85 replies to this topic

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

Advertisements

แวะห้องน้ำกันก่อน แค่เจอห้องน้ำแสนอลังการ ปุ่มมากมาย ของสนามบินฮาเนดะก็ตะลึงแล้วครับ

สุดยอดเทคโนโลยีจริงๆ ห้องน้ำสาธารณะแทบทุกแห่งสะอาดมากๆๆๆ

สนามบินฮาเนดะ นอนได้นะครับ อย่างที่เห็นในภาพมีเบาะดำๆ ให้นอนได้มากมาย
สำหรับใครที่อยากจะค้างอ้างแรมที่ HND กอนแล้วตอนเช้าค่อยไปหา Hostel ถูกๆ นอนก็ประหยัดค่าใช้จ่ายได้เช่นกัน
แต่แนะนำว่าควรจะมีถุงนอนมาด้วยนะครับ

Attached Thumbnails

• 
• 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ได้เวลาเดินทางเข้าเมืองกันดีกว่าครับ

ปัญหาหนึ่งที่ผู้โดยสารการบินไทย และแอร์เอเชียเอ๊กซ์ จะประสบกันก็คือ
เที่ยวบิน TG660 และ D72682 ไปถึง ฮาเนดะค่อนข้างดึก คือหลัง 4 ทุ่ม
ต้องทำเวลานิดนึงครับ และอย่าเลือกที่พักที่อยู่ไกลจากสนามบินมากจนเกินไป

เพราะรถไฟในโตเกียวจะหยุดวิ่งเวลาเที่ยงคืนครับ
จะเหลือรถไฟแค่ไม่กี่สายที่วิ่งหลังเที่ยงคืน
อย่างรถไฟสาย JR Yamanote Line ก็หยุดวิ่งตอนเที่ยงคืนเป๊ะครับ ....

ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ควรหาที่พักในแถบๆ Shinagawa หรือ ย่านที่มีรถไฟ JR สายสำคัญวิ่งผ่าน
เช่นสถานี Shimbashi, Tokyo, Akihabara, Ueno หรือไปนอนที่เมือง Yokohama ก็ได้เช่นกันครับ
(ถ้านอนที่เมือง Yogohama สามารถนั่งรถไฟของบริษํท Keikyu ไปได้เลย เพียงแวะเปลี่ยนรถไฟแค่ 1 สถานีเท่านั้น)

ถ้าจะเข้าเมืองก็ต้องรีบกันหน่อยนะครับ รถไฟขบวนสุดท้ายที่ออกจากฮาเนดะ ไป Shinagawa ออกประมาณ 0.18 น. ครับ
ที่ผมนั่งก็รอบ 23.40 น. ยังต่อรถไฟไปที่พักเกือบจะไม่ทันเลย ต้องรีบหน่อยครับ

ดูจากผังอาคารนะครับ ออกจากส่วนรับกระเป๋า ผ่าน Custom แล้วเดินตรงออกมาเลยครับ Tokyo Monorail อยู่ฝั่งซ้าย, รถไฟ Keikyu อยู่ฝั่งขวาครับ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

มาถึงสถานีรถไฟของ Keikyu แล้ว อย่าเพิ่งมึนนะครับ
พยายามทำความเข้าใจกันก่อน

สิ่งสำคัญ ที่ใครจะไปญี่ปุ่น อย่าลืมวางแผนการเดินทางคร่าวๆ ว่าจะนั่งรถไฟไหน ต่อรถไฟอะไร ที่สถานีอะไร
วางแผนเองง่ายๆ โดยการเข้าไปที่เว็บไซต์ http://www.hyperdia.com/en ใส่ชื่อสถานีต้นทาง และ ปลายทาง
ระบบก็จะแสดงว่า เราต้องนั่งรถไฟอะไร ออกกีโมง ใช้เวลากี่นาที ไปเปลี่ยนขบวนที่สถานีอะไร รถออกกี่โมง จะช่วยวางแผนได้เป็นอย่างดีครับ

อย่างตัวผม ผมจองโรงแรม Hotel MyStays Ochanomizu ซึ่งอยู่ระหว่างสถานี JR Ochanomizu กับ JR Akihabara พอดี
ดังนั้น ผมก็ดูแผนผังบนป้ายว่า ถ้านั่งจากสถานี Keikyu-Haneda Intenational Terminal ไปสถานี JR Ochanomizu หรือ JR Akihabara จะคิดราคาเท่าไหร่
ถ้าดูบนป้าย (มีภาษาอังกฤษกำกับ) เห็นว่า คิดราคา 560 เยน

เวลาเราซื้อตั๋ว เราก็จำไว้เลยครับว่า ให้คลิ๊กปุ่มที่ 560 เยน แล้วเราจะได้ตัวมา (ไม่ต้องระบบต้นทาง-ปลายทางในเครื่องขายตั๋วครับ) ให้อิงราคาขายเป็นเกณฑ์ในการซื้อ
พูดง่ายๆ ก็คือ "ให้ซื้อตั๋วตามราคาที่เค้ากำหนดไว้"

ดูตามภาพประกอบนะครับ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ลืมภาพแฮะ ...

