73 replies to this topic

[spras77]

Advertisements

Shams-OL-Emareh (Gallery of Menuscript)

อาคารหลังนี้มีความโดดเด่นmujผสมผสานของสถาปัตยกรรมเปอร์เซียและยุโรป อาคารออกแบบสวยงามตั้งอยูาทางตะวันออกของพระราชวัง โดยอาคารหลังนี้เกิดจากความคิดของ NasserAl-Din Shah ก่อนเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรกและเกิดจากความชอบของอาคารยุโรป เพื่อต้องการสร้างอาคารที่สูงเพื่อสามารถชมทัศนียภาพอันงดงามของเมือง





ตัวอาคารมีเสาสูงมียอดแหลมเหนือหลังคาของอาคาร ถัดไปจากตำหนักในคือ หอดักลม หรือ Wind Tower  ซึ่งเป็นแอร์ธรรมชาติจากองค์ความรู้ของชาวเปอร์เซียโบราณที่คิดหาทางดักเอาลมที่พัดผ่านตามธรรมชาติ ให้หมุนเวียนเปลี่ยนวิถีลงสู่ห้องต่างๆในตัวพระราชวัง ทำให้เกิดความเย็นสบาย



 

[spras77]

ภายในตกแต่งด้วยกระจกอย่างสวยงามโดดเด่น





ถัดจากหอดักลมคือห้องโถงขนาดเล็ก 60 ตารางเมตรตกแต่งได้สวยงามด้วยไม้เฉพาะทั้งส่วนพื้นและผนัง มีโคมไฟแชนเดอร์เลียร์แขวนจากเพดานลงมาตรงกึ่งกลางห้อง




ช่วงที่มา อาคารพระราชวังส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการปรับปรุง หลายส่วนยังไม่สมบูรณ์ครับ

ว่ากันว่าห้องนี้คือห้องที่สวยที่สุดและมีสภาพดีที่สุดในพระราชวังแห่งนี้ และเป็นห้องรับรอง/ห้องเสวยส่วนพระองค์สำหรับแขกผู้ใกล้ชิดของพระมหากษัตริย์ ซึ่งสมัยนั้นเรียกว่าสุลต่าน

[spras77]

ความอลังการของห้องนี้เมื่อครั้งอดีต สังเกตได้จากการตกแต่งของผนังห้องด้วยไม้แกะลายฉลุอย่างประณีต และเพดานห้องที่ประดับด้วยกระจกเงาตัดเหลี่ยมอย่างเพชรก็พร่างพราวกับเพชรจริงด้วยฝีมือช่างชั้นยอด

ภายในพระราชวัง จะมีร้านอาหารทั้งในอาคาร(ใต้ดิน) และแบบ outdoor ตอนนี้เวลาราว 14.00 น.แล้วครับ เราใช้เวลาที่นี่อย่างเนิบช้า ไม่เร่งรีบก็ได้เวลามื้อเที่ยงพอดีครับ คนที่นี่เค้าทานมื้อเที่ยงกกันราวบ่าย 2 ด้วยเช่นกัน

สาวน้อยอารมณ์ดี ยืนร้องเพลงเจื้อยแจ้วอยู่กับครอบครัวและคุณพ่อ ครับ


บรรยากาศภายในร้านครับ  เย็นและสงบ

[spras77]

ภาพวาดบนกระเบื้องและผนังในพระราชวังแห่งนี้สะดุดตาเรามาก ทั้งในเรื่องสีสันและการสะท้อนให้เห็นอิทธิพลของชาติยุโรปที่รุ่งเรืองในช่วงสมัยหนึ่งในอิหร่าน



เราใช้เวลาที่นี่ถึงราวๆเกือบห้าโมงเย็น ก็จากลามาด้วยความประทับและตื่นใจ


เราไปต่อที่ Grand Bazaar ซึ่งอยู๋ไม่ไกลจากพระราชวังกุหลาบครับ

Tehran Grand Bazaar


 

[spras77]

ตลาดกลางเมืองที่เรียกว่า Reza Great Bazaar ที่ถนน Khordad มีสินค้าที่หลากหลายให้นักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นได้มาซื้อหาโดยสินค้ายอดนิยมซื้อเป็นของฝากได้แก่ ถั่วและผลไม้แห้ง รวมถึงชากุหลาบที่มีชื่อเสียง โดยเปิดให้บริการเวลา  09.00-21.00 น. และปิดในวันศุกร์เพราะถือเป็นวันสวดของศาสนาอิสลาม





