16 replies to this topic

[เที่ยวสุดขอบโลก]

Advertisements

สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ สายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน กรุงเทพ - ดานัง เปิดมาขนาดนี้ คงไม่ต้องบอกว่าใครเป็นสปอนเซอร์ในครั้งนี้ แท่แด๊ !! แอร์เอเชีย นั่นเองนะค้า กราบขอบพระคุณสำหรับโอกาสดีๆ ครั้งนี้ด้วยค่า เผื่อใครยังไม่รู้ ตอนนี้แอร์เอเชียมีรูทบินตรง กรุงเทพ-ดานัง ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ถึงตอนนี้จะยังมีแค่วันละไฟลท์ แต่เวลาบินก็กำลังน่ารัก บิน 10 โมง ถึงเที่ยง มีเวลาเที่ยวชิลๆ ขากลับอาจจะกลับเร็วหน่อย ถือว่ากลับมานอนพักเอาแรงไว้ทำงานวันต่อไปเนอะ  

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

ออกเดินทาง

 

8 โมงเช้า พร้อมเพรียงกันที่หน้าเคาน์เตอร์แอร์เอเชีย สนามบินดอนเมือง ทำการเช็คอินเรียบร้อยก็เข้าไปช้อปปิ้งดิวตี้ฟรีรอได้เลย สำหรับใครที่มีบัตรสมาชิกคิงพาวเวอร์ ที่สนามบินดอนเมืองมีเลาจ์หรูๆ ให้นั่งรอก่อนขึ้นเครื่องแล้วนะ เดินเลยจุดรับของดิวตี้ฟรีมาหน่อย มองทางซ้ายมือเข้าไว้ก็จะเจอ (ปล. สมาชิกเข้าใช้บริการเลาจ์ของคิงพาวเวอร์ได้พร้อมผู้ติดตาม 1 คนนะจ๊ะ) ด้านในจะมีบุฟเฟต์ขนมเค้กชิ้นเล็กๆและน้ำให้บริการฟรี ถ้าใครไม่ใช่สายเค้กเช่นเราก็เน้นดื่มน้ำดับกระหายค่อยไปลุยบนเครื่องต่อละกันเนาะ

 

:: อยากเล่า ::
ปกติพอเครื่อง take off เรียบร้อย กัปตันจะประกาศให้ปลดเข็มขัดได้ ตรงนี้ขอบอกว่าแบบ ถ้าไม่อึดอัดเกินไป ก็รัดไว้เถอะ เมื่อไม่นานมานี้เพื่อนที่เป็นแอร์เครื่องบินตกหลุมอากาศ รัดเข็มขัดไม่ทัน ทำให้ตัวลอยและตกลงมากระแทกกับพื้น ปรากฎว่าหลังเดาะต้องกายภาพไปอีกหลายเดือน คิดเเล้วก็กลัว~  ฉะนั้น รัดได้ก็รัดไว้เถอะเนาะ เหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ป้องกันไว้ดีกว่า เชื่อเราเถอะ เราหวังดี~
           

ถ้านั่งเครื่องบินว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไร ไอ้จะนอนก็นอนไม่หลับ เราขอแนะนำอ่านนิตยสาร travel 3 sixty ของ แอร์เอเชีย

 

 

ในเล่มจะมีคอลัมน์น่าสนใจเยอะมาก เช่น แนะนำที่กินที่เที่ยวที่น่าสนใจ แต่ที่เราชอบสุดๆก็คือคอลัมน์ความรู้ ในเล่มที่เราเจอจะเป็นสิทธิของผู้โดยสารที่ควรรู้ แต่เราไม่ค่อยจะรู้กัน เช่น ถ้าสายการบินยกเลิกเที่ยวบินผู้โดยสารอย่างเราๆ ทำไรได้บ้างงี้ อ่านเพลินๆ เวลาเสิร์ฟอาหารก็มาถึง วันนี้เราได้กินเเกงเขียวหวานไก่ แต่ว่าแต่ นี่ไม่ได้อวยนะ คิดว่าคุ้มกว่ากินที่ชั้นสี่สนามบินดอนเมืองอะ คหสต. คิดว่าเดี่ยวนี้อาหารบนเครื่องบินอร่อยนะ แบบเขาพัฒนากันเเล้วววจ้า ฮัลโหลวววว ครั้งก่อนไปอินโด นั่งมาลินโด หน้าตาอาหารมันจะเละๆหน่อย แต่กัดไปคำนึง อื้อหืออออออออ หยุดไม่ได้หรอก 5555555 เกลี้ยงงงงงภายในพริบตา!!  หลังจากอิ่มท้องเป็นที่เรียบร้อย ได้งีบแปปๆ เราก็ได้เดินทางถึงสนามบินดานังโดยสวัสดิภาพ 

 