ภาพแรก สถานี Keikyu-Haneda International Terminal ครับ

ภาพสอง ดูผังด้านบนก่อนว่า สถานีที่เราจะไปลง ราคาเท่าไหร่ แล้วค่อยจิ้มที่เครื่องครับ

ภาพสาม คลิ๊กบนหน้าจอ touch screen เลือกเมนูภาษาอังกฤษได้เลยครับ
แล้วเราก็เลือกว่าจะซื้อตั๋ว Connecting (เพราะเป็น Keikyu ต่อ JR) ก็จะมีปุ่มๆ ให้เลือกราคาทีจะต้องจ่าย เราก็จ่ายตามราคา เช่น 560 เยนเราก็จ่ายตามนั้นครับ (กรณีลงแค่ Shinagawa ก็เลือกเป็น Single Trip) กรณีซื้อตั๋วมากกว่า 1 ใบ ก็กดปุ่มเลือกจำนวนคนทางด้านซ้ายมือได้เลยครับ จะมีปุ่มให้เลือกอยู่

ภาพสี่ วิธีการจ่ายเงินก็ง่ายครับ หลังจากที่เลือกราคาไปแล้ว เราก็แค่สอดแบ๊งค์ 1,000 เยนเข้าไป (หรือ ถ้ามีเหรียญก็หยอดเหรียญไป)เครื่องจะทอนเองโดยอัตโนมัติ ออกมาเป็นเหรียญดังภาพ และเราก็จะได้ตั๋วใบเล็กๆ นี้มา โปรดเก็บรักษาไว้เยี่ยงชีพ จนกระทั่งถึงสถานีปลายทางครับ

ภาพห้า ได้ตั๋วกระดาษใบเล็กๆ มาครับ บัตรนี้วิเศษมาก เล็กจิ๋วแต่แจ่ว ตั๋วเดียวใช้ข้ามค่าย ทั้ง Keikyu และ JR ใบเดียวจนถึงปลายทาง แม้ว่าจะเดินทางกับรถไฟคนละบริษัทก็ตามครับ เวลาเสียบเข้าไปในเครื่อง Gate ประตูอัตโนมัติ จะเสียบไปยังไงก็ได้ เครื่องจะกลับบัตรให้เองแล้วเราก็หยิบไป
ตอนที่ออกจากสถานี Keikyu เข้าสถานีของ JR เวลาเปลี่ยนรถ เราก็เสียบตั๋วใบนี้เข้าไป แล้วก็หยิบตั๋วออกมา จนกระทั่งสถานีสุดท้ายปลายทาง เวลาเราออกจากสถานี เครื่องก้จะกินตั๋วไปเลยครับ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 
• 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ตารางการเดินรถไฟจากสนามบินฮาเนดะ มีรถวิ่งเข้าเมืองทุกๆ 20 นาทีตอนช่วงดึกครับ

มีรอบรถเวลา 23.01, 23.21, 23.41 และคืนนี้เที่ยวสุดท้ายคือ 0.01 น. ครับ

แผนที่ทางรถไฟที่จะวิ่งไปก็ตามภาพนี้เลยครับ ปลายทางที่สถานี Shinagawa

เข้าสถานีแล้วก็ไปรอรถไฟกันครับ ดูป้ายตรงชานชลาได้เลยครับว่า
ขบวนต่อไป จะไปไหน ถ้าโชว์ว่าไป Shinagawa และเวลาตามนี้ก็ใช่เลยครับ
(อย่างขบวนที่เราขึ้น ไป Shinagawa ออกเวลา 23.40 น. ครับ)

ขบวนสีแดงๆ อย่างนี้หล่ะใช่เลย ...ไม่ผิดขบวนแน่ๆ สุดสาย Shinagawa ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะต้องไปลงที่ไหน

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ผ่านไปแค่ 20 นาทีนิดๆ เราก็ถึงสถานี Shinagawa แล้วครับ

ข้อเสียของการนั่งรถไฟเข้าเมืองก็คือ สถานีรถไฟญี่ปุ่นหลายแห่งไม่มีบันไดเลื่อนนะครับ
ต้องแบกกระเป๋าขึ้น-ลงบันไดกันเอง เหนื่อยหน่อยแล้วกันครับ

