อ้าว คุณนิ..บ้านอยู่แถวห้วยขวางเหรอครับ?
เรื่องแท็กซี่ห่วยแตกที่สุวรรณภูมิ ผมบอกตามตรงว่ายังไงก็ยังเหมือนเดิมเหมือนเป็นของคู่กัน ไม่ว่าจะเปลี่ยน จะปรับวิธีการดำเนินการยังไงก็ยังไม่มีอะไรพัฒนาไปเลยในแง่ของคุณภาพ
จริงอยู่ที่แท็กซี่ดีๆมีอยู่ครับ แต่ส่วนใหญ่ที่เจอมารยาทค่อนข้างห่วยทั้งนั้น ผมเคยเจออยู่หนึ่งคัน ขอเล่าให้ฟังหน่อยครับ ที่จริงเคยเล่าสู่กันฟังแล้วแต่อยากเอามาลงไว้ตรงกระทู้นี้อีกครั้ง
ผมกลับจากเชียงใหม่กับว่าที่ผบ. ได้ต่อคิวเรียกแท็กซี่ที่เคาน์เตอร์ตามปกติ พอถึงคิวผม โชเฟอร์ทำหน้าตาแบบเบื่อโลกมากกกกกกกกก แล้วก็เดินไปนั่งรอที่รถเลย ไม่สนใจจะช่วยยกกระเป๋า หรือจะยืนดูความเรียบร้อยหน่อยก็ไม่มี จากนั้นก็ขับรถแบบว่ากระชากออกไปเลย ถามอะไรก็ไม่ค่อยตอบ หรือตอบก็แบบว่าเนือยๆ เหมือนคนกำลังจะตายบอกไม่ถูก ตอนนั้นก็ยังเฉยๆนะครับ แม้จะรู้สึกไม่ค่อยดีแต่คิดว่าไม่มีอะไร
จากนั้นระหว่างที่กำลังวิ่งบนมอเตอร์เวย์ รถก็กระตุก แรกๆก็นานๆครั้ง แต่ต่อมากลายเป็นกระตุกตลอดเวลา(อาการนี้เป็นในรถใช้แกสที่มีปัญหา เค้าเรียกว่า Backfire นะครับ) กระตุกจนรถแทบจะวิ่งต่อไม่ไหว ตอนนั้นความเร็วของรถที่ผมนั่งอยู่ที่ประมาณ 60 เท่านั้น และลดลงเรื่อยๆ คิดดูสิครับว่าบนมอเตอร์เวย์ รถเค้าวิ่งกันเร็วขนาดไหน แต่แท็กซี่เจ้ากรรมคันที่ผมนั่งก็ไม่ยอมหลบออกข้างทาง ถึงตรงนี้แฟนผมถามว่า
แฟนผม:พี่คะ รถเป็นอะไรคะ
โชเฟอร์:..........เงียบ
แฟนผม:เอ่อ...อ รถพี่วิ่งต่อได้หรือเปล่าคะ
โชเฟอร์:..........
แฟนผม:หลบข้างทางก่อนดีไหมคะ?
โชเฟอร์:น้อง..ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าวิ่งไม่ได้มันก็จอดเองแหละ!!!! (อะไรวะ มีงี้ด้วย)
แฟนผม:........เงียบ คงตกใจกับคำตอบหนะครับ
โชเฟอร์:น้องไม่ต้องกลัวมันระเบิดหรอก เพราะถ้ามันจะระเบิด พี่ก็คงไม่มาขับ....โห...อะไรของมันวะเนี่ย ตอบแบบไม่มีความรับผิดชอบเลย ระหว่างนั้นก็เหมือนกับรถติดๆตับๆ บางครั้งเครื่องก็ดับไปดื้อๆ แต่คนขับก็ไม่จอด ปล่อยไหลไปเรื่อยๆบนมอเตอร์เวย์นั่นแหละ แล้วก็พยามสตาร์ทแล้ววิ่งต่อไป ติดๆดับๆสลับไปเรื่อยอย่างนั้น โคตรเซ้งเลย มันอันตรายมากๆนะครับ เพราะเมื่อรถดับ หม้อลมเบรคจะแข็ง พวงมาลัยจะหนัก และไม่สามารถเร่งเครื่องเพื่อหลบหลีกรถคันอื่นๆได้เลย
เป็นอย่างนี้มาตลอดทางจนถึงบ้านที่สุทธิสารครับ คนขับบอกว่าหัวฉีดเจ๋ง แต่มันเอาแน่ไม่ได้เพราะบางครั้งก็ดี บางครั้งก็ร้าย บอกไม่ถูกเลยต้องขับไปทั้งอย่างนั้น โห....อะไรของมันวะเนี่ย ไม่มีความรับผิดชอบเลย ถึงคุณไม่เสียดายชีวิตแต่คนอื่นเค้าไม่ได้อยากตายไปกับคุณด้วยนะ
เรื่องนี้ผมไม่ได้ร้องเรียน เพราะไม่รู้ว่าถ้าโดนร้องเรียน มันจะกลับมาทำอะไรที่บ้านผมหรือเปล่า ทั้งที่ใจจริงอยากให้ทางสนามบินมีมาตรการที่ดีกว่านี้ในการคัดกรองคุณสมบัติของแท็กซี่ที่จะมาต่อคิวในสนามบิน อย่างน้อยก็ขอให้รถมีสภาพพร้อมใช้งานกว่านี้ ความรู้สึกตอนนั้นเซ็งสุดๆ อยากให้ Airport Link เปิดบริการเร็วๆ จะได้หมดปัญหาจากพวกแท็กซี่ห่วยๆซะที สงสารเค้าเหมือนกันนะครับ เพราะมันเป็นแหล่งรายได้ของพวกแท็กซี่เค้า แต่ทำไงได้ในเมื่อส่วนใหญ่ที่เจอมันจะเป็นความรู้สึกที่ไม่ดี
เห็นด้วยกับคุณนิ ผมว่าค่าแท็กซี่บางครั้งทำไมมันแพงกว่าความรู้สึกไม่ทราบ ขาไปโบกจากบ้านไป ประมาณ 200 บาทนิดๆ ขากลับไม่รวมค่าบริการ 50 บาท ยังเกือบ 300 เลย ทั้งที่รถไม่ติด สรุปขากลับแพงกว่าขาไปสนามบินเสมอเลยครับ ที่จริงถ้าบริการดี ผมไม่เคยเสียดายเงินหรอก เข้าใจว่าการต้องรอคิวหลายชั่วโมงมันน่าอึดอัดยังไง แต่ถ้าคุณอยากได้รายได้ที่ดี ก็ควรมีบริการที่ดีควบคู่กันไปด้วย ไม่ใช่อะไรๆก็ห่วยแตกเหมือนเดิมแต่จะเอาเงินเพิ่มอย่างเดียว
ส่วนใหญ่แท็กซี่ที่โทรไปเรียกตอนเช้าก่อนไปสนามบินมักจะบริการดี มารยาทดีทั้งนั้นครับ อย่างนี้ผมก็ทิปไปเลย ไม่เสียดาย 50-70 บาท แต่กับรถห่วยๆที่เจอ บาทเดียวก็ไม่อยากให้ เสียดายเงินไม่เท่าเสียความรู้สึก
ขอบคุณที่ร่วมแชร์ประสบการณ์(แย่ๆ)กันนะครับ