มาเห็นรีวิวนี้แล้วคิดถึงตอนเรียนหนังสือเลยค่ะ
วันหยุดหน้าหนาวเมื่อไร เพื่อนๆ ก็จะชวนกันไปภูกระดึง
นึกดีใจเสมอที่ภูกระดึงยังไม่ทำกระเช้า ไม่งั้นเสน่ห์สองข้างทางของ 5 กิโล คงพร่องไปเยอะ
ถึงจะเป็นเส้นทางที่ทำให้เราขาหล่อน ขาหลอย (ขาหมดแรงนะ่ค่ะ
) แต่ก็ทำให้เรารู้ว่าที่นี่สวยงามจริงๆ
ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันนะคะ กด + ให้กับความอึดเลยค่ะ 
คิดเหมือนกันเลยครับว่า ถ้ามีกระเช้าเสน่ห์ของภูกระดึงคงหายไป แต่ก็หลากหลายเหตุผล มีข้อดีและข้อเสียต่างกัน ถ้าอายุ ณตอนนี้ผมก็บอกได้เลยว่ากระเช้าไม่มีความจำเป็น แต่ถ้าหากเราแก่ตัวลง แล้วอยากขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกบนภูกระดึงอีกซักครั้ง ตอนนั้นผมคิดว่าผมคงจะต้องการกระเช้าอย่างมากแน่ๆ ฮ่าๆ
จะบอกว่าขามันหล่อยจริงๆ ครับ แบบว่าแทบไม่มีแรงเดินต่อเลย ตอนที่ขึ้นไปถึงภูแรกๆ ฮ่าๆๆ
ปล. แต่ทริปนี้ผมเห็นคุณตา อายุน่าจะมากแล้วประมาณ 60 ปลายๆ ยังสามารถเดินขึ้นและลงได้อยู๋เลยครับ เชื่อเลย สุดยอดมากกกก ^^ ขอบคุณที่ติดตามรีวิวครับ
มาดูเพื่อรำลึกถึงความหลัง
ผมขึ้นภูกระดึงสองครั้ง
ครั้งแรกตอนเรียนอยู่ปีแรก(ปี1) ครั้งสุดท้ายตอนเรียนอยู่ปีสุดท้าย(ปี4)
(คาดว่าคงไม่ได้ขึ้นอีกแล้วล่ะ..อายุเกิน)
ครั้งแรกไปเดือนตุลา ป่าจะสวยมากเพราะพึ่งเปิดให้นัดท่องเที่ยวเข้า น้ำตกมีน้ำเยอะ แต่ทากก็เยอะสุดๆ
ไปครั้งที่สอง เดือนธันวาคม อากาศหนาวมาก นักท่องเที่ยวเยอะ ประมาณนี้เลย
ผมไปครั้งแรกมะกี้ตอนที่เรียนจบแล้วว.. อยากไปตั้งนานแล้วหละครับ แต่ในความดิ้นลนจะไปนั้น ก็มีความคิดแว๊ปว่าไปแล้วต้องเหนื่อยมากๆ ต้องลำบากแน่เลย ยิ่งปีที่แล้วำปเที่ยวภูทับเบิกแบบชิวๆ ได้ประสบการณ์การนอนป่าครั้งแรกมันไม่ประทับใจเท่าที่ควร เลยเกรงๆ แต่ด้วยความที่ลั่นวาจาไว้แล้ว เลยต้องไป แต่เมื่อไปถึงแล้ว ถึงได้รู้คำตอบว่าทำไมคนถึงมาปีนภูกระดึงกัน ฮ่าๆๆ เสียดายน่าจะได้มาตั้งแต่ตอนปีหนึ่ง ปีสอง
ขอบคุณมากครับที่เข้ามารับชมรีวิว