เดินไปตรงช่อง Transfer to JR Lines (ทางขวา) ได้เลยครับ
เราออกจากสถานี Keikyu เสียบตั๋วเข้าเครื่องเพื่อจะข้ามไปสถานี JR (เพราะเป็นรถไฟคนละบริษัทกัน)
เราก็จะข้ามมายังสถานี JR Shinagawa

ใครที่นั่งรถไฟรอบ 23.40 น.จากฮาเนดะ ถ้ามาถึง Shinagawa ตอนนี้เที่ยงคืนพอดี
จะพบว่า JR Yamanote Line หยุดวิ่งแล้วครับ

รถไฟที่ยังเหลืออยู่ คือขบวนชานเมืองที่ไปสถานี Omiya (ไซตามะ) เป็นรถไฟสายสีฟ้า JR วิ่งระหว่าง Omiya-Ofuna
ถ้าใครที่นอนแถวสถานี Shimbashi (กินซ่า), Tokyo, Akihabara, Ueno ก็นั่งรถไฟขบวนนี้ต่อไปได้เลยครับ
ก็เลยต้องรีบเกาะรถไฟขบวนนี้ มิฉะนั้นจะไม่มีรถให้กลับที่พักแล้ว
(เวลาเดินเข้าสถานี JR ดูชานชลาดีๆ นะครับ ปากทางลงชานชลาจะมีบอกไว้ว่า ชานชลานี้ไปไหน อย่างสาย Yamanote คือชานชลา 1/2
แต่ถ้าเป็นสายสีฟ้า รู้สึกจะเป็นชานชลา 3/4 ครับ ดูทิศทางและสถานีปลายทางจากบนหน้าจอทีชานชลาด้วยนะครับว่า
ขบวนนี้ไปไหน เช่นชานชลานี้ สุดสาย Ofuna หรือ ชานชลานี้สุดสายที่ Omiya (ถ้าเราไปสถานี Tokyo, Akihabara, Ueno ก็ต้องนั่งสายที่ไป Omiya)

เนื่องจากดึกมาก และเราก็รีบมาก ไม่ได้ถ่ายรูปเลยครับ จากสถานี JR Akihabara เราทันเกาะรถไฟขบวนสุดท้าย
มาลงที่ สถานี JR Ochanomizu พอดี (1 สถานี) แล้วก็เดินมาถึงที่พัก อิอิ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

พาไปดูโรงแรมที่พักหน่อยนะครับ

โรงแรม Hotel MyStays Ochanomizu, Akihabara

ตั้งอยู่ระหว่างสถานี Ochanomizu กับสถานี Akihabara พอดี
ถ้าใครที่ตั้งใจอยากจะชม Electric Town หาเกมส์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่นี่ก็คงจะถูกใจมากเพราะอยู่ในระยะเดินได้หมดเลย
แต่ถ้าไปเที่ยวที่อื่น ที่นี่ก็มีสถานีรถไฟอยู่ใกล้ๆ ประมาณ 5 สถานีครับ
ไม่ว่าจะเป็น JR Ochanomizu (นั่งไป Shinjuku เพียง 10 นาที 190 เยน หรือจะนั่งตรงเข้าสถานี Tokyo เพื่อไปต่อชินกังเซ็นก็ได้ง่ายๆ)
JR Akihabara หนึ่งในสถานีในทางรถไฟ JR Yamanote Line วนลูปรอบกรุงโตเกียว

หรือสถานีที่อยู่ใกล้สุด สถานี Tokyo Metro สถานี Awajicho (สายสีแดง Marunochi Line)
ซึ่งสามารถนั่งไปย่าน Ginza, Ikebukuro โดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวนรถ หรือจะนั่งไป Roppongi Hills, Shibuya, Harajuku, ตลาดปลา Tsukiji ก็แค่เปลี่ยนรถต่อเดียวเท่านั้นเอง

หรือ สถานีอีกสถานีหนึ่งถ้าจะไปวัด Asakusa หรือจะไปเมืองนิกโก้ กับบริษัทรถไฟ Tobu ก็ง่ายไปขึ้นที่สถานี Tokyo Metro สถานี Kanda (สายสีส้ม Ginza Line)นั่งไปสุดสายลงสถานี Asakusa ได้เลย ราคา 160 เยน

