน่ใจว่าของถูก เพราะดู งง งง หรือไม่น่ะครับ ที่นี่แถมได้แถม ลดได้ลด ครับ

Posted Image


Posted Image

#18 spras77

spras77

    สมาชิกกำลังออกตั๋ว

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 267 posts

Posted 18 February 2012 - 05:57 AM

เราแวะแคมป์ชาวเร่ร่อนเล็กน้อยที่กลางทะเลทราย

Posted Image

ทะเลทรายช่วงเย็นแม้จะร้อนแต่ร้อนแบบเย็นๆมีลมพัดตลอดเวลา
Posted Image


เย็นวันนี้ตามกำหนดการเดิมจะไปขี่อูฐ sun set camel ride แต่เวลาไม่ทันครับ
เพราะพระอาทิตย์จะตกราว 17.30 น. กับเวลาราว 1 ชม.ที่เหลือทำให้ไม่พอ

เราจึงมีเวลาเอ้ระเหยกันในพท.ทะเลทรายเล็กๆแห่งนี้

Posted Image


ไม่นานเราก็ทิ้งไว้แต่ความทรงจำและรอยเท้า
รอวันที่ลมจะพัดทรายมากลบแล้วมีรอยเท้าใหม่เข้ามาแทน

Posted Image

สนใจตามต่อรายละเอียดการเดินทางวันนี้ตามลิงค์ได้เลยน่ะครับ

http://www.pantip.co.../E11706597.html[/code]

#19 spras77

spras77

    สมาชิกกำลังออกตั๋ว

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 267 posts

Posted 18 February 2012 - 05:58 AM

Unexpected Tunisia : Douz - Tamerzet - Matmata - Gabes - Sfax

เช้าวันนี้มีการปรับ เปลี่ยนโปรแกรมเล็กน้อย โดยเปลี่ยนมาขี่อูฐในทะเลทรายซาฮาร่าในช่วง Sun Rise แทน


Posted Image


จากแต่เดิมตั้งใจว่าจะใช้เวลาในช่วงตอนเย็นของเมื่อ วานครับซึ่งก็ได้บรรยากาศในช่วงเช้าปนกับอากาศที่เย็นเฉียบในอีกรูปแบบที่ มัก นิยมขี่อูฐในช่วงเย็นพระอาทิตย์ตกดินกัน

Posted Image


หลังจากนั้นเราก็อำลาเมืองดูซ เพื่อขึ้นเหนือไปยังเมืองปลายทาง สแฟกซ์ (Sfax)ในช่วงเย็นของวันนี้ ระหว่างเดินทาง จะผ่านเมืองทkเมอร์เซ็ท(Tamerzet) ซึ่งเป็นเมืองเก่า เมืองแมทมาท่า(Matmata) และเข้าสู่เมืองกาเบส(Gabes)ซึ่งเป็นเมืองในบรรยากาศเมดิเตอร์เรเนียน เป็นการปิดท้ายทริปของวันนี้ครับ

Posted Image


ที่นี่จะมีชุดให้แต่งพร้อมซึ่งเราจะกลายร่างเป็นชาวเผ่าเร่ร่อนในทะเลทรายซาฮาร่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้ากัน

ซึ่งสถานที่นั้นก็ไม่ไกลจากโรงแรม El Mouradi ซึ่งเป้นที่พักเท่าไหร่นัก เรานัดหมายกันราว 7 โมงเช้า ( เวลาของที่ตูนีเซี ) ครั

Posted Image


รถโค้ช มาส่งเราเพื่อเตรียมตัวไปขี่อูฐหรือนั่งรถในทะเลทรายกันครับ ( เลือกได้ตามสะดวก ) ที่นี่เราต้องแต่งตัวกันก่อน

Posted Image

มีกลิ่นเล็กน้อยก็ไม่ถอยครับ

Posted Image

#20 spras77

spras77

    สมาชิกกำลังออกตั๋ว

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 267 posts

Posted 18 February 2012 - 05:59 AM

โพกผ้าแบบชาวอาหรับ ซึ่งด้านนอกนั้นอากาศเย็นมากจะเลือกขี่อูฐ

Posted Image


หรือรถม้าลากจูงก็ได้ครับ ( ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าทำไมไม่ใช้อูฐจูงเหมือนกันน่ะครับ )

Posted Image


เดินไปเรื่อยๆครับ ท่ามกลางอากาศหนาว ช่วงแรกอาจจะกลัวตกเล็กน้อย

Posted Image

Posted Image


พระอาทิตย์กำลังขึ้น คณะชนเผ่าเร่ร่อนในทะเลทรายซึ่งใบหน้ากระเดียดไปทางเชื้อสายมองโกลมากกว่า ชาวเบอร์เบอร์ก็ออกเดินทางครับ


Posted Image



ใช้เวลาราวๆ 30 - 45 นาที

Posted Image



แล้วก็เดินทางกลับครับ ซึ่งขากลับนี้เจ้าอูฐกลับพาคณะเดินบนดูนซะเป็นส่วนใหญ่



จากที่เคยทรงตัวได้ ตอนนี้ชักมีปัญหาครับ

Posted Image




0 user(s) are reading this topic

0 members, 0 guests, 0 anonymous users

ค้นหา ตั๋วเครื่องบินด้วยระบบ Galileo (แสดงผล waiting list)     ค้นหา ตั๋วเครื่องบินด้วยระบบ Amadeus (เแสดงเฉพาะที่นั่งว่าง)
   
    ติดต่อเจ้าหน้าที่แผนก ตั๋วเครื่องบิน โทร 02-3737-555 / จันทร์ - ศุกร์ 09.00~18.00 น. // เสาร์ 09.00-16.00 น.