28 replies to this topic

[ทีมข่าวHFLIGHT]

Advertisements

สวัสดีครับ หลังจากที่สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ ได้นำเครื่องบินแอร์บัส เอ330-300 เข้าประจำการโดยเป็นเครื่องบินลำตัวกว้าง มีพิสัยการบินในระยะกลางถึงไกล ซึ่่งมุ่งหมายจะนำมาใช้ขยายเส้นทางการบินในเส้นทางที่ไกลขึ้นหรือใช้ในเส้นทางการบินที่มีปริมาณผู้โดยสารมาก โดยได้นำเข้ามาประจำการถึง 3 ลำแล้วและเราได้นำเสนอรีวิวและข้อมูลไปแล้วก่อนหน้านีในกระทู้ ลองของใหม่!!! บิน เอ330-300 ลำใหม่ ของพี่สิงโต Thai Lion Air ที่ http://www.hflight.n.../topic/17696-sl

 

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของแอร์บัส เอ330-300 ของไทย ไลอ้อน แอร์ ที่แตกต่างจากฝูงบิน โบอิ้ง737 ที่สายการบินมีอยู่เดิมก็คือ บน เอ330 นั้นจะมีการจัดห้องโดยสารแบ่งเป็น 2 ชั้นโดยสารอย่างชัดเจน คือจะมีที่นั่ง Premium Economy Class จำนวน 18 ที่นั่งอยู่เป็นห้องโดยสารส่วนหน้าสุดของเครื่องบิน แล้วถัดมาจึงเป็นห้องโดยสารชั้นประหยัดทั่วไปอีก 374 ที่นั่ง ซึ่งที่นั่งส่วน Premium Economy ของไทย ไลอ้อน แอร์ นี้ไม่ใช่เพียงแค่เป็นที่นั่งที่คล้าย ๆ ชั้นประหยัดทั่วไปแบบที่หลายสายการบินทำ แต่ว่าตัวเก้าอี้ รวมถึงรายละเอียดในการบริการก็แตกต่างกันด้วย และเราก็ไปลองมาแล้ว จะเป็นอย่างไรตามไปชมบรรยากาศในวีดีโอนี้แล้วอ่านรายละเอียดในรีวิวกันต่อเลย

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

การเดินทางวันนี้เราเดินทางจากเชียงใหม่ สู่กรุงเทพฯ บนเที่ยวบิน SL513  ซึ่งเมื่อสายการบินได้รับเครื่องบิน เอ330 เข้ามาประจำการใหม่ ๆ นั้นสายการบินก็ได้นำมาให้บริการเส้นทางในประเทศคือ เส้นทางเชียงใหม่ และ ภูเก็ต ก่อน หลังจากนั้นถึงได้นำเอาเครื่องบิน เอ330 ไปให้บริการในเส้นทางระหว่างประเทศ หลัก ๆ ก็คือเส้นทางจากดอนเมือง ไปยังจุดหมายในประเทศจีน เช่น เทียนจิน เซี่ยงไฮ้  ส่วนเส้นทางในประเทศนั้นก็ยังมีให้บริการอยู่ในเส้นทางระหว่างดอนเมืองและภูเก็ต บางเที่ยวบินด้วย ส่วนในอนาคตเมื่อสายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ ได้ดำเนินการเรื่องการขอเปิดเส้นทางไปยังจุดหมายยอดนิยมของคนไทยในเกาหลี ญี่ปุ่น ก็เชื่อว่าจะนำ เอ330 ไปใช้ประจำการเป็นหลักในเส้นทางเหล่านี้

 

สำหรับผู้ที่เดินทางในชั้น Premium Economy ความพิเศษอย่างแรกก็คือการมีเคาเตอร์เช็คอินแยกต่างหากจากผู้โดยสารทั่วไป ทำให้เราไม่ต้องต่อคิวนาน เดินมาที่เคาเตอร์แล้วก็ตรงเข้าไปเช็คอินได้เลย

 

(ที่เคาเตอร์นั้นมีป้ายห้ามถ่ายรูป แต่ว่าการเดินทางครั้งนี้เราได้ประสานงานขออนุญาตกับสายการบินแล้วและสายการบินก็เป็นผู้สนับสนุนการเดินทางเพื่อให้เราทำรีวิวนะครับ)

