68 replies to this topic

[Tonberry]

Advertisements

สวัสดีชาว HFlight

วันนี้จะมานำเสนอรีวิวของการบินไทยในชั้นธุรกิจครับ 

 

 

 

 

 

สำหรับรีวิวนี้ จะเริ่มต้นทางจาก Kuala Lumpur บินมาแวะ transit ที่สุวรรณภูมิ 1.5 ชั่วโมง

จากนั้นค่อยบินต่อไปนาริตะครับ  ส่วนขากลับเป็นการบินตรงจากนาริตะมากรุงเทพฯเลย

ทั้งหมด 3 sector ทำการบินด้วยเครื่อง 2 รุ่น Boeing777-300ER และ Airbus A380-800

ซึ่งเป็น Business Class รูปแบบใหม่ของการบินไทย แบบ Full-Flat bed ทั้งคู่ครับ

 

TG418,TG640 KUL-BKK-NRT  (77W, A380)

TG641 NRT-BKK  (A380)

 

 

 

 

 

 

รูปมันก็ออกจะเยอะๆไปนิ๊ดนะครับ เพราะเพิ่งเคยบินชั้น Business Class ของการบินไทยเป็นครั้งแรก

เลยจัดรูปมาซะเต็มเหนี่ยวเลย นี่ถ่ายรูปบนเครื่องเยอะกว่ารูปไปเที่ยวอีก

ว่าแล้วไปรับชมรีวิวกันเลยครับ

 

 

 

 

 

 

 

==========================================================================================

 

 

ฝากผลงาน Review ที่ผ่านมาด้วยคร๊าบบบบ

 

[Tonberry]

เริ่มต้นที่สนามบิน Kuala Lumpur International Airport (KLIA)

การบินไทยเปิดให้เชคอินประมาณ 3 ชั่วโมงก่อนบินครับ

 

 

 

มีแถวแยกสำหรับ Business Class

 

 

 

เชคอินได้ 2 ช่อง F2 และ F3 ครับ

 

[Tonberry]

เชคอินเสร็จแล้วได้ boarding pass มา 2 ใบ เพราะผมบินไปนาริตะเลย

ไฟล์ทแรก TG418 KUL-BKK  บินไปแวะ transit ที่สุวรรณภูมิประมาณ 1.5 ชม

แล้วต่อไฟล์ทที่ 2 TG640 BKK-NRT

มี invitation เข้า lounge ได้ทั้ง 2 สนามบิน

ส่วนกระเป๋า check thru ทีเดียวถึงนาริตะเลยครับ

 

 

 

 

 

 

Flight Information

 

 

Airlines: THAI AIRWAYS INTERNATIONAL (TG, THA)
Flight: TG418
Origin: Kuala Lumpur International Airport, KLIA (KUL)
Dep. Date: 02nd June 2017
Dep. Time: 20:55 (actual 20.55)
Gate: C12
Destination: Suvarnabhumi International Airport (BKK)
Arr. Date: 02nd June 2017
Arr. Time: 22:05 (actual 22:00)
Aircraft: Boeing 777-300ER
Registration: HS-TKP
Seat: 21A
Class: Business

[Tonberry]

หลังผ่าน immigration ก็พุ่งตรงไปที่ lounge เลย
ของการบินไทยที่ KUL มี Royal Silk Lounge ครับ อยู่ที่ชั้น 2 ของอาคาร Satellite





Lounge ดีครับ อยู่ติดลานจอด
กระจกใสบานใหญ่ โปร่ง นั่งส่องเครื่องบินสนุกมาก

[Tonberry]

บรรยากาศใน Lounge ค่อนข้างเงียบ โซฟาที่นั่งมีทั้งแบบเดี่ยว, แบบคู่, แบบกลุ่ม 4 คน
ใน Lounge มีห้องน้ำแต่ปิดปรับปรุง จนท บอกว่าให้ไปเข้าด้านนอกแทน
ข้อเสียอย่างเดียวของที่นี่ที่นึกออกคือไม่มีปลั๊กไฟครับ เดินหาทุกมุมล๊ะ หาไม่เจอเลย

และทุกคนที่เข้ามาก็มองหาปลั๊กกันหมด แต่ไม่มี 555555
เลยนั่งชาร์จมือถือกับ power bank ตัวเองกันไปปปป





ช่วงที่มาถึงใน Lounge แทบไม่มีคนเลย อาจจะเป็นเพราะมาถึงเร็วไป อาหารยังไม่วาง
มีแค่เครื่องดื่มกับ snack เบาๆ จนท บอกว่าอาหารจะวางประมาณ 18:00
ระหว่างนี้เลยส่องเครื่องบินไปพลางๆ ที่นั่งมองไปเห็น gate C12 ที่เราต้อง Boarding พอดี
ซึ่งตอนนี้เครื่องเจ้าถิ่น Malaysia Airlines จอดรับผู้โดยสารอยู่

[Tonberry]

อาหารมาแล้ว มีประมาณ 2-3 อย่าง มีทั้งข้าว สปาเกตตี้และ noodle

 

 

 

 

ฝั่งนี้เป็น soup

 

 

 

 

และโซนขนม, เบเกอรี่

ปล Sesami Ball อร่อยมากกกก

 

 

[Tonberry]

ตู้เครื่องดื่ม Soft Drink, น้ำผลไม้ต่างๆ






อาหารอร่อยหมดเลยครับ ลองตักผัดบร็อคโคลี่ผัดกับน้ำมันหอยมา
กับ ไก่ผัดซอสดำๆ เห็นเขียนว่า Kung Pao Chicken โอ้โห อันนี้อร่อยมากๆ (หรือหิวมากก็ไม่รู้....)