สวัสดีครับฟ่าง ไม่ได้พบกันเสียนาน รีวิวภูกระดึงถูกใจพี่มากเลยครับ ใครๆก้เม้นท์กันในแนวรำลึกความหลังตอนเรียนหนังสือ เช่นเดียวกันกับพี่นะครับ เพราะพี่ขึ้นภูกระดึงบ่อยมากกับเพื่อนหลายๆกลุ่ม ขึ้นไปครบทุกฤดูกาลแล้วจนครั้งล่าสุดเมื่อห้าปีก่อน ที่เป็นครั้งที่ 20 ครั้บ ถามว่าจะขึ้นไปทำไมนักหนาก็ตอบไม่ได้ครับว่าทำไม แต่มันมีเสน่ห์ยังไงไม่รู้หากเลือกช่วงเวลาที่คนไปน้อยๆ ขึ้นไปแล้วพี่ก็ชอบไปดูต้นไม้สวยๆ รวมทั้งเดินป่่าชมเหลี่ยมผาป่าสนนี่แหละครับ มาถึงตรงนี้ โดยส่วนตัวจะชอบเดือนตค.กับเดือน พค.มากครับ เพราะตค.เป็นช่วงที่ป่าเปิดใหม่ๆ น้ำตกแรง ป่าเขียว ส่วนเดือน พค. อีสานก็เริ่มมีฝน น้ำตกบนภูไม่แห้ง มีดอกกระเจียวขึ้น อีกอย่างที่สำคัญคือคนน้อย ร้านค้าบนภูเปิดไม่กี่แห่ง ดูสงบเงียบและสวยมากครับ ด้วยเหตุนี้พอไปเที่ยวกันทีไร กลับลงมาก็จะคิดถึงอีก และก็จะกลับไปอีกครั้งแล้วครั้งเล่าครับ
เห็นถามว่า"ซำ"แปลว่าอะไร พี่ไปเจอข้อมูลในหนังสือแนะนำอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เค้าบอกว่า ซำคือแหล่งน้ำซับที่มีน้ำซึมออกมาตามธรรมชาติ ส่วนปางหมายถึงที่พักครับ ในภาพเห็นมี"ซำแฮก" จริงๆแล้วแปลว่าซำแรก แต่สำแนียงอิสานจริงๆแล้วออกเสียงว่าแฮก พอดีพ้องกับอาการเหนื่อยแบบหอบแฮกๆ ใครๆเลยเข้าใจว่าเป็นเสียงหอบเหนื่อย
เอารูปภูกระดึงมาฝากรูปนึงครับ ตอนที่นั่ง PG ไปหลวงพระบาง จะเห็นว่าภูกระดึงเป็นภูเขายอดตัดได้ชัดเจน มองเห็นก็จำได้เลยว่าเป็นเพื่อนเก่าที่เราคุ้นเคยมานาน ขอบคุณฟ่างนะครับสำหรับรีวิวนี้ เจ๋งจริง เสียดายอยู่แค่สองคืน :-)
ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณพี่เจนะครับ ที่อุส่าเป็นธุระหาความหมายคลายข้อสงสัยให้ฟ่าง.. ขอบคุณมากครับ ตอนนี้กระจ่างแจ้งแล้วครับพี่เจ ว่าคำเหล่านั้นมันหมายความว่าอย่างไร โดยเฉพาะคำว่า "ซำ" เนี่ย มันยังทำให้ฟ่างสงสัยตลอดเวลาจริงๆ และก็ขอคารวะพี่เจเลยครับที่ขึ้นภูกระดึงได้ตั้ง "20" รอบ โอ้ววว!! ฟ่างขึ้นรอบเดียว ยังได้แต่บอกตัวเองว่า "...เอาว่ะอีกซักสองปีจะมาใหม่" ฮ่าๆๆ และถ้ามีคนถามฟ่างคำถามเดียวกันกับที่มีคนถามพี่เจว่า ขึ้นไปทำไม? ขึ้นแล้วได้อะไร? ฟ่างก็คงตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่ใช่ว่ามันไม่มีคำตอบ มันมีคำตอบอยู่ในใจทุกคนที่ได้ขึ้นไปบนนั้น แบบว่า.. ถ้าไม่ขึ้นเองก็จะไม่รู้คำตอบยังไงอย่างงั้นเลย อันนี้ฟ่างคิดนะครับ อิอิ
ขอบคุณรูปสวยจากบนเครื่องบิน.. ถ้าไม่บินเครื่องใบพัดคงไม่ได้เห็นวิวแบบนี้แน่เลยใช่ไหมครับ ขอบคุณที่เข้ามาชมรีวิวครับ ^^
ปล. ไม่ได้เจอกันนานมากจริงๆ ครับพี่เจ พี่เจคงสบายดีนะครับ อิอิ