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

สำหรับผู้โดยสารชั้น Premium Economy นั้นสามารถฝากโหลดกระเป๋าได้มากกว่าชั้นประหยัดทั่วไปได้อีก 10 กิโลกรัม คือได้สูงสุดถึง 20 กิโลกรัมสำหรับเส้นทางในประเทศและ 30 กิโลกรัมสำหรับเส้นทางระหว่างประเทศ

ทำการเช็คอินแล้วก็ได้บอร์ดดิงพาสมา หน้าตาก็เหมือนบอร์ดดิงพาสทั่วไปแต่ว่าจะมีการประทับตา Lion Fast ซึ่งจะได้สิทธิพิเศษในการขึ้นเครื่องก่อน อ้อกระเป๋าของเราที่เช็คอินไปก็จะได้รับก่อนด้วยที่สายพาน ในบอร์ดดิงพาสจะเขียนที่หัวว่าเป็น Business แต่จริง ๆ  แล้วชั้นโดยสารนี้ทางสายการบินทำการตลาดในชื่อ Premium Economy

 

เที่ยวบิน SL513 ที่เราจะเดินทางจากเชียงใหม่สู่กรุงเทพฯ ในวันนี้มีกำหนดการออกเดินทางในเวลา 15.45 น. และในบัตรโดยสารได้แจ้งเวลาประกาศเรียกขึ้นเครื่องในเวลา 15.15 น. 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ได้บอร์ดดิงพาสแล้วก็เข้าไปในเกทกันเลย สำหรับชั้นโดยสารนี้ก็ไม่ได้มีห้องรับรองให้เป็นพิเศษนะครับ ใช้พื้นที่นั่งรอร่วมกับผู้โดยสารทั่วไป

 

เข้ามาที่เกทก็ไปเจอเข้ากับ Airbus A330-300 ของไทย ไลอ้อน แอร์อีกลำ ที่ทำการบินมาไฟลท์ก่อนหน้าเรา เลยได้มีโอกาสถ่ายภาพมาให้ยลโฉมหน้าตาของเครื่องบินรุ่นนี้ในลวดลายของไทย ไลอ้อน แอร์ มีแพนหางลายผ้าบาติก

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

Airbus A330-300 นั้นเป็นเครื่องบินลำตัวกว้าง พิสัยกลางถึงไกล สามารถบินได้ไกลถึง 11,750 กิโลเมตร และสามารถจุผู้โดยสารที่ความจุหนาแน่นที่สุดได้ 440 ที่นั่ง

 

โดยสำหรับสายการบินไทย ไลอ้อน แอร์นั้นจัดห้องโดยสารให้มีความจุ 392 ที่นั่ง แบ่งเป็นชันประหยัด 374 ที่นั่งและชั้นพรีเมียม อีโคโนมี 18 ที่นั่ง

 

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

และแล้วก็ได้เวลาขึ้นเครื่องของเราแล้ว อย่างที่บอกว่าผู้โดยสาร Premium Economy นั้นจะได้ขึ้นเครื่องก่อนใคร ที่เคาเตอร์ก็จะเรียกเราก่อนเลย

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

และนี่ก็คือเครื่องบิน แอร์บัส เอ330-300 ทะเบียน HS-LAH ซึ่งเป็นลำแรกในกลุ่ม เอ330 ที่เข้ามาประจำการกับสายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ ในเดือนพฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ภายในโซนห้องโดยสาร Premium Economy 

 

ที่นั่งในโซนนี้จะมีจำนวน 18 ที่นั่ง จัดผังเก้าอี้แบบ 2-2-2 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

นอกจากเก้าอี้ของ Premium Economy จะกว้าง ปรับเอนได้มาก (เดี๋ยวจะกล่าวถึงต่อไป) แล้ว ในทุกที่นั่งยังได้ติดตั้งจอ Inflight Entertainment ส่วนตัวหน้าที่นั่งเพื่อให้ความบันเทิงแก่ผู้โดยสาร พร้อมทั้งมีอุปกรณ์มอบความสะดวก เพิ่มความสบายสำหรับชั้นโดยสารนี้ด้วย ได้แก่ ช่องเสียบสาย USB สำหรับการชาร์จโทรศัพท์มือถือ และไฟอ่านหนังสือ