แพลนทริปของเราจะเป็น ดานัง-ฮอยอัน-ดานัง เพราะฉะนั้นเราจะมาเล่าถึงฮอยอันกันก่อน 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

Hoian ฮอยอัน   

 

Hoian หรือที่เราเรียกกันว่า “ฮอยอัน” หรือที่ชาวเวียดนามเรียกว่า “โห่ยอาน” มาที่นี่แล้วที่ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ เมืองโบราณฮอยอัน (Hoi An Ancient Town) 

 

 

เมืองฮอยอันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2542 ด้วยเหตุผลว่าเป็นตัวอย่างของเมืองท่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15-19 ที่มีการผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมทั้งของท้องถิ่นและของต่างชาติไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ และอาคารต่างๆภายในเมืองได้รับการอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี ลักษณะสถาปัตยกรรมของเมืองฮอยอันเป็นการผสมผสานระหว่างจีน ญี่ปุ่น และ เวียดนาม มีถนนแคบ มีบ้านไม้ทรงเตี้ยเรียงเป็นแถวสองฝั่งทาง ด้านในบ้านมักประดับคำสั่งสอนและบทกลอนจีน เนื่องจากสมัยก่อน มีพ่อค้าชาวจีนจากมณฑลกวางตุ้งและฟู๋เจี้ยนอพยพมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

 

นักท่องเที่ยวสามารถมาเดินเล่นชมเมืองเก่าได้ทั้งเวลากลางวันและกลางคืน (ขอแนะนำแรงๆว่าให้ลองมาทั้งสองเวลา จะได้บรรยากาศที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เหมือนเที่ยวสองที่ในที่เดียว คุ้ม!

 

มาแล้วก็ต้องลองให้ครบทุกรสชาติ  

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

ตอนกลางคืน ที่นี่จะมีบรรยากาศคล้ายๆ ถนนคนเดินบ้านเรา จะมีของกินเล่น ร้านอาหาร ร้านรวงขายของ เครื่องประดับ เสื้อผ้า และที่เด่นสุดๆก็คือ โคมไฟ ไม่ว่าจะเดินไปตรอกซอกซอยไหนก็จะเจอโคมไฟมีทั้งขาย ทั้งประดับอยู่ทุกที่ ทุกร้านจริงๆ และด้วยตัวโคมไฟนี่แหละ ทำให้วิวของเมืองเก่าตอนกลางคืนสวยมากกกกกกกกกกกกกก (ก ล้านตัว) 

 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

นอกจาก บรรดาโคมไฟแล้ว จุดเด่นอีกอย่างของที่นี่ก็คือ สะพานญี่ปุ่น สะพานนี้สมัยก่อนเป็นสะพานที่เชื่อมเขคชุมชนระหว่างชาวจีนและชาวญี่ปุ่นเพื่อไปมาหาสู่และทำการค้าขาย ที่เชิงสะพานทั้งสองฝั่งจะมีรูปปั้นลิงและสุนัขอยู่ บ้างก็ว่า เป็นระยะเวลาในการสร้างสะพานแห่งนี้ซึ่งก็คือสร้างตั้งแต่ปีวอกแล้วเสร็จในปีจอ บ้างก็เชื่อกันว่าสุนัขและลิงเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเรื่องจริงเป็นอย่างไรนั้นนน…มิอาจทราบได้จีจี 

 

 

การมาตอนกลางคืนนอกจากจะมีของกินเล่นพื้นเมืองให้เลือกกินไม่หวาดไม่ไหว อากาศไม่ร้อน และถ้าคุณโชคดีก็อาจจะได้เจอกิจกรรมพิเศษของชาวพื้นเมืองที่นี่ เช่น การแข่งขังร้องเพลงประสานเสียง ซึ่งน้องๆ ร้องเพลงเพราะมาก และมีทุกเพศทุกวัยจริงๆ ยืนดูอยู่นานมาก

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

ที่นี้มาดูบรรยากาศตอนกลางวันกันบ้าง บรรยากาศตอนกลางวันของที่นี่จะมีความชิคๆ สูง ให้อารมณ์เหมือนเป็นถนนงานอาร์ต คือจะมีพิพิธภัณฑ์ ร้านขายรูป เรียงรายตลอดทางเดิน แต่ที่น่าสังเกตคือเราจะไม่เจอคนพื้นเมืองในเวลากลางวันเลย ซึ่งต่างจากตอนกลางคืนมาก เหตุผลก็คือ กลางวันอากาศร้อน เพราะฉะนั้นชาวพื้นเมืองจึงนิยมมาช่วงกลางคืนมากกว่า ดังนั้นตอนกลางวันเราก็จะเจอแค่นักท่องเที่ยว ข้อดีก็คือ คุณจะสามารถถ่ายรูปได้ทุกมุมจะกี่แอคก็ได้สบายใจ แต่ก็ร้อนค่ะ มันฮ้อนนนนนมั่กกกก 5555555555