ภายในตัวอาคารจะคล้ายห้างสรรพสินค้า มีอาหาร เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ พรม ขนมของฝาก กินพื้นที่กว้างขวางใช้เวลาเดินกันเป็นวันๆถึงจะทั่วถึง





 

[spras77]

อยู่กันพลบค่ำ แสงแดดหมดไปจากท้องฟ้าพักใหญ่แล้ว เราก็ได้เวลากลับโรงแรมที่พักโดยใช้บริการ Metro เช่นเดิมครับ

[spras77]

มื้อเช้าในเตหะราน

เราทำความคุ้นเคยกับมื้อหลักในอิหร่านมาได้ 3 มื้อแล้วครับ แต่ก็ยังไม่รู้จักดีพอ จนขนาดที่จะเรียกว่าทานเองได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นทุกมื้อเช้าเราจะทดลองทานแบบคนที่นี่กัน ทานทุกเมนู จนวันหลังๆเริ่มทานเป็นและเริ่มติดใจครับ อาหารยอดนิยมที่เดินไปไหนก็จะต้องพบเห็นเสมอในอิหร่าน คือแผ่นแป้ง และขนมปัง โดยชาวอิหร่านเรียกแผ่นแป้งและขนมปังรวมๆกันว่า "นาน - Naan Bread  " อาหารหลักของอิหร่านที่พบเจอเสมอคือ คาบับ(Khabab) ทั้งเนื้อวัว เนื้อแกะและเนื้อไก่ ที่ต้องนำมาปิ้งย่างเป็นอาหารรับประทานคู่กับข้าวหรือแผ่นแป้งเสมอ


ทานคู่กับแกงถั่วอิหร่าน ที่หอมกลิ่นเครื่องเทศครับ


หรือจะทานคู่กับแกงอื่นๆครับ ส่วนมากจะมีผักชนิดต่างๆร่วมด้วยเสมอ



pickle รสชาดถูกปากครับ


และ ชีส มินท์ หอมๆเข้มในปากตัดรสกับแกงที่นี่

[spras77]

บางวันก็เจอแบบมี งาโรยหน้าด้วยครับ กลิ่นหอมทีเดียว

เบื้องหลังแป้งนาน คือ บุรุษหน้าเตาย่างคนนี้ครับ

เค้าพยายามทำให้เราทานด้วยความตั้งใจ แบบต่างๆในแต่ละวัน


และมื้อสุดท้ายก็มีโอกาสลองทานแป้งนาน กับ รังผึ้งครับ ประทับใจครับเนื่องจากวันที่ไปเดินที่ Barzaar จะเห็นคนเดินขายรังผึ้งขนาดใหญ่มากๆ ถ้าเป็นบ้านเราอาจจะสงสัยว่าเป็นน้ำผึ้งจริงไหม แต่ที่นี่ตัดและเอามาทานสดๆในมื้อเช้าเลยครับ

อาหารที่นี่จะเน้นรสชาดหวานเกือบทุกอย่าง จนเราไปวันแรกๆเห้นความแตกต่างชัดเจน

นอกจากอาหารอิหร่านแล้ว ก็ยังพอมีมื้อเช้าแบบอื่นๆให้เลือกครับ มาถึงที่นี่แล้วต้องลองครับ ลองให้ครบทุกเมนทุกแบบ นั่งดูคนอิหร่านแท้ๆนั่งทานแล้วก็เลียนแบบหรือถามบริกรดูได้เลยครับ ที่นี่เค้ายินดีแนะนำครับ

[spras77]

