51 replies to this topic

[manusman]

Advertisements

สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว hflight วันนี้ผมมีรีวิวมาให้ชมกัน เหตุการ์ณที่เกิดอาจจะเก่าเก็บไปนิดนึง เพราะพอดีได้จัดเรียงไฟล์ใน ฮาร์ดไดรฟ์ใหม่เลยไปเจอรูปทริปเก่าๆ สมัยที่ยังไม่รู้จัก hflight เลยขอนำมาเสนอก่อนที่ความทรงจำจะเริ่มเลือนลางครับครับ แล้วก็เผื่อจะทำให้หัวข้อรีวิวท่องเที่ยวของทวีปอเมริกาเหนือและใต้ใน hflight คึกคักขึ้นมาบ้าง

ทริปนี้ผมได้ไปยังเมือง CANCUN ประเทศ MEXICO ซึ่งเป็นที่ตากอากาศขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของทางแถบอเมริกาเหนือ เป้าหมายหลักคือจะไปยัง หนึ่งในสถานที่แห่งความใฝ่ฝันของตัวผมเอง คือเมืองโบราณ Chichen Itza ซึ่งมีพิรามิดที่เราอาจคุ้นตากันอยู่บ้างตั้งอยู่
จุดนี้ก็ได้รับประกาศให้เป็น มรดกโลก จากองค์การ UNESCO เมื่อปี 1988 แล้วในปี 2007 โบราณสถานนี้ ก็ได้ถูกบรรจุให้ติดอันดับ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่

Attached Thumbnails

• 

[manusman]

ทริปนี้ เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้วครับตรงกับช่วงเทศกาล Thanksgiving ของที่อเมริกา (23-27 November 2009) ครับซึ่งเป็นช่วง Low Season ของทาง CANCUN พอดีเพราะเป็นรอยต่อจากหน้ามรสุมเข้าหน้าหนาว เลยจะมีดีลโรงแรมดีๆ แล้วค่าตั๋วเครื่องบิน (จากอเมริกา) ที่ไม่แพงมากนัก

แล้วข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือ อากาศไม่ค่อยร้อนมากครับ (แต่น้ำทะเลก็จะเย็นด้วย แต่ไม่เป็นไร ชั้นไขมันเราหนาซะอย่าง บ่ยั่นอยู่แล้ว)
เพื่อนๆ ก็แซว (ในเวลานั้น) ว่าไปตามกระแส หนังเรื่อง 2012 เหรอ ไอ้ผมก็แอบเซ็งเพราะผมเตรียมทริปนี้ตั้งแต่ ก่อนหนังจะเข้าตั้งหลายเดือน มันช่างไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลยสิ พับผ่า

Attached Thumbnails

• 

[manusman]

พอดีตอนนั้นยังไม่ได้รู้จัก hflight เลยไม่ได้ถ่ายรูปสนามบินหรือเครื่องบินที่ใช้เดินทางมาด้วย ผมบินมาด้วยสายการบิน Alaska Airlines บินตรงจาก Seattle, USA มายัง Cancun, Mexico ครับ สิ่งที่น่าจดจำคือความทรมานครับเพราะ ใช้ 737 บินยาว 6 ชั่วโมงรวด และ ไม่มี จอส่วนตัวและอาหารเสิร์ฟครับ (ลองนึกตามเอาแล้วกันครับ ไม่มีอะไรน่ารีวิว จริงๆ) รวมระยะเวลาบินและปรับเวลาเพิ่มแล้วก็คือบินออกเช้าถึงตอนเย็นเลยครับ ทริปนี้ไปทั้งหมด 5 วัน เสียวันให้กับการเดินทางไปสองวัน ก็เหลือเวลาเที่ยวแค่ 3 วันล่ะครับ

ภาพเครื่องบินจาก www.hawaii-myguide.com

Attached Thumbnails

• 

[manusman]