------------------------------------------------
สำหรับโรงแรมนี้ ผมจองผ่านเว็บไซต์ Latestays.com เพราะราคาถูกสุดครับ
แต่ก่อนจองแนะนำให้ตรวจสอบราคาห้องพักก่อนได้ที่ http://www.hotelscombined.com หรือจะจองผ่านบริษัท HFlight อุดหนุนคุณต้นหน้ากากแอ๊คชั่น ได้เช่นกัน
ราคาปกติจะขายอยู่ที่คืนละ 9,000 เยน หรือโดยประมาณ 3,000 บาท/คืนครับ

สำหรับอาหารเช้า ไม่รวมในค่าห้องครับ สามารถซื้อคูปองอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์เพิ่มได้ในราคา 1,000 เยนต่อคน (ประมาณ 380 บาท)

ห้องหับอาจจะเล็กสไตล์ห้องพักในญี่ปุ่น
แต่ครบครัน สะอาดมากๆ ห้องน้ำก็ไฮเทคมากครับ ถ้าไปพัก 2 คนถือว่าอยู่ได้สบายๆ ครับ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 
• 
• 
• 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ญี่ปุ่นหน้าร้อน ท้องฟ้าสว่างไวกว่าที่คิดมากครับ
เชื่อไหมครับว่า เวลาขณะนี้ (ภาพแรก) เวลาตี 4 กว่าของญี่ปุ่น ฟ้าสว่างจนนึกว่าซัก 6 โมงเช้าแล้ว ....

สำหรับอาหารเช้า ราคา 1,000 เยนแบบบุฟเฟต์ ส่วนตัวผมคิดว่าคุ้มมากๆ ครับ
และแนะนำว่าควรทานอาหารเช้าให้เยอะๆ จะได้มีแรง แม้ว่าเวลาญี่ปุ่นจะเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมงก็ตาม
สามารถซื้อคูปองอาหารเช้าได้ที่เคาน์เตอร์ Reception แล้วเวลาใช้บริการก็แค่ยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่เท่านั้นเองครับ

ไลน์อาหารเป็นบุฟเฟต์สไตล์ญี่ปุ่น เติมได้ไม่อั้น มีทั้งพวกขนมปัง เนย แยม ฯลฯ สไตล์ฝรั่ง
และข้าว ปลาย่าง เครื่องเคียง สารพัดไข่ สลัดผัก ฯลฯ แบบญี่ปุ่น เลือกตักเอง เติมเองเลยครับ

ข้อเสียอย่างเดียวคือ ตื่นมาทานให้ทันนะครับ
เพราะห้องอาหารเปิดแค่ 7.00-9.30 น. เท่านั้นเอง (ถ้าเวลาไทยก็คือ ต้องตื่นมากินข้าวเช้าตั้งแต่ 5.00-7.30 น.)
(ปิดไลน์อาหาร 9.30 น. ยังสามารถนั่งทานได้จนห้องอาหารปิดเวลา 10.00 น. ตรง)

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 
• 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

มาถึงขากลับไปสนามบินฮาเนดะครับ

ผมเลือกใช้บริการของ Tokyo Monorail
จากสถานี JR Hamamatsucho ซึ่งเป็นสถานีเริ่มต้น ไปลงที่สถานี Haneda International Terminal

(สำหรับสถานี JR Hamamatsucho เป็นสถานีใน JR Yamanote Line อยู่ห่างจากสถานี Shimbashi ลงไปทางทิศใต้ไป 1 สถานี และห่างจากสถานี Tokyo ประมาณ 3 สถานี)

กรณีมาจากเมืองใหม่ Odaiba (ที่มีเทพีเสรีภาพ)
สามารถนั่งรถไฟใต้ดินจากสถานี Tokyo Teleport มุดใต้ทะเลมา 1 สถานี
เปลียนขบวนรถมาขึ้น Tokyo Monorail ที่สถานี Tennosuisle ได้เช่นกันครับ
แล้วก็นั่ง Tokyo Monorail ตรงไปยังสนามบินฮาเนดะได้เลย

ลักษณะ Tokyo Monorail จะเหมือนกับ KL Monorail เด๊ะๆ เลยครับ แต่รู้สึก Tokyo Monorail จะใหญ่กว่า
กรณีนั่งรถไฟสาย JR Yamanote Line ก็มาลงที่สถานี JR Hamamatsucho โดยสามารถซื้อตั๋วร่วมต่อ Tokyo Monorail ได้เลยครับ

งั้นมาเริ่มที่สถานี JR Hamamatsucho ครับ
ถ้ากรณีนั่งรถไฟ JR มาเราต้องออกจากสถานี JR ก่อน แล้วค่อยไปเข้าสถานี Tokyo Monorail ครับ (สอดตั๋ว 2 รอบ)

