125 replies to this topic

[ทีมข่าวHFLIGHT]

Advertisements

Maldives ไม่ไกล!! ไปมัลดีฟส์สบายๆ ออกแบบเองได้กับ AirAsia

พร้อมรีวิว Centara Ras Fushi รีสอร์ทยอดนิยม

 

 

มัลดีฟส์ อยู่ไม่ไกลแล้ว!! จะกล่าวแบบนี้ก็คงไม่ผิดมากนักเพราะว่าตั้งแต่สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมานั้นได้มีสายการบินโลวคอสต์ บินตรงจากดอนเมืองไปถึงมาเล่ มัลดีฟส์ แล้ว แถมบินตรงทุกวันด้วย ทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินไปมัลดีฟส์นั้นง่ายและประหยัดกว่าเดิม

 

หลายคนอาจบอกว่าจะไปมัลดีฟส์ทั้งที่เขาไปพักผ่อนให้สบาย ๆ รีสอร์ทที่ไปก็แบบเป็นหรู ๆ แพง ๆ นั่งโลวคอสต์ไปมันจะเข้ากันหรอ เราก็อยากบอกว่าจริง ๆ แล้วนั่งโลวคอสต์ให้สบาย ๆ ก็ทำได้ เลือกออกแบบได้เองด้วยว่าจะสบายเพียบพร้อมแค่ไหน ไม่แพ้บริการของฟูลเซอร์วิส แถมเลือกได้เองตามที่ตัวเราต้องการจะใช้บริการมากน้อยแค่ไหน ซึ่งก็จะทำให้เราประหยัดได้เพราะจะได้ใช้ตามที่เราต้องการจริง ๆ

 

ส่วนการไปมัลดีฟส์นั้น หลายคนอาจจะบอกว่า ที่เมืองไทยก็มีทะเล ที่นั่นที่นี่ก็มีทะเล ทำไมต้องไปไกลถึงมัลดีฟส์ เราก็อยากจะนำเสนอในรีวิวนี้ให้เห็นถึงประสบการณ์ที่จะได้สัมผัสถ้าไปเยือนมัลดีฟส์ เรียกว่าเป็น Maldives Experience ซึ่งประสบการณ์หลาย ๆ อย่างที่จะได้ไปสัมผัสจากการไปมัลดีฟส์ ไปนอนรีสอร์ทที่เป็นเกาะปะการังกลางทะเลนั้น หลาย ๆ อย่างก็อาจจะหาไม่ได้จากที่อื่น ๆ ในโลก

 

รีวิวนี้เราจะพาไปพักที่ Centara Ras Fushi Resort & Spa เป็นรีสอร์ทยอดนิยม เป็นรีสอร์ทแบรนด์ไทย ที่ให้ความรู้สึกไม่เหมือนใครเพราะมีทั้งความอบอุ่นเหมือนอยู่เมืองไทยที่มีทั้งพนักงานคนไทยมีหลายอย่างที่เป็นไทย ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีบรรยากาศ ประสบการณ์แบบมัลดีฟส์มานำเสนอให้เต็มที่ เรารีวิวให้ชมอย่างละเอียดเลยแหละลองตามไปชมกัน

[ทีมข่าวHFLIGHT]

มาเริ่มต้นการเดินทางกันเลยดีกว่า แม้แอร์เอเชียจะเป็นโลวคอสต์ หลายคนอาจจะคิดว่าจะไม่สะดวกสบาย แต่จริง ๆ แล้วการบริการเขาก็มีให้ได้เต็มรูปแบบ สู้สายการบินฟูลเซอร์วิสได้เลยนะ ที่สำคัญคือแนวคิดของแอร์เอเชียคือ เราสามารถเลือกใช้บริการและเลือกจ่ายได้เท่าที่เราต้องการใช้ ถ้าไม่ต้องการไม่ใช้ก็ไม่ต้องจ่าย ก็เหมือนเราสามารถออกแบบเองได้ว่าให้มีบริการในระดับไหนในการเดินทางทริปนั้นของเรา

 

อย่างครั้งนี้เราจะไปพักผ่อนที่มัลดีฟส์แบบสบาย ๆ ไฮ ๆ  เราก็มีทางเลือกแบบสบาย ๆ แม้จะเดินทางด้วยโลวคอสต์จากดอนเมือง จะเป็นอย่างไรไปดูกัน

 

บริการนี้เรียกว่า AirAsia RedCarpet  เป็นบริการเสริมสำหรับให้การเดินทางของเราสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น บริการนี้มีอะไรบ้าง ก็เริ่มต้นด้วยนี่เลย

 