มาเริ่มต้นกันที่โรงแรมเลยนะครับโรงแรมที่พักคือ Hilton Cancun Golf & Spa Resort ครับ ที่เลือกมาพักที่นี่คือได้ดีลดีมากๆ เพราะว่ามีโปรโมชั่นแถม Resort Credit ให้ด้วยตามจำนวนคืนที่พัก ผมพักไปสี่คืนได้เครดิตมา 300 USD ก็เอาไว้ใช้ตามร้านค้าต่างๆ ในโรงแรมล่ะครับ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[manusman]

มาต่อกันที่ชายหาดครับพอดียังค่อนข้างเช้าอยู่เลยไม่ค่อยมีคน พอมาถึงสิ่งที่ทำให้อึ้งคือสีของน้ำทะเลครับ ช่าง Turquoise ได้ใจจริงๆ ครับตัดกันกับสีของหาดและท้องฟ้าได้ใจดีจริงๆ ครับ เท่านี้ก็รู้สึกว่าคุ้มแล้วล่ะครับที่ได้ลงมาเที่ยว แล้วก็เป็นการเหยียบน้ำทะเลของทาง แคริบเบียน ครั้งแรกด้วย แต่ว่าวันนี้ยังไม่ได้ถ่ายเยอะมากเท่าไหร่เพราะต้องไป Chichen Itza ได้ถ่ายเอาเป็นจริงเป็นจังก็วันรุ่งขึ้นล่ะครับเพราะตั้งใจไว้เล่นน้ำโดยเฉพาะ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[manusman]

ส่วนตัวหาดที่อาจจะดูไม่ค่อยเรียบร้อยและสั้นนักเป็นเพราะว่า CANCUN โดนพายุเฮอริเคน Wilma ถล่มอย่างรุนแรงเมื่อปี 2005 ตามด้วยเฮอริเคน Dean อีกในปี 2007 (ตอนที่ผมไปคือปี 2009 นะครับ)

Attached Thumbnails

• 

[manusman]

พายุได้กวาดเอาชายหาดที่เคยมีอยู่ให้หายไปหมดเหลือแต่โขดหินทำให้สภาพหาดไม่เหมาะแก่การลงเล่น (โดนไปสองลูกติดๆ กันนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนะครับ)
ตอนที่ผมไปนั้นก็ยังเห็นร่องรอยความเสียหายอยู่ การอนุมัติงบประมาณให้บูรณะชายหาดก็เพิ่งเริ่มเมื่อปี 2008 นั่นเองโดยการนำทรายจากใต้ทะเลกลับมาถมใหม่ ซึ่งก็คงจะกินเวลาหลายปีอยู่มากมาย
ผมเลยนึกอยู่ว่าถ้าได้ไปเห็นตอนที่สมบูรณ์จริงๆ คงจะสวยสะดุดตามากมาย (แค่นี้ก็ปลื้มกับสีน้ำทะเลไปเป็นปีๆ เลยล่ะครับ)

Attached Thumbnails

• 

[manusman]

เอาล่ะเมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วก็ออกเดินทางไปยัง Chichen Itza ครับ ซึ่งจะอยู่ห่างจากตัวเมือง CANCUN ไปประมาณ 201 กิโลเมตร (ขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงครับ) การเดินทางก็สามารถไปได้หลายทางครับ เช่นรถบัส (จะนานหน่อย) ซื้อทัวร์ หรือที่ผมเลือกคือ เช่ารถครับ เพราะว่าไม่ชอบไปกับทัวร์ และไม่อยากจำกัดเวลาตัวเองที่ Chichen Itza

ถ้าใครมีใบขับขี่อเมริกา ก็สามารถเช่ารถขับใน MEXICO ได้ครับ ไม่มีรูปตอนระหว่างเดินทางนะครับเพราะว่าผมทำหน้าที่ขับรถ ยิ่งอยู่ในบ้านเมืองที่พูดกันไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว (เขาพูดภาษาสเปนกัน) ยิ่งต้องตั้งใจขับให้มากเข้าไปอีก