ลงที่สถานี Haneda Airport International Terminal ครับ
(อย่าเพิ่งงกับชื่อสถานีใน Hyperdia ที่จะเขียนว่า Haneda International Building เพราะคือที่เดียวกันครับ)

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 
• 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ถึงสถานี Haneda International Terminal แล้วครับ
(ระวังอย่างนั่งเพลินนะครับ เพราะขบวนนี้จะไปสุดสายที่ Domestic Terminal ถ้านั่งเลยก็ต้องนั่งย้อนกลับมา)

ข้อดีของการนั่ง Tokyo Monorail เข้าสนามบิน
ก็คือ ตัวชานชลา จะอยู่ระดับชั้นเดียวกับ Departure Hall เลยครับ

เรียกได้ว่า ออกจากรถไฟ เดินผ่านชานชลา ออกจากสถานีก็ถึง Departure Hall แล้วไม่ต้องขึ้นบันไดเลื่อนหรือลิฟท์ให้เมื่อยตุ้ม
ในขณะที่ถ้านั่งรถไฟบริษัท Keikyu เข้าฮาเนดะ ก็จะต้องขึ้นลิฟท์มา Departure Hall อีกเช่นกัน

เคาน์เตอร์เช็คอิน แอร์เอเชียเอ๊กซ์ อยู่ที่ Row I ครับ ไฟล์ท D72683 HND-KUL เวลา 23.45 น.
(ของการบินไทยอยู่ที่ Row B ไฟล์ท TG661 HND-BKK เวลา 0.20 น.)

ถ้าบินการบินไทย ออกมาจาก Tokyo Monorail ก็เลี้ยวขวาครับ ตรงไป Row B
ส่วนแอร์เอเชียเอ๊กซ์ ให้เลี้ยวซ้ายตรงไป Row I สุดอาคารเลยครับ

อาคารระหว่างประเทศของฮาเนดะ ไม่ได้ใหญ่เลยครับ เดินนิดเดียวก็รอบอาคารแล้ว
ขนาดน่าจะพอๆ กับ อาคารระหว่างประเทศ Terminal 1 สนามบินดอนเมือง อาคารเดียวน่าจะไหวอยู่ครับ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 
• 
• 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

เคาน์เตอร์แอร์เอเชียเอ๊กซ์ ที่ Row I

ให้บริการโดยพนักงานของสายการบิน ANA All Nippon Airways
ซึ่งเพิ่งจะได้รับรางวัล World's Best Airport Staff ปี 2011 ไปหมาดๆ

ดังนั้น ที่นี่เนื่องจากแอร์เอเชียเอ๊กซ์เป็น "โลว์คอสต์" ซึ่งมีต้นทุนการดำเนินงานที่ฮาเนดะสูงมาก (จ้าง NH ทำให้)
ทุกอย่างก็เลย "เข้มมวด" กว่าทุก station ที่แอร์เอเชียบินไปลงครับ ใครที่คิดว่าสุวรรณภูมิเขี้ยว
เจอฮาเนดะไปนี่ สุวรรณภูมิแค่จิ๊บๆ ผิวๆ ครับ

สิ่งที่ผมแนะนำก็คือ
1. ควรซื้อน้ำหนักโหลดกระเป๋าล่วงหน้าได้เลยครับ เพราะอย่างไรคุณได้โหลดกระเป๋าแน่ ซื้อแบบเผื่อไว้เล็กน้อยก็ดีครับ
เพราะค่าปรับน้ำหนักส่วนเกิน กิโลกรัมละ 2,000 เยน (ประมาณ 760 บาท/กิโลกรัม)
2. สัมภาระติดตัวขึ้นเครื่อง มีได้แค่ 2 ชิ้นเท่านั้น !! ย้ำ ว่าพนักงานเข้มมวดมากๆ จะนับจำนวนชิ้นสัมภาระบนตัวคุณเลย
ถ้าจำนวนมากกว่านี้ต้องโหลดลงใต้ท้องเครื่อง ด้วยอัตราแพงมหาโหด
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีกระเป๋า Laptop นับเป็น 1 ใบ และมีกระเป๋ากล้อง นับเป็นอีก 1 ใบ (หรือกระเป๋าถือของคุณผู้หญิง 1 ใบ)รวมเป็น 2 ชิ้น
คุณไม่สามารถนำอย่างอื่นขึ้นเครื่องได้อีกแล้ว สิ่งที่เหลือไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเสื้อผ้า หรือกระเป๋าหิ้วอื่นๆ
คุณต้องโหลดลงใต้ท้องเครื่องบินเท่านั้น (สำหรับถุงนอน อาจจะยกเว้นไมนับเป็น 1 ชิ้นได้)
3. สัมภาระของผู้โดยสารทุกชิ้นจะต้องถูกชั่งน้ำหนัก ไม่ว่าจะโหลดหรือขึ้นเครื่อง !!
น้ำหนักสัมภาระขึ้นเครื่อง ต้องไม่เกิน 7 กิโลกรัม ไม่สามารถหยวนได้ และขนาดจะต้องไม่เกินกว่าที่กำหนดคือ 56 x 37 x 23 เซนติเมตร
ถ้าสัมภาระชิ้นใหญ่ หรือหนักกว่าที่กำหนด จะต้องโหลดลงใต้ท้องเครื่องบินครับ