Noodle ก็อร่อยนะ น้ำซุปเป็น Miso

[Tonberry]

นั่งอยู่ที่ Lounge ไปเรื่อยๆประมาณ 2 ทุ่มเครื่อง TG ก็ taxi มาจอดที่ gate C12

 

 

 

 

ลำนี้เป็น Boeing777-300ER ทะเบียน HS-TKP คุณศรีอัมพร

 

 

 

[Tonberry]

ที่นั่ง 21A ครับ สำหรับเครื่อง Beoing 777-300ER ที่นั่งชั้นธุรกิจของการบินไทยจะเป็นรุ่นใหม่สุด
แบบ Fully-flat bed สามารถปรับนอนราบได้ 180 องศาครับ






สำหรับการจัดที่นั่งบนรุ่น 777-300ER นี้จะเป็นแบบ 1-2-1 ครับ มีทางเข้าออกส่วนตัวทุกที่นั่ง
ซึ่งถ้าตอนจองตั๋วเลือกที่นั่งแล้วขึ้นผังที่นั่งสลับๆแบบนี้ใน 777-300 ก็คือที่นั่งแบบใหม่ครับ
แต่.......ลุ้นอีกทีหน้างานเพราะอาจมีเปลี่ยนรุ่นเครืองบินได้ครับ

[Tonberry]

welcome to Royal Silk

 

 

 

 

แจกผ้าร้อนและ welcome drink

 

 

 

 

 

 

[Tonberry]

แผงปรับเบาะ รีโมท อยู่ด้านข้าง

 

 

 

 

 

Magazine และ Duty Free

 

 

 

 

หูฟัง

 

[Tonberry]

Safety Instruction ของ Boeing 777-300ER

 

 

 

 

 

สักพักแอร์ก็เดินมาถามครับว่าจะรับอาหารเย็นเป็นอะไรดี มีให้เลือก 3 เมนู

อาหารไทย เป็นแกงเขียวหวาน

อาหารตะวันตก เป็น beef steak

อาหารท้องถิ่น กุ้งผัดซอสเต้าซี่

 

ผมเลือก beef steak ครับ เดี๋ยวมาดูกันว่าเป็นยังไงบ้าง

 

 

[Tonberry]

ระหว่างรอ dinner ก็ถั่วให้ทานเล่นก่อน

 

 

 

 

 

ลองสั่งเมนู Gin Martinis มา  โอ้โหววววววว แรงมากๆ

 

 

[Tonberry]

มาแล้วครับ Western Menu ของเรา

 

Beef medallion, Beletus and Champignon mushroom cream sauce

Patatoes gratin, buttered broccoli and carrot

 

 

 

 

สเต๊กเนื้อกับซอสครีมเห็ด อร่อยมากครับ

 

 

 

 

Smoked Salmon salad

 

[Tonberry]

ของหวาน คือ ขนมเทียนงา กับ New York cheese cake






Fruits




Butter

[Tonberry]

แป๊บเดียวก็ถึงกรุงเทพฯแล้วครับ

 

 

 

 

 

บินผ่านสุวรรณภูมิไปต่อคิว landing

 

 

 

 

 

[Tonberry]

ถึงสุวรรณภูมิก่อนเวลา 5 นาที แต่การเดินทางยังไม่จบแค่นี้

 

 

 

 

ไฟล์ทต่อไป TG640 BKK-NRT เราก็เดินต่อไป transit เลย

ไม่ต้องออกไป immigration

 

 

[Tonberry]

หลังจากผ่านการตรวจ scan ร่างกายอีกรอบ ก็เดินมาที่ Lounge ครับ

เลือก Royal Silk Lounge ที่อยู่ Concourse E เพราะว่าอยู่ใกล้ gate

ตอนเดินมาก็ลังเลอยู่ว่าจะเข้า Lounge นี้ดีมั๊ย เพราะเดาว่าคนน่าจะเยอะแน่ๆ

 

 

 

 

 

ตามคาดครับ คนเยอะมากกกกกกกกก ไม่มีอารมจะถ่ายรูป + ง่วงนอน

เลยไปกดน้ำมากิน 1 แก้ว แค่นี้พอล๊ะ เดี๋ยวถ้าขึ้นเครื่องได้ปุ๊บเราจะนอนยาว 5555

 

 

 

 

 

 

Flight Information

 

 

Airlines: THAI AIRWAYS INTERNATIONAL (TG, THA)
Flight: TG640
Origin: Suvarnabhumi International Airport (BKK)
Dep. Date: 02nd June 2017
Dep. Time: 23:50 (actual 24:00)
Gate: E8
Destination: Narita International Airport, Terminal 1 (NRT)
Arr. Date: 03rd June 2017
Arr. Time: 08:10 (actual 07:50)
Aircraft: Airbus 380-800
Registration: HS-TUD
Seat: 23A
Class: Business

[Tonberry]

TG640 วันนี้เป็น Aribus A380-800 HS-TUD คุณพยุหะคีรี

 

 

 

 

[Tonberry]

Business Class ของ A380 จะอยู่ชั้นบน (Upper Deck) ของเครื่องนะครับ

 

 

 

 

 

มุมบังคับ