Attached Thumbnails

• 

[manusman]

การเดินทางนะครับจาก Cancun [A] ไป Chichen Itza [B] จะไปได้สองทางคือ [1] ไปทางด่วน Federal 180D (เก็บค่าผ่านทาง รถน้อย ถนนสี่เลน น่าเบื่อมาก) ใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมง

หรือ [2] ไปสายล่าง Federal 180 (มันต่างกันแค่ตัว D แค่นี้นะเนี่ย) (ผ่านเมืองต่างๆ เช่น Chemax และ Valladolid จะช้า และเป็นถนนสวนกัน) ใช้เวลาราวๆ 3 ชั่วโมงขึ้นไป

ผมเลือกทาง [1] ครับเพราะไม่คุ้นเคยกับสภาพถนนใน Mexico และกลัวเกิดอุบัติเหตุและหลงทาง แล้วทางมันก็น่าเบื่อจริงๆ เป็นเส้นตรงๆ รถก็น้อย ขับไปก็เสียวไปครับว่าถ้่าเป็นอะไรขึ้นมาแล้วใครมันจะมาช่วยวะเนี่ย แต่ก็ดีว่าไม่่ต้องห่วงอย่างอื่น แค่ตั้งใจเหยียบให้มันถึงก็พอ

วันนี้เราเดินทางข้ามรัฐกันด้วยนะครับเพราะ Cancun อยู่ในรัฐชื่อ Quintana Roo ส่วน Chichen Itza อยู่ในรัฐ Yucatan นะครับ

Attached Thumbnails

• 

[manusman]

แล้วเราก็มาถึงทางเข้าครับ ทุกคนอาจงงว่าทำไมมันดูไม่อลังการเลย ก็เพราะว่า มันมีทางเข้าสองทางครับ มีของทางการ (Main Entrance) กับของเอกชน (East Entrance) ในรูปนี้ก็ ของเอกชน (East Entrance) ครับ

… คือเรื่องมีอยู่ว่าตอนออกจากทางด่วนก็มีเหมือนป้อมข่าวสาร ก็มีเจ้าหน้าที่กวักมือเรียก ผมก็จอดเพราะกะว่าคงได้เก็บข้อมูลเพราะต้องขับผ่านเมืองเล็กๆ ชื่อ Piste ก่อนถึง Chichen Itza จะได้ไม่หลงทาง ตานั่นก็จัดแจงอธิบายให้เสร็จสรรพ พร้อมกับขายบัตรให้บอกว่าเป็นบัตรจอดรถรวมกับบัตรอาหารบุฟเฟ่ต์และบัตรผ่านเข้าชม ก็ตกลงกันว่าลองซื้อแล้วกัน เขาก็บอกให้เข้าทางเอกชน (เป็นโรงแรม) นะแล้วก็จอดรถในนั้นแหละ ทางเข้าที่ผมใช้นี้จะอยู่ในเขตโรงแรม Hotel & Bungalows Mayaland/The Lodge at Chichen Itza ครับ (อาจเป็นของผู้มีอิทธิพลแถวนั้นก็ได้นะเพราะว่ามาตั้งได้ซะติดกับเขตโบราณสถานซะขนาดนี้)

ทางเข้าของทางการนั้นจะูอยู่อีกจุดหนึ่งซึ่งเมื่อออกจาก ทางด่วนมา ผ่านเมือง Piste แล้วก็จะถึงก่อนจะเห็นเป็นลานจอดรถมีรถเยอะๆ บริเวณทางเข้าทางการนั้นก็จะมี Museum ด้วย (พลาดซะแล้วเรา แต่ก้ไม่เป็นไรเพราะถือซะว่าได้เข้ามาแบบ ส่วนตัว exclusive สุดๆ แถมมีข้าวกินด้วย) ถ้าจะมา East Entrance ต้องขับรถโค้งตามถนน Federal 180 ต่อมาอีกหน่อยแล้วจะเจอทางแยกเข้าโรงแรม Mayaland ครับ