เช็คอินที่ช่องพิเศษที่เคาเตอร์เช็คอินที่สนามบิน ไม่ต้องไปต่อคิวยาว ๆ เพื่อรอเช็คอินโหลดกระเป๋า เดินพรมแดงเข้าไปที่ช่อง RedCarpet ได้เลย ส่วนกระเป๋าของเรานั้นก็จะได้ติดป้าย Xpress Baggage ก็คือเป็น Priority Baggage Handling ที่จะมีการแยกโหลดกระเป๋าของเรา และที่ปลายทางก็จะได้รับกระเป๋าก่อนใครที่สายพาน 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ความ RedCarpet ยังไม่หมดแค่นั้น แทนที่เราจะต้องไปพบปะกับคนมากมายวุ่นวายแย่งเก้าอี้นั่งกันแถวหน้าเกท เราก็สามารถไปนั่งรอสบาย ๆ ในห้องรับรองหรือ Lounge เพื่อรอขึ้นเครื่อง โดยบริการ RedCarpet ของแอร์เอเชียที่ดอนเมืองนั้นผู้โดยสารจะได้ใช้บริการที่ The Coral Executive Lounge ซึ่งหากเป็นฝั่งขาออกระหว่างประเทศก็จะอยู่หลัง ตม. และ X-Ray เดินเข้ามาแล้วก็เจอเลย

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ที่นั่งในเลาจน์ก็จะมีให้เลือกหลากหลายมุม สบาย ๆ กว้างขวาง ที่สำคัญคือสงบและมีความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องไปผจญโลกที่วุ่นวายให้หงุดหงิดตั้งแต่เริ่มเดินทาง เพราะทริปนี้เราจะไปพักผ่อนกันแบบสบาย ๆ อารมณ์ดี ๆ ที่มัลดีฟส์ 

 

สำหรับ The Coral Executive Lounge เราก็มีรีวิวอย่างละเอียด และมีวิดีโอพาไปชมกันมาแล้วที่ http://www.hflight.n...s/topic/17601-q

 

 

 

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ระหว่างรอก็ไปหยิบอะไรมารับประทานแบบเบา ๆ ก่อนนะ แค่นี้เอง

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

พอถึงเวลาจะขึ้นเครื่องก็ เดินจากเลาจน์มาที่เกท แต่เราก็ไม่ต้องรอต่อคิวให้วุ่นวาย เพราะอีกหนึ่งสิทธิของ RedCarpet ก็คือ สิทธิได้ขึ้นเครื่องก่อน หรือ Priority Boarding เราก็ขึ้นเครื่องก่อนใครเป็นกลุ่มแรกเลย เห็นไหมว่าแม้จะบินโลวคอสต์เราก็เลือกที่จะทำให้ตัวเองสะดวกสบายได้ไม่ต่างอะไรจากการนั่ง Full Service (จริง  ๆ บางสิทธิเหนือกว่าการนั่ง Full Service ทั่วไปด้วยซ้ำ)

 

สำหรับ บริการ RedCarpet ที่มีทั้ง Priority Check-in เช็คอินช่องพิเศษไม่ต้องรอคิวนาน / Priority Baggage โหลดและรับกระเป๋าได้ก่อนใครที่ปลายทาง / Lounge Access มีห้องรับรองระหว่างรอขึ้นเครื่อง และ Priority Boarding ขึ้นเครื่องก่อนใครไม่ต้องรอคิวยาว นั้นเป็นบริการเสริมพิเศษ จ่ายเพิ่มเพียง 1,000 บาท(สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศและจองล่วงหน้า) แต่ถ้าหากมาซื้อตอนเช็คอินที่สนามบินก็จะ 1200 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.airasia....red-carpet.page

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

บอร์ดดิงก่อนใครไม่นานก็มาถึงเครื่องแล้ว วันนี้เราจะเดินทางไปกับ HS-CBF เป็นแอร์บัส เอ320นีโอ ลำใหม่รุ่นใหม่ พร้อมออพชั่น ETOPS

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ลูกเรือยืนต้อนรับพร้อมให้บริการในเที่ยวบิน FD177 สู่มาเล่ มัลดีฟส์ ในวันนี้ เราขึ้นเครื่องมาก่อนใครก็มาเจอเคบินโล่ง ๆ แบบนี้ สำหรับใครที่อยากนั่งสบาย ๆ แถวหน้า ๆ มีที่กว้่างนั้นก็เลือกที่นั่ง Hot Seat ได้ก็เป็นอีกหนึ่งบริการเสริม แต่ถ้าใครตัวเล็ก นั่งไหนก็ได้ ก็ไม่เป็นไร ก็ไม่ต้องเลือก ไม่ต้องจ่าย เราออกแบบทริปเองได้ตามใจและความต้องการ

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เที่ยวบิน FD177 ออกเดินทางสู่มัลดีฟส์ ก็จะใช้เวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมง จากเมืองใหญ่อันแสนวุ่นวาย เราจะพาไปพักผ่อนแบบสบาย ๆ กลางมหาสมุทรกัน