สรุปก็คือ ที่นี่เคร่งครัดกับน้ำหนักกระเป๋า และจำนวนชิ้นมากๆ โปรดเตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะบินครับ

เจ้าหน้าที่จะถามหาตั๋วจากกัวลาลัมเปอร์ กลับไทยด้วยนะครับ อย่าลืมแสดงใบ Itinerary ให้เจ้าหน้าที่ดูด้วยครับ

กว่าจะได้บอร์ดดิ้งพาสของ NH มาหืดขึ้นคอ !!!

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ผ่าน ตม. กันดีกว่าครับ บ้ายบายญี่ปุ่น แล้วจะกลับมาอีกนะ ....

สำหรับด่าน Security ที่ฮาเนดะ ผมคิดว่าก็พอๆ กับสุวรรณภูมิครับ
ที่เขี้ยวและเข้มสุดน่าจะเป็นที่ อินชอน ที่ต้องถอดรองเท้าสแกนด้วย

ตม. ฮาเนดะใช้เวลาแค่แป๊บเดียวครับ
ออกมาเจอบันไดเลื่อน เลี้ยวซ้ายไปที่ Gate
แอร์เอเชียเอ๊กซ์ใช้ Bus Gate เช่นเดียวกับการบินไทย
(D7 เรียกที่ Gate 133 ส่วน TG เรียกที่ Gate 132)

ถ้าขึ้นบันไดเลื่อนไปก็จะมีร้านอาหารอยู่ข้างบนครับ ราคาอาหารไม่แพงเท่าไหร่ (ถ้าเทียบกับร้านอื่นๆ ในเขตโตเกียว)
สามารถฝากท้องที่นี่ได้ครับ จะเห็นได้ว่าคนเยอะมากๆ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ตรงไปที่ Gate กันนะครับ Gate 133 จะอยู่ชั้นล่าง แต่ต้องเดินไปสุดอาคารก่อนจะมีทางลงครับ

ระหว่างทางก็จะมี Duty Free และร้านของฝากดูดเงินเยนจนเม็ดสุดท้าย
แน่นอนว่า ของฝากขึ้นชื่อก็คือ Tokyo Banana และอื่นๆ สามารถซื้อได้ที่นี่เช่นกันครับ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ร้าน Duty Free ที่นี่ก็ไม่ได้เยอะมากนะครับ แต่สินค้าแต่ละอย่างก็ถือว่าเหมาะเป็นของฝากเป็นอย่างดี
อย่างไร ถ้าเทียบปริมาณร้านแล้วก็คงสู้ที่สุวรรณภูมิ หรือ สนามบินชางงีไม่ได้หรอกครับ

อารมณ์เหมือนอาคารระหว่างประเทศ สนามบินภูเก็ตมากกว่า มีร้านบ้าง แต่ไม่ได้เยอะมากมายอะไร

ผู้ที่ต้องการใช้อินเตอร์เน็ต ก็มี wi-fi ให้ใช้ฟรีครับ มีแท่นให้เสียบไฟใช้สบายๆ

ลืมบอกไปครับ สำหรับผู้โดยสารแอร์เอเชียเอ๊กซ์ สัมภาระ "ทุกชิ้น" จะต้องติดสติ๊กเกอร์นี้ครับ
ดังนั้น ถึงจะเล็ดรอดสายตาเคาน์เตอร์เช็คอิน ก็จะต้องโดน "เจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์เช็คอินชุดเดิม"
มาให้บริการตรวจบอร์ดดิ้งพาสที่หน้า Gate อีกอยู่ดี

แอร์เอเชียเอ๊กซ์ ขึ้นที่ Gate 133 การบินไทย Gate 132 ก็เลยเจอลูกเรือ TG นั่งกันเต็มเลยครับ
เท่าที่กะด้วยสายตา ผู้โดยสาร TG ไม่เยอะเลย
ที่นั่งๆ กันส่วนใหญ่จะเป็นผู้โดยสารแอร์เอเชียเอ๊กซ์กันมากกว่า

พอถึงเวลา Boarding คนก็ลุกฮือขึ้นมาเข้าคิวกันอย่างที่เห็นครับ
ขึ้นเครื่องก่อน มีสิทธิ์จับจอง(ที่นั่งว่าง)ได้ก่อน อย่างไฟล์ทนี้มีผู้โดยสารราว 70% ทีนั่งว่างให้นอนยาวก็ยังมีให้เลือกพอสมควรครับ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 
• 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ขึ้นเครื่องกันเลยครับ ...