กลุ่มพระราชวัง Sa’ad abad

การเดินทาง : ลงสถานี Tajrish สายสีแดงออกสถานีแล้วไปทางด้านซ้าย
กรณีที่ 1 สามารถเรียก Taxi ไปส่งได้ครับไม่ไกลมาก ( ทริปนี้ Taxi พาหลงไปนอกเมืองเลยครับ เค้าเข้าใจว่าให้พาไปโรงแรมแถวๆ  Sa’ad abad เพราะคนแถบนี้เค้าไม่ได้เรียกกลุ่มพระราชวังนี้ว่า Palace ต้องสื่อสารเค้าว่า Museum ครับ )
กรณีที่ 2 เดิน แต่จะเดินขึ้นเนินชันสักเล็กน้อยราวๆ 2-3 กิโลเมตร เมื่อจากสถานีTajrishแล้ว เดินตรงมาและเดินผ่านวงเวียน เดินข้ามตรงเมื่อเรื่อยๆจนผ่านห้างสรรพสินค้า Arg  กลุ่มพระราชวังจะอยู่ทางขวามือครับ ใช้เวลาเดินราวๆ 30 นาที แต่ทางร่มรื่น ผ็คนเดินขวักไขว่ครับ

คำแนะนำ : ที่นี่จะคล้ายกับที่พระราชวังกุหลาบ ที่ต้องซื้อบัตรผ่านประตูแรกเข้า และจึงเสียค่าสถานที่ชมแต่ละแห่งอีกต่างหากครับ  โดยค่าผ่านประตู 150,000 เรียล , Mellat Palace Museum หรือ White Palace  150,000 เรียล – ที่นี่จะสามารถถ่ายภาพได้ ,   Green Palace Museum 150,000 เรียล – จะไม่สามารถถ่ายรูปครับ

เมื่อซื้อบัตรแล้วจะได้แผนผังจากห้องขายบัตร  ทางเดินข้างในค่อนข้างลาดชันโดยเฉพาะในช่วงเดินขึ้นไปยัง Green Palace ซึ่งมีรถตู้ฟรีบริการภายใน กรณีที่ไม่ต้องการเดินครับ

หลังจากเราหลง เพราะ Taxi แบบ shared taxi พาเราออกไปนอกเมืองและวนหาอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงก็ไม่เจอ  ใช่ครับเราหลงทาง Taxi พาหลงทั้งที่ข้อเท็จจริงเรามารู้ภายหลังว่า ไม่ไกลจากสถานี metro เลย

เราเลยตัดสินให้เค้ากลับมาส่งที่ สถานี Tajrish ใหม่อีกครั้งแต่ระหว่างที่กลับก็ผ่านพระราชวังพอดีครับ เบ็ดเสร็จจ่ายค่า Taxi ไป 300 บาท( แพงมากสำหรับในเตหะราน ) ถือว่าซื้อบทเรียนครับ ทำให้รู้ว่าคนที่นี่รวมถึง Taxi เรียกพระราชวังนี้ว่า Museum



เราเลือกเข้า ทาง Zaferanie gate หรือประตูทางเข้าทางทิศใต้ของ Sa'ad abad Palace ครับ ที่นี่ร่มรื่นน่าเดินและใช้เวลาเดินได้เกือบทั้งวันเพราะมีทั้งร้านอาหารและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจตลอดเส้นทางเดิน ( ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เตหะรานมีอะไร อยู่เที่ยวได้ตั้งหลายวัน )

[spras77]

ที่นี่เป็นวังฤดูร้อนของราชวงค์ Pahlavi ที่ชาห์คนสุดท้ายเคยอาศัยอยู่  ภายในของกลุ่มพระราชวังนี้ประกอบไปด้วย 7 ตำหนัก กินพื้นที่กว้างขวางขนาด  650 ไร่ทางขึ้นยอดเขาดาร์บัน  หลังจากที่มีการปฏิวัติอิสลามในปี 1979 ก็จะมีพิพิธภัณฑ์ต่างๆที่อยู๋ในพระราชวังแห่งนี้เปิดให้เข้าชมเช่น ส่วนที่จัดแสดงเกี่ยวกับรถยนต์หลวง อาวุธ กองทัพ ภาพเขียน




จุดน่าสนใจที่สุดคือ พระราชวังหรือตำหนักเขียวและตำหนักขาวครับ


ทางเดินเข้าสู่พระราชสฃวังร่มรื่น


ลำน้ำเล็กๆไหลผ่านทั่วบริเวณ ที่นี่จึงมักจะมีเสียงน้ำไหลตามลำธารเล็กๆใสและเย็นดังทั่วบริเวณ ตลอดเวลา