อ้าวว.. ผมเพิ่งไปมาเมื่อวันที่ 2 ธันวานี้เอง แล้วลงภูวันที่ 5 อ่ะครับ ผมไม่ได้ไปดูน้ำตกเลยครับ แต่เดินไปดูผาต่างๆครับ ผมไปดูผาหล่มสักตอนกลางวัน แล้วกลับมาดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูกเหมือนกัน ไปครั้งนี้ผมประทับใจมากเลยครับ ไว้คราวหน้าถ้ามีโอกาสจะไปดูน้ำตกบ้างครับ ^^ เห็นมีคนบอกมาว่าถ้าเป็นหน้าฝนที่ภูกระดึง ธรรมชาติจะสวยมากเลยครับ แต่ทางเดินอาจจะลื่นบ้างอ่ะครับ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ 
เสียดายผมเดินไม่ถึงผาหล่มสัก ได้แต่ดูพระอาทิตย์ตกที่หมากดูก เราลงภูกระดึงวันเดียวกันเลยครับ ผมก็ลงวันที่ 5 เหมือนกัน โทรหาพ่อตอนเช้าแล้วก็ปีนลงมาเลย อิอิ ผมลงช่วงประมาณเกือบเก้าโมงครับ มาถึงข้างล่างเกือบบ่ายสามแหนะ ฮ่าๆ เดินลงผมว่าลำบากและเจ็บเจ้ามากกว่าเดินขึ้นอีกนะครับ เพราะผมใส่ผ้าใบมันหนีบนิ้วก้อยเท้า ทรมานมากแทบเดินต่อไม่ไหวววว สวนภูกระดึงหน้าฝนเพื่อนบอกว่านอกจะลื่นแล้ว ทางเดินยังเละด้วยนะครับ โดยเฉพาะทางไปน้ำตก
ขอบคุณที่เข้ามาชมรีวิวครับ
ยังไม่เคยไปเลยอ่ะ แต่เพื่อนๆไปกันมาหลายคนแล้วเห็นบอกว่าสวย บรรยากาศดี คงต้องลองไปบ้างซะแร้ว
ถ้าได้ไปซักครั้งแล้วผมว่าคงจะติดใจนะครับ.. เพราะเพื่อนที่ไปด้วยกับผม พวกนั้นขึ้นภูมาแล้วสองครั้ง แล้วขึ้นไปมะกี้เป็นครั้งที่สาม แต่ผมครั้งแรกเลย ฮ่าๆ ตั้งเป้าไว้ว่า อีกซักสองปีค่อยจะไปใหม่ อิอิ
ขอบคุณที่เข้ามารับชมรีวิวครับ
เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษา (นานมากแล้ว) เพื่อนในบ้านไปกัน เขามาเคาะห้องก๊อก ๆ บอกให้จัดกระเป๋า แล้วเอาตัวไปขึ้นรถตู้
ก็ไม่ได้ไป กลัวความลำบาก กลัวเหนื่อย กลัวหนาว กลัวทาก ฯลฯ
ตอนนี้มานึกเสียดาย น่าจะไปเสียเมื่อตอนที่ยังเรี่ยวแรงดี ๆ อยู่ เพราะถ้าจะมานึกอยากไปเอาปูนนี้ร่างจะแหลกตั้งแต่ซัมแรก
ไม่เป็นไร ... ดูรูปในห้องแอร์เย็น ๆ แล้วบิ๊วบรรยากาศเอาก็แล้วกันเนอะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ !!
ถ้ามีโอกาสได้ไปคงจะลืมความเหนื่อย ความกลัวเลยหละครับ ก่อนหน้าที่จะไป ผมก็มีความรู้สึกแบบเดียวกันกับคุณ กัมพูชาลักษมี เลยครับ เพราะผมเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่จากการไปนอนบนภูทับเบิกเมื่อปีที่แล้ว แต่ไปครั้งนี้ผมกลับรู้สึกว่าอยากกลับไปอีก ฮ่าๆๆ
ขอบคุณมากนะครับที่เข้าชมรีวิวภูกระดึงของผม ^^