สำหรับบอร์ดดิ้งพาส NH เจ้าหน้าที่แค่ยิงบาร์โค๊ดเฉยๆ แล้วก็ส่งคืนมาให้เต็มๆ แบบนั้น ไม่มีการฉีกบอร์ดดิ้งพาสครับ (ได้บอร์ดดิ้งพาสแบบเต็มใบเก็บเป็นที่ระลึกด้วย)
แล้วก็ต้องนั่งรถบัสสีส้มๆ ไปขึ้นเครื่องกลางลานจอด ....

จะเห็นว่า แอร์เอเชียเอ๊กซ์ A330 จอดหันหน้าชนกับการบินไทย B777-200ER พอดี

สวัสดีจ้า คุณนครสวรรค์ ยังไม่เคยได้ลองโบอิ้ง 777-200ER ของ TG เลย

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 
• 
• 
• 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

บ้ายบาย แผ่นดินญี่ปุ่น ได้เวลาขึ้นเครืองแล้ว .... แล้วจะหาโอกาสกลับมาอีกนะ

ขึ้นไปบนเครื่องประตูหน้า ผ่าน Premium Seat (เต็มทุกที่นั่งครับ)

แล้วก็เล็งหาที่นั่งที่ยังคงว่างอยู่ แล้วก็ไปนั่งจองไว้ (แต่มีสัมภาระติดตัวพร้อมจะย้ายได้เสมอ)
บนเครื่องก่อนออกเดินทาง แอร์จะประกาศว่าให้ผู้โดยสารอยู่กับที จะทำการ Head Count หรือนับจำนวนผู้โดยสารก่อนออกเดินทาง
แอร์จะเดินนับโดยใช้ counter เช็คแล้วเช็คอีกจนกว่าจะออกเดินทางได้ครับ

พอสิ้นเสียง Cabincrew, arm all door and cross check ก็สบายใจว่า ได้ที่นั่งนี้แน่นอน
แห่ะๆ แน่นอนว่า ผมก็ได้ที่นั่งนอนยาว 3 ที่
ตอนแรกไปนั่งที่นึง ปรากฎว่า เจอมาเลย์ขู่ครับว่าฉันจะไปนั่งตรงนั้นนะ (ลองนึกถึงใครซักคนทำตาขวางใส่ เหมือนแมวขู่กัน) ก็เลยย้ายไปที่อื่น

แบบว่า ไปนั่งที่ไหน ถ้าจะจองก็ต้องรีบจองนะครับ เพราะแต่ละคนก็เล็งจะย้ายกันทั้งนั้น
ใครย้ายก่อนย่อมได้เปรียบครับ แอร์ก็ไม่ได้ว่าเรื่องการย้ายที่ เพียงแต่ว่าย้ายกันเนียนๆ และอย่าไปนั่งทับ Hot Seat ก็เท่านั้นเองครับ

บ้ายบายฮาเนดะ สภาพอากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ ฝนตกเครื่องบินสั่นๆ ก็นานพอสมควรกว่ากัปตันจะปลดสัญญาณรัดเข็มขัดครับ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

มาดูกระเป๋าหน้าทีนั่งกันดีกว่า ....

เส้นทาง เกาหลี มีกุ๊กฝีมือดี มาทำอาหารให้ในเส้นทาง อินชอน-กัวลาลัมเปอร์
ถ้าเปรียบเทียบ คงอารมณ์เชฟอิ๊ก เซเลปคนดังหน่ะครับ มี 3 เมนูหน้าตาแบบนี้ เหมือนจะดูดีเลยนะครับ
ก็คงต้องให้คนที่บินกลับจากเกาหลีไปลอง แห่ะๆๆ

Attached Thumbnails

• 
• 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

หลังจากที่เครื่องไต่ระดับได้ แอร์ก็จะเดินแจก Comfort Kit ที่ผู้โดยสาร Pre-book ไว้ (ซื้อล่วงหน้ากันเยอะมากเพราะเป็นไฟล์ทข้ามคืน)
ส่วนเครื่อง e-Player ดูเหมือนไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ก็น่าจะนอนกัน หลังจากนั้นก็จะเริ่มเดินอาหารครับ

