สำหรับที่ Gate E นั้นก็จะมี Swiss Lounge ให้บริการสำหรับเที่ยวบินในกลุ่ม Star Alliance รวมถึงสายการบินคู่สัญญา อยู่ที่บริเวณชั้น 3 เหนือชั้นที่เป็นทางออกขึ้นเครื่องขึ้นไปชั้นหนึ่งเวลาจะมาที่เลาจน์ก็ต้องขึ้นลิฟต์มา โดยจะแบ่งเป็นสองส่วนคือ Swiss Senator Lounge สำหรับผู้โดยสารระดับ Senator ของรายการสะสม Miles & More ของกลุ่มลุฟท์ฮันซา(ซึ่งรวมสายการบินสวิสด้วย) และผู้โดยสารสถานะ Star Alliance Gold ของสายการบินอื่น ๆ ด้วย ส่วนอีกเลาจน์อีกส่วนจะเรียกว่า Swiss Business Lounge เป็นห้องรับรองสำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจทั้งของสวิส สายการบินในกลุ่มสตาร์อไลอันซ์ และสายการบินคู่สัญญา
และจะมีอีกเลาจน์แยกต่างหากที่ชื่อว่า Swiss First Class/ Hon Circle Lounge สำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่งและผู้ถือสถานะ Hon Circle ของรายการ Miles & More ซึ่งเป็นสถานะ Elite ที่สูงกว่า Senator หรือ Gold ทั่วไป
สำหรับวันนี้เราจะใช้บริการ Senator Lounge เพราะว่านอกจากจะบินชั้นธุรกิจแล้วยังถือสถานะ Star Alliance Gold ด้วย ซึ่งสายการบินในกลุ่มลุฟท์ฮันซ่านั้นจะให้สถานะผู้ถือ Gold Status มากกว่าผู้โดยสารชั้นธุรกิจทั่วไปเสียอีก จึงให้ระดับ Senator Lounge สูงกว่า Business Lounge (แต่จริง ๆ แล้วโดยทั่วไปเลาจน์ทั้งสองนี้ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันมาก ตัว Senator Lounge อาจจะมีรายละเอียดหรือรายการอาหารที่มากกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น) การเดินทางในครั้งนี้แม้เราจะบินชั้นธุรกิจแต่ถ้าถือสถานะ Star Alliance Gold พนักงานก็จะเชิญให้ใช้บริการฝั่ง Senator Lounge (แน่นอนว่าถ้าบินชั้นประหยัดแต่เป็น Star Alliance Gold ก็ใช้ Senator Lounge เช่นกัน) แต่ถ้าอยากจะลองเดินไปใช้ Business Lounge ก็ได้นะ เขาก็ไม่ห้ามเพราะตามสิทธิในบัตรที่นั่งเราก็เข้าได้
เลาจน์ที่ Gate E ของสวิสนั้นมีจุดเด่นคือ มี Live Cooking Station ขนาดใหญ่ที่จะคอยปรุงอาหารให้แก่ผู้โดยสาร แต่ว่าก็ไม่ใช่เป็นรายการอาหารตามสั่งตามใจอะไรก็ได้ คือในแต่ละวันเขาก็จะมีรายการอาหารไว้แล้วหละว่ามีซุปอะไร มีพาสต้าอะไรบ้าง เพียงแต่เขาจะปรุงกันตรงนั้นแล้วก็วางบริการให้แก่ผู้โดยสารมาหยุบจากไลน์อาหารที่อยู่หน้าครัวไปได้เลย ตัวอาหารก็จะดูมีเยอะคึกครื้นขึ้นหน่อย แต่ว่าอย่างไรแล้วก็สู้บรรดาเลาจน์ในฝั่งเอเชียไม่ได้อยู่ดีแหละ