ในอดีตนั้น ตำหนักขาว(Mellat Palace - White Palace ) ที่ประทับของกษัตริย์ชาร์ ปาห์ลาวี กษัตริย์องค์สุดท้ายก่อนถูกโคไมนีปฏิวัติและเป็นที่เก็บสะสมของมีค่าเช่น พรมเปอร์เซีย  เครื่องประดับต่างๆ เครื่องปั้นดินเผา เป็นตึกทรงยุโรปสูง 2 ชั้น ทาสีขาว  เพื่อใช้เป็นที่ประทับในฤดูร้อนของ Mohammadrezā Pahlavi กษัตริย์พระองค์สุดท้ายของอิหร่านและพระมเหสี



จุดเด่นของวังแห่งนี้คือ บริเวณด้านหน้าตึกสีขาว 2 ชั้นมีรูปหล่อสำริดของพระเข้าเรซาซาห์ ที่ถูกฟันทิ้งไว้เหลือแต่ขา

[spras77]

พระราชวังสีขาวเป็นวังที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มพระราชวังทั้งหมดใน Sa'ad abad complex  สถานที่แห่งนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เรื่องกลยุทธ์การทำสงครามขั้นสุดท้ายกับนาซีเยอรมัน โดยห้องประชุมด้านบนของพระราชวังเคยเป็นที่จัดประชุม The Tehran Conference  ของ 3 มหาอำนาจสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้แก่ สหรัฐฯ อังกฤษ  รัสเซีย

ห้องเสวยภายในพระราชวังสีขาว สังเกตด้านหลังสุดจะเห็นงาช้างคู่ มีข้อมูลว่าเป็นงาช้างจากไทยที่จอมพลถนอม กิตติขจร มอบให้รัฐบาลอิหร่าน




บริเวณโถงกลางชั้นล่างมีสิ่งที่สะดุดตาชิ้นหนึ่งตั้งอยู่ตรงกลางห้อง


ช้างเชือกหนึ่งด้านหลังติดผนังลวดลายคุ้นตา



ถึงตรงนี้ก็ยังหาข้อมูลไม่ได้ครับว่าพร้อมกันกับที่รัฐบาลไทยมอบให้พร้อมงาช้างคู่หนึ่งที่ตั้งในห้องเสวยหรือไม่

ที่ชัดเจนคือ สิ่งที่ช่วยยืนยันความสัมพันธ์อันแนบแน่นของไทย - อิหร่านมาโดยตลอดนั่นเองครับ

[spras77]

ช่วงกรกฎาคม ที่เรามาเยือนอิหร่านถือว่าเป็นช่วงเวลาที่อากาศร้อนจัดมากๆครับ แต่อากาสร้อนที่นี่ไม่ได้ร้อนแบบอบอ้าวเหมือนบ้านเรา เป้นร้อนแบแห้ง ไม่เหนียวตัวและแสบผิว ที่นี่อากาศน่าสนใจเลยทีเดียวครับ


พอเราออกมาจากพระราชวังสีขาว ก็มานั่งพักกัน ที่นี่มีบริการให้เติมน้ำดื่มเย็นๆได้ฟรี ( เราติดขวดนำดื่มเปล่ามาจากโรงแรมด้วย ) ซึ่งสามารถจิบได้ตลอดทางและหากหมด ก็สามารถเติมจากในสถานี Metro ทุกแห่งได้ครับ คนอิหร่านนิยมนำขวดน้ำมาเติมเสมอ ( ที่นี่น้ำหาดื่มไม่ยากเลย อีกทั้งเป็นน้ำสะอาด เย็นอีกดวย )


เรากะจะรอรถตู้เพื่อขึ้นไปพระราชวังสีเขียว แต่ด้วยความร่มรื่นของที่นี่เลยเลือกที่จะเดินไปพร้อมๆกับครอบครัวชาวอิหร่านกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งครับ



เราเดินลัดเลาะขึ้นเนินมาเรื่อยๆ เหนื่อยก็แวะพัก ถึงจุดที่น่าสนใจก็เข้าไปชมครับ เช่น

พิพิธภัณฑ์ระบบชลประทาน



อิหร่านมีองค์ความรู้ทางด้านระบบชลประทาน ที่เชี่ยวชาญมาตั้งแต่ในอดีตเช่น ที่เมือง ซูร์ตาร์ Khuzestan ที่มีการรู้จักผันน้ำมาใช้ประโยชน์ทางด้านการเกษตรกรรม หรือการวางท่อส่งน้ำใต้ดินที่เรียก “คานัต” (Qanats) มีลักษณะเป็นอุโมงค์น้ำยาวจากแหล่งต้นน้ำในหุบเขา ทะเลสาบในถ้ำลึก บนพื้นผิวที่ลาดเอียงในองศาที่พอเหมาะ เพื่อให้น้ำสามารถไหลลงไปยังสถานที่ที่ต้องการในปลายอุโมงค์ได้

