100 replies to this topic

[SS.]

Advertisements

สวัสดีครับทุกทุกท่าน กลับมาถึงกรุงเทพฯ แล้วในวันนี้เอง แม้ว่าขากลับจะติดหิมะและเครื่งบินของ TG ล่าช้าไปร่วมหกชั่วโมง แต่ก็ถือว่าทำให้ได้พบเห็นประสบการณ์ที่ไม่ค่อยได้พบบ่อยนัก

วันนี้ผมจะขอทำสรุปทริปมิลาน กับ เวนิส ราชินีแห่งทะเลอาเดรียติก แบบสรุปย่อ ๆ มาฝากกันก่อน เนื่องจากได้เก็บภาพความประทับใจไว้มากมาย ส่วนรายละเอียดจะแยกทำรีวิวตามมาเป็นตอน ๆ ต่อไปนะครับ

การเดินทางของผมครั้งนี้เริ่มจากเที่ยวบิน TG 940 ไปลงมิลาน เที่ยวในมิลานสามวัน หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟ Eurostar Italia ไปเวนิส สัมผัสกับยรรยากาศหนาวและหิมะที่นั่นอีกห้าวัน แล้วกลับมาโดยรถไฟมาค้างที่มิลานอีกหนึ่งคืน ก่อนจะเดินทางกลับ โดยมีคุณเค แห่งการบินไทย น้องชายร่วมเดินทางไปด้วยกัน เรามาร่วมเดินทางไปเที่ยวพร้อม ๆ กันเลยนะครับ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[SS.]

ภาพบนคือ Duomo หรือมหาวิหารแห่งมิลาน ส่วนภาพที่สองคือ โบสถ์ซานมาร์โค หรือ Saint Mark's Basilica โบสถ์คู่บ้านคู่เมืองของเวนิสครับ

เริ่มจากการใช้บริการของสายการบินแห่งชาติ TG 940 BKK - MXP (สนามบินมัลเพนซ่า ที่มิลาน) โดยชั้นธุรกิจ กับเครื่องโบอิ้งรุ่น 777-200 ER

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[SS.]

กับการบริการใน lounge ที่ไม่ค่อยมีอะไรทานเท่าไร แต่อาหารบนเครื่องบินถือว่าเยี่ยมครับ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[SS.]

เดินทางไปกับคุณ"นครสวรรค์" ที่นั่งและภายในเคบินชั้นธุรกิจครับ เที่ยวบินนี้ไม่ operate First Class

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[SS.]

อาหารบนเครื่องยังคงเต็มเปี่ยมด้านคุณภาพเช่นเคย

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[SS.]

กับมื้อเช้าก่อนเครื่องลงที่มิลานอีกครั้ง

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[SS.]

06.30 น. เครื่องก็ลงที่สนามบินมัลเพนซ่า มิลาน ตรงเวลาดีมาก โดยกัปตันประกาศว่าอุณหภูมิที่มิลาน -5C องศา

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[SS.]

แล้วก็นั่ง Airport Bus ไปโรงแรมที่พัก ตอนนั้นอากาศหนาวแต่หิมะไม่มี มีแต่ร่องรอยว่าตกมาอ่อน ๆ เมื่อคืนที่ผ่านมา

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[SS.]

.

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[SS.]

ที่มิลาน ได้ไปเที่ยวที่ Duomo หรือมหาวิหารแห่งมิลาน ซึ่งเป็นหัวใจของการท่องเที่ยวที่นี่ สร้างมาตั้งแต่ ค.ศ. 1386 ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 427 ปี

ดูโอโม เป็นวิหารหินอ่อนสีชมพู สภาปัตยกรรมโกธิค เป็นมหาวิหารโกธิคใหญ่ที่สุดในโลก และใหญ่เป็นอันดับสาม รองจากมหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์ที่วาติกัน กรุงโรม และมหาวิหารเซบียาในสเปน

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[SS.]

ภายในโอ่อ่าอลังการมาก ปกติห้ามถ่ายรูป แต่ผมก็เอามาฝากทุกท่านจนได้ จะมีรีวิวที่นี่อย่างละเอียดยิบอีกทีครับ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[SS.]

.

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[SS.]

เมื่อหันหน้าเข้าดูโอโม ทางซ้ายมือของมหาวิหารเป็น แกลลอเรีย วิตตอริโอ เอมานูเอเล่ 2 เต็มไปด้วยสินค้าร้านรวงมากมาย อาคารเก่าแก่มากเป็น ช็อปปิ้งอาเขตที่มีอายุมากที่สุดในโลก

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[SS.]

จุดเด่นของที่นี่คือพื้นหินอ่อนตกแต่งด้วยโมเสกเป็นรูปต่าง ๆ และโดมแปดเหลี่ยมกรุด้วยกระจกลักษณะคล้ายหลังคาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรม

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 
• 
• 

[SS.]

กับอนุสาวรีย์พระรูปทรงม้าของ พระเจ้าวิตตอริโอ เอมมานูเอเล่ ที่ 2 บนลานหน้ามหาวิหาร

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[SS.]

ดื่มกาแฟคาปูชิโนที่ร้านข้าง ๆ มหาวิหารแก้หนาวสักนิด

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 
• 
• 

[SS.]

เดินมาอีกนิดจะพบกับรูปปั้น Leonardo Da Vinci และโรงอุปรากร La Scala เก่าแก่

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 
• 

[SS.]

อาหารกลางวันที่ร้าน Bar Duomo แถวนั้น อร่อยสุดสุด

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 
• 

[SS.]

หลังจากนั้นได้ไปที่ โบสถ์ซานตา มาเรีย เดลเล กราเซีย Church of Santa Maria delle Grazie เพื่อไปชมภาพพระกระยาหารมื้อสุดท้าย หรือ The Last Supper ภาพจิตกรรมฝาผนังที่มีชื่อเสียงที่สุดภาพหนึ่งของโลก วาดโดย ลีโอนาร์โด ดาร์วินซี มีอายุย้อนไปตั้งแต่ ค.ศ.1495 ขนาด 8.5 x 4.5 เมตร

ที่นี่ห้ามถ่ายรูป แต่ก็ไม่พ้นการแอบถ่ายของผมไปได้ครับ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[SS.]

และนี่คือ ภาพ The Last Supper ที่ถูกเก็บรักษาไว้ในห้องควบคุมอุณหภูมิ และประตูปรับระดับความชื้นสองชั้นอย่างดี เพื่อรักษาภาพและสีให้คงอยู่ในสภาพเดิม ให้เข้าชมได้ครั้งละ 25 คน

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
•