อาหารมื้อแรก จะขายตอนเวลาเที่ยงคืนกว่า เกือบๆ ตี 1 ตามเวลาญี่ปุ่น (หรือ 5 ทุ่มตามเวลาไทย)
และอาหารมื้อที่ 2 จะขายก่อนเครื่องลงจอดประมาณ 1.30 ชั่วโมง (ประมาณตี 4 ของไทย)
ซึ่งก็จะมีการขายสินค้าของที่ระลึก รวมถึงดิวตี้ฟรี แทบจะทุกรอบ (ส่วนใหญ่ก็หลับกัน)

ช่วงกลางไฟล์ทก็ปิดไฟมืดตื๋อ แต่ก็แนะนำว่า ควรจะซื้อนำดื่มราคา 3 ริงกิตติดไว้ก่อนนอน
เพราะอากาศบนเครื่องนอกจากจะเย็นจัดแล้ว ยังแห้งมากด้วย จะทำให้รู้สึกกระหายน้ำมาก
จนกระทั่งต้องตืนมาเพราะคอแห้ง (หิวน้ำนี่ทรมานจริงๆ)

สำหรับเมนูอาหารไฟล์ทจากฮาเนดะ ราคา 900 เยนครับ
ผมสั่ง Bento Set กับ ข้าวไก่เทริยากิ ราคา 900x2=1,800 เยน เจ๊มาเลย์มีแอบงง
เพราะ she เล่นตีค่าว่า 25 ริงกิต = 1,000 เยน ตอนแรก she จะไม่ทอนผม
ผมก็เลยต้องชูเมนูให้ดูเลยว่า คิด 900 เยน เจ๊ก็เลยทอนให้ 6 ริงกิต

เมนูอาหาร Pre-book ถ้าเอเชี่ยนก็จะเป็น ข้าวไก่เทริยากิ รสชาติโอเคเลยครับ ถ้าเป็นอาหารอินเตอร์จะเป็น พาสต้า
ราคาซื้อบนเครื่อง 25 ริงกิต (หรือ 900 เยน) ถ้าจองล่วงหน้าก็คิด 25 ริงกิต แต่มีน้ำดื่มขวดเล็ก 330 ซีซีให้มาด้วย
อาหารจะเคลมตอนมื้อแรก หรือ มื้อที่สองก่อนเครื่องลงก็ได้ครับ (สังเกตว่าส่วนใหญ่จะเคลมรอบแรกกันทั้งนั้น)

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 
• 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

เดินสำรวจเคบินก่อนนอนกันดีกว่า ....

ที่นั่งท้ายเครื่องที่ว่างติดกัน 3 ที่ บางทีแอร์จะเดินเข้ามาไล่ แล้วเอาโต๊ะหน้าทีนั่งกางลงกันที่ไว้สำหรับที่พักของลูกเรือ
เพราะเห็นกับตาเลย ที่เจ๊แอร์มาเลย์ไล่ผู้โดยสารที่มานอนยาวตรงนี้ออกจากที่ไป (เข้าใจว่า ป้าผู้โดยสารเพิ่งจะย้ายมาครับ)

ปล. ไฟล์ทนี้ไม่มีลูกเรือไทยครับ มีแต่ลูกเรือมาเลย์ และลูกเรือญี่ปุ่น ก็เลยประกาศเป็นภาษาอังกฤษ ภาษามาเลย์ และภาษาญี่ปุ่น 3 ภาษา

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ส่วนตัวผมก็ของีบก่อนหล่ะครับ ...
นอนยาว 3 ทีนั่งเหมือนจะสบายครับ ปิดไฟมืดยิ่งนอนสบาย
แต่หิวน้ำสุดๆ (อย่าลืมซื้อน้ำไว้ก่อนนะครับ จะได้ไม่ต้องทนหิวน้ำ หรือ จะเดินไปซื้อน้ำในครัวก็ได้ครับ)

ก่อนเครื่องลงประมาณ 2 ชั่วโมง ห้องโดยสารก็ถูกเปิดไฟสว่างอีกครั้ง แอร์ก็ขายของกันอีกรอบ แต่ส่วนใหญ่หลับ (และผมก็หลับ)
พอขายของเสร็จก็หรี่ไปลงอย่างที่เห็น จนกระทั่ง ถึงเวลาร่อนลงจอดที่ท่าอากาศยาน KLIA กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เวลา 6.30 น. ครับ

Attached Thumbnails

• 
• 
•