[spras77]

นิทรรศการการเดินทางรอบโลกของพี่น้อง Omid Var


พี่น้องคู่นี้เป็นชาวอิหร่านั้เดินทางรอบโลกถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ในปี 1954 และครั้ง 10 ปีต่อมาก็เดินทางอีกครั้งด้วยรถยนต์


เรามักจะพบอยู่เสมอว่า ชนชาติที่ยิ่งใหญ่มักจะสร้างสรรค์หนรือทำสิ่งใดที่ยิ่งใหญ่อยุ่เสมอมา ชาวอิหร่านคู่นี้กับสิ่งที่ทำในอดีตก็เช่นกัน

เห็นประตูนี้ก้ร็ได้ทันทีว่าเราใกล้ถึง พระราชวังสีเขียวกันแล้วครับ

[spras77]

พระราชวังสีเขียว (Green Palace)

ทางเดินมายังตัวพระราชวังร่มรื่นและมีทหารคอยดูแลตลอดทาง


ตำหนักเขียว ( Sabz Palace - Green Palace) ถูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรปโดยใช้หินอ่อนสีเขียว ภายในประดับด้วยกระจก


เดิมที่นี่มีเจ้าของคือ Alikhān ต่อมากษัตริย์พระองค์แรกของราชวงศ์ปาห์ลาวีได้ซื้ออาคารหลังนี้มาปรับปรุงตกแต่งในสถาปัตยกรรมแบบยุโรปโดยใช้หินอ่อนสีเขียวเพื่อสร้างเป็นที่ประทับโดยชื่อของพระราชวังนั้นเรียกตามสีเขียวของหินอ่อนที่ใช้ในการก่อสร้าง

[spras77]

เราออกจากพระราชวังเพื่อกลับมาขึ้น Metro ครับ ที่สถานี Tajrish สายสีแดง  




สถานีนี้เป็นสถานีปลายทางที่ต่อไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้หลายแห่ง จึงเป็นเมืองขนาดใหญ่และคึกคักมากครับ




ที่นี่ในช่วงฤดูหนาว ยังเป็นจุดเริ่มต้นในการขึ้นสู่ สกีรีสอร์ทอีกด้วย จึงคึกคักด้วยผู้คนและการค้าขาย

[spras77]

หมู่บ้านดาร์บาน (Darband Village)


การเดินทาง : ลงสถานี Tajrish  แล้วต่อรถตู้สีเขียวที่หน้าสถานีไปยังหมู่บ้านค่ารถ 15,000 เรียลครับ




เราย้อนกลับมาตั้งต้นที่สถานี Metro อีกครั้ง แถวนี้มีผลไม้ เครื่องดื่มคลายร้อนจากผลไม้สดๆเยอะเลยครับ



แวะรองท้อง เติมคาเฟอีนจากาแฟสด ( คนที่นี่นิยมดื่มชามากกว่า แต่ก้ดื่มกาแฟเช่นกันครับ )และซื้อเชอรี่ติดมือขึ้นไปบนภูเขากันด้วย ช่วยคลายร้อนและชุ่มคอช่วงบ่ายๆแบบนี้ได้ดีมากๆครับ



 

[spras77]

ที่นี่เป็นหมุดหมายหนึ่งของทริปนี้ ที่เราประทับใจมากครับ หมู่บ้านตั้งอยู่เชิงเขาอัลบอร์ซ(Alborz) เป็นที่ตั้งของที่พักและร้านอาหาร สำหรับจุดเริ่มต้นที่จะขึ้นไปเล่นสกีที่ยอดเขาขึ้นสู่ยอดเขาตอชาล (Tochal) บนเทือกเขาอัลบอร์ซ ที่นี่ตามเนินถนน ไหล่ทางที่เดินขึ้นเต็มไปด้วยสีสัน รอยยิ้มและมิตรภาพและที่นี่เต็มไปด้วยร้านอาหารหลากหลายรูปแบบ และอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี

The mountaineer statue of Darband รูปปั้นที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพด้วยจำนวนมาก ตั้งอยู่ปากทางขึ้นเขาและหมู่บ้าน



ที่นี่เต็มไปด้วยสีสันและรอยยิ้ม มากมายของผู้มาเยือนทั้งเพื่อพักผ่อน กินดื่มในร้านอาหาร รวมถึงการมาเล่นสกีในช่วงหิมะ

[spras77]

ที่หมู่บ้าน Darband ตลอดเส้นทางเดินจะมีผู้คนจำนวนมากเดินสวนทางลงมา และคนที่ขึ้นไปพร้อมๆกับเราก็มีตลอดเวลา





ยิ่งเข้าไปลึกยิ่งพบว่าที่นี่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารไว้สำหรับพักผ่อนใต้ร่มเงาไม้และท่ามกลางลำธารที่ไหลเย็นตลอดวัน

[spras77]

ที่นี่มีร้านอาหารจำนวนมากและผู้คนมักปลีกตัวมาพักผ่อน รับอากาศเย็นช่วงเวลาที่ร้อนอบอ้าวในตอนกลางวัน ยิ่งวันหยุดสุดสัปดาห์ที่นี่จะยิ่งคึกคัก โดยเฉพาะคนท้องถิ่นชาวอิหร่านซึ่งชื่นชอบการพักผ่อนปิคนิคใต้ต้นไม้และริมธารกันเป็นอย่างมาก


ร้านนี้ได้รับความนิยม มีคนมาเข้ามาใช้บริการกันเป็นจำนวนมาก

น้ำที่ไหลลงมาตลอดทาง เป็นน้ำจากยอดเขาที่ไหลลงมาตลอดเกือบทั้งปี

สะอาดและไม่มีกลิ่น ส่วนหนึ่งคือผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยวช่วยกันดูแล นอกเหนือจากมาตรการของหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบแล้ว

เราแวะร้านนี้เช่นกันครับ เจ้าของร้านมาต้อนรับและพาไปนั่งตามอัธยาศัย



ที่นี่พอเข้ามาข้างในแล้วยิ่งร่มรื่นและอากาศเย็นกว่าข้างนอก โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศเลยครับ


ใต้ต้นเมเปิ้ล ที่ใบยังเขียวสดให้ร่มเงาทั้งวัน




 

[spras77]

อาหารหลักของอิหร่านคือคาบับที่มีทั้งเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อไก่ แรวมไปถึงเนื้อปลาและกุ้ง ที่นิยมนำไปย่างกัน และทานคู่กันกับผักชนิดต่างๆจำนวนมาก ปรุงรสด้วยชีส เนย ครีม ผสมไปแผ่นแป้งนาน - Naan รสชาติกลมกล่อมครับ


บางคนเลือกที่จะมานั่งจิบชา ชาในแบบอิหร่าน มาคู่กับ Rock Candy หรือจะอมน้ำตาลก้อนแล้วดื่มชาตามลงไป ( คนที่นี่กินรสหวานกันในปริมาณสูงกว่าที่เราคุ้นลิ้นกันครับ  ส่วนหนึ่งคือในช่วงที่ต้องถือศีลอด น้ำตาลเหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นพลังงานให้ได้ ขนม อาหารหลายอย่างส่วนใหญ่จึงเน้นไปทางรสหวานเป็นหลัก)


ด้านหลังคือเทือกเขาที่ใหญ่โต ในช่วงฤดูหนาวจะถูกปกคลุมด้วยหิมะทั้งภูเขา และข้างบนจึงเป็นสกีรีสอร์ทยอดนิยมของที่นี่  โอกาสหน้าต้องแวะมาในช่วงฤดูหนาวและเป็นอีกหมุดหมายของการเดินทางที่ใช้เวลาไม่นาน ช่วง 5-7 ชั่วโมงจากเมืองไทย ( นอกเหนือจะมาจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฯลฯ) ที่สำคัญค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายที่นี่ถูกกว่าเยอะมากๆครับ


เพื่อนร่วมทางเดินขนของขึ้นลง สวนกันมาเป็นระยะ ที่นี่ใช้ลาปล่อยให้เดินขนสินค้าขึ้นมาตามทางไปเรื่อยๆครับ