 

 

 

ตอนนี้แอร์เอเชียก็มีเที่ยวบินดอนเมือง-มาเล่ ทุกวัน แต่ตารางบินจะต่างกันในแต่ละวัน

 

FD175 DMK 09.25 - MLE 11.50 บินวัน อาทิตย์ จันทร์ พุธ ศุกร์

FD177 DMK 20.00 - MLE 22.25 บินวัน อังคาร พฤหัส

FD177 DMK 20.25 - MLE 22.50 บินวันเสาร์

 

(หมายเหตุ ตอนที่เราเดินทางยังเป็นตารางฤดูร้อนนะครับยังใช้เลข FD177 และออกเดินทางตอนกลางวันทุกวัน แต่ตั้งแต่ตารางฤดูหนาว 2018/2019 นั้นเปลี่ยนตารางบินเป็นข้างต้น)

 

ส่วนขากลับนั้นตารางบินในปัจจุบันคือ

FD176 MLE 12.35 - DMK 19.05  บินวัน อาทิตย์ จันทร์ พุธ ศุกร์

FD178 MLE 23.10 - DMK 05.40(วันรุ่งขึ้น) บินวัน อังคาร พฤหัส เสาร์

 

ซึ่งตารางบินแบบนี้ก็จะทำให้เราสามารถเลือกเดินทางไป วันอาทิตย์ จันทร์ พุธ หรือศุกร์ แล้วกลับในวัน อังคาร พฤหัส หรือเสาร์ จะทำให้วันกลับเราสามารถอยู่ในรีสอร์ทได้เต็มที่ ไม่ต้องรีบตื่นรีบเช็คเอาท์ นั่งเรือนั่งเครื่องมาสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เมื่อสัญญาณรัดเข็มขัดดับลง ลูกเรือก็เริ่มแจกใบ ตม. ของมัลดีฟส์

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เสร็จแล้วก็ได้เวลาบริการอาหารเครื่องดื่มครับ ใครอยากรับประทานอะไรแบบไหน ก็เลือกล่วงหน้าทำ Pre-book มาได้เลย เลือกเมนูได้เองมีให้เลือก 7-8 รายการมากกว่าบินฟูลเซอร์วิสอีก แต้ถ้าไม่อยากกิน ขึ้นมาแล้วก็นอนก็ไม่ต้องจ่าย

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

สำหรับวันนี้เราเลือกเมนูพิเศษซึ่งจะเปลี่ยนไปในแต่ละช่วง เป็นสปาเก็ตตี้ต้มยำทะเล กับน้ำ Galaxy Drink น้ำอัญชัญส้มยูสุ

 

 

 

 

แต่ตอนนี้เมนูพิเศษเขาเปลี่ยนแล้วนะ หากเดินทางช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคมนี้ก็จะมี

- เย็นตาโฟหม้อไฟผัดแห้ง เสริฟพร้อมโออิชิข้าวญี่ปุ่น หรือโค้ก ราคา 190 บาท

 

- อาฟเตอร์ยูแพนเค้กซูเฟล่ 150 บาท

 

- น้ำลิ้นจี่บลอสซั่ม 65 บาท

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

บิน ๆ กิน ๆ เพลิน ตอนนี้สัญญาณรัดเข็มขัดก็ติดแล้ว เรากำลังลดระดับลงสู่ท่าอากาศยานนานาชาติ เวเลนา ที่กรุงมาเล่ มัลดีฟส์

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

จากเมืองที่แสนวุ่นวายตอนเทคออฟ ตอนนี้วิวนอกหน้าต่างของเราก็เป็นมหาสมุทรสีครามและบรรดาเกาะปะการังที่แสนสวยงาม (atoll) ประเทศมัลดีฟส์นั้นเป็นประเทศที่เป็นแนวของหมู่เกาะที่เกิดจากการทับถมกันของซากปะการังหรือ atoll เป็นเกาะเล็ก ๆ เป็นวง ๆ เรียงต่อกันนับหลายพันเกาะ เกาะส่วนใหญ่มีขนาดเล็กมาก ไม่มีผู้คนไปตั้งชุมชนถาวร จะมีแค่บางเกาะใหญ่ ๆ เท่านั้นที่มีชุมชนของคนพื้นถิ่น รัฐบาลมัลดีฟส์เลยให้สัมปทานบรรดาเกาะเล็ก ๆ เหล่านั้นไปทำเป็นรีสอร์ท ในรูปแบบที่แทบจะไม่เหมือนใครในโลก คือเป็น 1 เกาะ  1 รีสอร์ท ราวกับเป็นดินแดนส่วนตัวของรีสอร์ทนั้น ๆ ทีสำคัญคือเกาะนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของ atoll ที่เป็นแนวปะการัง เราจึงสามารถชมความสวยงามของปะการังและสัตว์น้ำได้เลย แค่เพียงดำน้ำใส ๆ จากหน้ารีสอร์ท นี่เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของ Maldives Experience ที่ไม่เหมือนใคร จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวเราพาไปชม

 

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

จริง ๆ แล้วแค่วิวก่อนเครื่องจะลงก็น่าตื่นตาตื่นใจแล้ว

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

อันนี้ก็จะเป็นลักษณะของบรรดาเกาะรีสอร์ทที่เรากล่าวถึงไป แต่ละรีสอร์ทก็จะมีเกาะเล็ก ๆ ของตัวเองแล้วบางแห่งก็จะสร้างห้องพักออกมากลางน้ำบ้าง เป็น Over Water Villa ให้เราสัมผัสประสบการณ์นอนกลางน้ำ แค่ชะโงกหน้ามานอกห้องก็เห็นปลา เดี๋ยวจะพาไปดู

 

ตอนนี้ขอลงเครื่องก่อนนะ เครื่องกำลังลงจอดที่สนามบินแล้ว

 

เรามีวิดีโอมุมมองจากห้องนักบินมาให้ชมกันด้วยนะ ตามไปชมกันว่าการบินลงที่มาเล่ มัลดีฟส์ จากมุมมองในห้องนักบินจะเป็นอย่างไรบ้าง

 

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

สนามบินที่มาเล่นั้นก็สร้างขึ้นจากการถมทะเลให้มีความกว้างพอรองรับเครื่องบินพาณิชย์ สภาพก็เหมือนแพลอยอยู่ในทะเล เมื่อก่อนมีแต่เรือเชื่อมไปยังเมืองหลวงคือมาเล่ แต่ตอนนี้มีการสร้างสะพานเชื่อมแล้ว อยากชมให้เห็นภาพขึ้นก็ลองดูจากคลิปนี้ที่เราได้นำกล้องเข้าไปติดจากในห้องนักบินดูนะ

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ลงจากเครื่องไปผ่าน ตม. ซึ่งผู้ถือหนังสือเดินทางไทยก็สามารถเข้ามัลดีฟส์ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า เพื่อจุดประสงค์ด้านการท่องเที่ยว 

 

ผ่านตม. ก็มารับกระเป๋า ซึ่งด้วย Xpress Baggage จาก RedCarpet เราก็ได้กระเป๋ามาก่อนใคร สำหรับเรื่องศุลกากรและการกักกันนั้น ประเทศมัลดีฟส์เป็นประเทศมุสลิมจะห้ามนำเข้าหมูและส่วนประกอบของหมูและมีข้อจำกัดด้านการนำสุราเข้ามา (แต่ว่าไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีดื่มมีกิน เพราะว่าจะมีข้อยกเว้นให้บริการเนื้อหมูและสุราได้ตามเกาะรีสอร์ท)

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เดินออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้าก็จะเจอพนักงานโรงแรมต่าง ๆ ยืนถือป้ายรอรับ แต่ถ้าหาไม่เจอก็ไปติดต่อตามบูธของโรงแรมที่เรียงรายภายในโถงผู้โดยสารขาเข้าได้

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

สำหรับวันนี้เราเข้าพักที่ Centara Ras Fushi Resort & Spa เป็นโรงแรมรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา หนึ่งในสองแห่งที่มัลดีฟส์ ที่ Ras Fushi นั้นสามารถเดินทางไปได้โดยเรือสปีดโบ๊ทใช้เวลาเพียง 20 นาทีจากสนามบิน อันนี้ก็เป็นข้อดูอย่างหนึ่งสำหรับการเลือกรีสอร์ทที่ใกล้ ๆ สนามบิน เพราะอย่างแรกเลย ค่าบริการรับส่งไม่แพง(บางแพคเกจอาจรวมในค่าที่พักแล้ว) เมื่อเทียบกับที่ต้องนั่งเรือไกลๆ  หรือต่อเที่ยวบินในประเทศหรือนั่ง Seaplane อันนั้นก็จะแพงกว่ามาก อีกอย่างก็คือประหยัดเวลาเดินทาง อย่างที่เราไป Centara Ras Fushi นี่ก็ใช้เวลาแค่ 20 นาที ลงเครื่องเกือบ ๆ เที่ยง ประมาณบ่ายโมงก็ถึงรีสอร์ทได้เช็คอิน ได้ไปกินข้าว ได้ไปใช้บริการต่าง ๆ ของโรงแรมให้คุ้มค่า ขากลับก็ไม่ต้องรีบออกแต่เช้ามากเพื่อเผื่อเวลามาสนามบิน ก็ทำให้มีเวลาอยู่ที่รีสอร์ทนานขึ้น