Attached Thumbnails

• 
• 

[manusman]

Chichen Itza (หรือที่แซวเป็นภาษาอังกฤษว่า Chicken Pizza) นี่ต้องเสียค่าเข้าชม ราวๆ 88 เปโซ (หรือ 8 USD) ตรงทางเข้า ก็จะมีไกด์ท้องถิ่นให้ว่าจ้างได้ ราคาเท่าไหร่ผมก็ไม่ทราบนะครับเพราะมิได้ใช้บริการ

ในรูปนี่ไม่ใช่ที่ขายตั๋วนะครับ แค่เป็นตัวอย่างที่พักอาศัยในยุคนั้น

Attached Thumbnails

• 

[manusman]

เมื่อเดินเข้ามาผมก็ไม่รอช้ารีบรี่ไปยังสถานที่สำคัญก่อนเลย (เพราะถ้าฝนตกหรือแดดหมดขึ้นมาจะได้ไม่เสียดาย) มันจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก El Castillo (Castle) นั่นเอง เมื่อมาถึงก็ตะลึงกับความอลังการแล้วความสมบูรณ์ของมัน

แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่าในปัจจุบันนี้ได้ห้ามมีการปีนขึ้นไปบนตัวอาคารแล้วตั้งแต่ปี 2005 เพราะว่ามีนักท่องเที่ยวกลิ้งตกลงมาจากยอดแล้วเสียชีวิตลง เลยทำให้เราไม่สามารถเข้าชมภายในอาคารได้ด้วยเช่นกัน

แต่ไม่เป็นไรครับแค่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเองก็เป็นสุขสมดั่งใจใฝ่ฝันแล้วล่ะครับ

Attached Thumbnails

• 

[manusman]

ในส่วนของข้อมูลคร่าวๆ นี้ผมแปลย่อมาจาก Guidebook ที่ผมใช้นะครับ “Cancun&Cozumel: Including the Riviera Maya ของ MOON โดย Gary Chandler และ Liza Prado, 9th edition นะครับ

บริเวณเมือง Chichen Itza (หรือ อีกนามว่า Mouth of the Well of the Itza) นี้คาดว่าเป็นแหล่งที่ได้รับอิทธิพลมาจากหลายชนเผ่าทั้ง Toltec, Mayan, และ Itza โดยคาดว่าผู้ที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมที่นี่มากที่สุดคือพวก Toltec

เราจะสามารถแบ่งกลุ่มอาคารต่างๆ ได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ ด้วยกันนะครับ คือ
Chichen Nuevo (ยุคใหม่ในยุคของพวก Toltec)
กับ Chichen Viejo (ยุคเก่า)

การเยี่ยมชมในครั้งนี้ก็จะเริ่มที่กลุ่ม Chichen Nuevo ก่อนนะครับ

Attached Thumbnails

• 

[manusman]

ข้อมูลคร่าวๆ ของ El Castillo (หรืออีกนามว่า Temple of Kukulcan) (Kukulcan คือชื่อในภาษา Mayan ของ Quetzalcoatl หรือ deity ที่มีรูปเป็นงูที่มีขนนก)
คาดว่าสร้างโดยก่อสร้างตามหลักตามหลักดาราศาสตร์นะครับ ตัวอาคารแบ่งเป็น 9 ชั้น (นับตามขั้นใหญ่ๆ ครับ) ซึ่งแบ่งกั้นกลางโดยบันไดทำให้เหมือนดูมีแท่นทั้งหมด 18 แท่น ซึ่ง 18 ก็คือจำนวนเดือนตาม Mayan calendar นั่นเอง ในแต่ละด้านนั้นก็จะมีขั้นบันไดกลางรวมกัน 91 ขั้น ซึ่งเมื่อนำทั้งส่ีด้านมารวมกันบวกกับอีก 1 ขั้นสุดท้าย ก็จะได้ 365 ขั้นซึ่งก็เท่ากับจำนวนวันใน 1 ปี