 

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ถึงเวลาออกเดินทางแล้ว 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

จอหน้าที่นั่งแสดงข้อมูลการบินแก่ผู้โดยสาร ทั้งจุดหมายปลายทาง ข้อมูลเวลา และสถานะของเที่ยวบิน

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ทะยานขึ้นมาสู่ท้องฟ้า มุ่งหน้าจากเชียงใหม่สู่กรุงเทพฯ

 

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

สำหรับผู้โดยสาร Premium Economy ลูกเรือจะนำหูฟังหน้าตาแบบนี้มาแจกให้ตั้งแต่ขึ้นเครื่อง ให้เราสามารถใช้ฟังเสียงจากรายการความบันเทิงต่าง ๆ ได้

 

และที่นั่งชั้น Premium Economy นั้นที่ที่นั่งจะมีชุดรีโมทควบคุมแบบนี้มาให้ด้วย เราสามารถนั่งควบคุมการใช้งานต่าง ๆ ของจอหน้าที่นั่งรวมถึงระบบต่าง ๆ ของที่นั่งเราได้ด้วย เพราะว่าระยะห่างจากที่นั่งถึงจอมากพอสมควร ถ้าต้องเอื่อมไปกดปุ่มต่าง ๆ จะไม่ค่อยสะดวก

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

มาดูกันว่ารีโมทคอนโทรลนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง

 

ที่รีโมท ด้านหนึ่งจะเป็นจอยสติ๊ก สำหรับควบคุมเกมส์

 

 

ส่วนอีกด้านนั้นจะมี track pad คล้าย ๆ เป็นส่วนที่ให้เราใช้เลื่อนเมาส์ไปกดปุ่มต่าง ๆ บนจอ แล้วก็ยังมีปุ่ม เปิดปิดไฟ เรียกพนักงานต้อนรับและยกเลิก รวมไปถึงปรับเสียงด้วย

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ซึ่งเจ้ารีโมทนั้นจะติดตั้งอยู่ข้าง ๆ ที่นั่งแบบนี้เอง และก็ยังมีปลั๊กไฟ ช่องเสียบ USB ให้เราชาร์จมือถือหรืออ่านข้อมูลในโทรศัพท์บนจอได้

 

 

 

ส่วนบนที่วางแขนจะมีปุ่มปรับการเอนและการทำงานของที่นั่ง

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

จะมีช่องสำหรับวางของต่าง ๆ กระจายอยู่ทั้งตรงกลางใต้ที่วางแขนระหว่างที่นั่ง และตรงกลางด้านหน้าระหว่างจอภาพทั้งสอง

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

สำรวจไปสักพัก ลูกเรือก็เริ่มบริการอาหารว่างและเครื่องดื่มสำหรับผู้โดยสาร Premium Economy ซึ่งเส้นทางในประเทศก็จะได้เป็นของว่างกับน้ำแร่หนึ่งขวด แต่หากเป็นเส้นทางระหว่างประเทศรูปแบบการบริการก็อาจจะเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ความสะดวกสบายอีกขั้นที่ไทย ไลอ้อน แอร์ได้ติดตั้งเอาไว้สำหรับชั้นประหยัดแบบพรีเมี่ยมมบนเครื่องบินรุ่นใหม่นี้ก็คือเก้าอี้ที่ปรับเอนได้มาก มากขนาดไหน มาดูกัน

 

เก้าอี้ไม่ได้เอนได้จนถึงระดับราบ และตัวเบาะก็ไม่ได้ราบด้วย แต่ว่าก็พอสมควรสำหรับการเดินทางในเส้นทางที่ไม่ไกลมาก

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ระยะห่างระหว่างแถวอยู่ที่ 60 นิ้ว เมื่อเอนสุด ๆ แล้วก็จะพอดี หากใครขายาวมากก็อาจจะไปชนข้างหน้านิดหน่อยแต่ว่าถ้าในระดับมาตรฐานก็นอนได้สบาย ๆ ที่วางแขนด้านข้างยังสามารถปรับขึ้นมาเป็นฉากเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ด้วยนะ

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

โต๊ะทานอาหารจะดึงขึ้นมาจากบริเวณตรงกลางที่เป็นที่วางของวางแก้วระหว่างที่นั่งทั้งสองตัวแบบนี้