Attached Thumbnails

• 
• 

[manusman]

อีกหนึ่งสิ่งที่หน้าทึ่งคือ ทางพิระมิดด้านตะวันตก ถ้ายืนอยู่ข้างล่างแล้วหันหน้าเข้าหาพีระมิดแล้วปรบมือ
แล้วจะมีเสียงสะท้อนออกมาจากตัวพีระมิด ด้วยนะครับ ผมลองทำดูแล้ว…มีเสียงออกมาจริงๆ ครับ

แล้วในวัน Spring Equinoxes (March 21) และ Autumn Equinoxes (September 22) จะเกิดปรากฎการ์ณในตอนบ่ายทางบันไดด้านเหนือของพีระมิด เมื่อแสงอาทิตย์ส่องกระทบกับแนวบันไดจนเกิดเป็นแนว ซิกแซกไปมาจนถึงรูปปั้นหัวงูที่อยู่ทางปลายบันได้ ทำให้ดูเหมือนงูเลื้อยลงมาจากบันไดนั่นเองล่ะครับ

Attached Thumbnails

• 

[manusman]

เอาล่ะครับจากนั้นก็ไปยังจุดต่อไปกันเลย จุดนี้คือจุดที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งใน Chichen Itza ครับ คือ Gran Juego de Pelota (Great Ball Court) ครับ

Attached Thumbnails

• 

[manusman]

Great Ball Court นี้ มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาค Mesoamerica (หรือประเทศ Mexico นั่นเอง)
Ball Court ในโบราณสถาณอื่นๆ ในละแวกนี้ก็จะมีลักษณะแตกต่างกันออกไป
กฎกติกาเองก็แตกต่างกันไปตามที่ต่างๆ ครับ ตรงส่วนปลายสนามที่เห็นนั่นคือ Templo Norte (The Temple of Bearded Man) ครับ

Attached Thumbnails

• 

[manusman]

ตัวสนามแข่งจะถูกล้อมด้วยกำแพงสูง 8 เมตร การทำคะแนนจะมาจากการนำลูกบอลซึ่งทำจากยางและมีน้ำหนักราวๆ 4 กิโลกรัม ผ่านเข้าช่องกลมๆ หรือโดนแป้นกลมๆ ที่อยู่บนยอดกำแพงโดยใช้แค่ ข้อศอก ข้อมือ หรือ บั้นท้าย ไม่ได้มีการระบุไว้แน่ชัดว่าผู้ชนะหรือผู้แพ้ ที่จะถูกบูชายัญ (เป็นกีฬาที่ไม่น่าเข้าร่วมจริงๆ) บางแหล่งก็บอกว่าการที่ผู้ชนะถูกบูชายัญถือว่าเป็นเกียรติอันสูงส่ง บางแหล่งก็บอกว่าทีมที่ชนะจะได้เป็นคนลงมือบูชายัญทีมที่แพ้ หรือไม่ก็ ผู้แพ้เป็นผู้บููชายัญผู้ชนะ (จะยังไงก็แล้วแต่ มันก็ยังไม่น่าเข้าร่วมอยู่ดี)

Attached Thumbnails

• 
• 

[manusman]

ภาพแกะสลักข้างสนามครับ ขอโทษทีครับ มันอาจดูยากๆ อยู่หน่อย ทางด้านขวาคือนักรบ นะครับ ส่วนทางซ้ายนี่ผมไม่แน่ใจ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นคนที่ถูกตัดหัวแล้ว มีเลือดพุ่งออกมาเป็นงูนะครับ

Attached Thumbnails

• 

[manusman]

ในสนามก็จะมี อีกสองจุดที่น่าสนใจคือ Templo de los Jaguares (Temple of the Jaguars) ซึ่งอยู่บนตัวกำแพง

Attached Thumbnails

• 
•