(ช่วงหมดแรงแอบไปเติมพลังด้วยน้ำมะม่วงที่ร้าน CARCO CLUB อร่อย ชื่นใจมาก แนะนำให้ลองนะจ๊ะ)

 

 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

สำหรับแม่น้ำนี้ในตอนกลางคืนจะสามารถนั่งเรือ และลอยกระทงได้ตลอดทั้งปี ไม่ต้องรอวันเพ็ญเดือน12 คือวิวที่มีเรือล่องช้าๆ และค่อยๆวางกระทงในมือลงน้ำ และสองข้างฝั่งแม่น้ำก็ประดับประดาไปด้วยแสงสีจากโคมไฟ มันเป็นวิวที่สวยมาก แต่ แต๊ แต่ เรากากเอง เราถ่ายมันโดยไม่เบลอไม่ได้ T-T 

 

 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

Danang ดานัง

 

Danang  ดานัง หรือ  “ด่าหนัง” เป็นเมืองท่าสำคัญของเวียดนามกลางตอนใต้ ดานังเป็นเมืองเล็กๆที่มีแม่น้ำสายใหญ่ตัดผ่าน นามว่า “แม่น้ำฮัน” ให้อารมณ์คล้ายๆ แม่น้ำเจ้าพระยาของไทยเรา แต่แม่น้ำเจ้าพระยาของเราจะมีความวุ่นวายกว่ามาก แบบว่ามีทั้งเรือข้ามฟาก เรือด่วน มีผักลอยตุ๊บป่องๆ สองฝั่งแม่น้ำก็เต็มไปด้วยโป๊ะ แต่แม่น้ำฮันจะค่อนข้างเงียบ สงบ น้ำก็ดูสะอาด นิ่ง ถึงขนาดพายเรือคายัคชิลๆในแม่น้ำฮันได้ด้วย คิดว่าถ้าแดดร่มลมตก มานั่งฟังเพลงกินลมริมแม่น้ำ หรืออ่านนิยายสักเล่มไปเรื่อยๆ ก็คงจะชิลดี

 

แม่น้ำสายนี้ได้มีการสร้างสระพานหลายแห่งอยู่ด้วยกัน แต่สะพานที่ป๊อปปูล่าที่สุดคือ “สะพานมังกร” (Dragon Bridge) 

 

 

ชาวเวียดนามมีความเชื่อว่า มังกร หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง และก็หวังว่าเมืองดานังจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ เราคิดเองว่าความหมายมันช่างสอดคล้องกับรูปปั้นครึ่งปลาครึ่งมังกรฝั่งตรงข้ามพอดี ทำไมถึงต้องเป็นครึ่งปลาครึ่งมังกร? นั่นก็เพราะชาวเวียดนามเชื่อว่าเมื่อปลาโตเต็มวัยก็จะกลายร่างเป็นมังกรและมังกรก็เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม เจ๊งเป้ง ทำนองนั้น ครึ่งปลาครึ่งมังกร ก็หมายถึงเมืองดานังที่กำลังเจริญขึ้นเรื่อยๆสำหรับที่นี่ชาวเวียดนามจะนิยมมาตอนสามทุ่มกันมากกว่าเพราะจะมีโชว์มังกรพ่นน้ำ ภาพด้านบนคือบรรยากาศตอนกลางวัน เดินๆ ไปนี่นึกว่าเมืองร้าง ตัดภาพไปตอนกลางคืน

 

 

โอ่โหหหห คนมหาศาลเลย เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากได้มุมดีๆ ในการชมมังกรพ่นน้ำก็ต้องไปจองที่เร็วๆ หรือถ้าไม่อยากเบียดยืนรอ ก็สามารภกินข้าวร้านอาหารแถวนั้นได้ มีหลายร้านที่จัดที่จัดทางไว้เพือชมวิวแม่น้ำโดยเฉพาะ ถ้าไปใกล้ๆเวลาโชว์คนจะเยอะมากๆ  

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

นอกจากแม่น้ำแล้ว ดานังยังมีทะเลด้วย  

 

 

เราก็ไปเยือนทะเลตอนกลางวันอีกนั่นแล แต่ก็ยังพอเห็นชาวต่างชาตินอนอาบแดด เล่นน้ำทะเลกันอยู่บ้างประปราย บังเอิญวันที่เราไปช่วงบ่ายคล้อยๆใกล้ๆเย็นมีฝนตก แล้วเรานั่งรถผ่านทะเลอีกรอบนึง มีคนเล่นน้ำเต็มเลยค่า เห็นแล้วก็ตลกดี แดดไม่ไหวขอลา แต่ฝนมาพี่สู้ตาย

 

ในรูปจะเห็นกะละมังใหญ่ๆ สีเหลืองอยู่ไกลๆ นั่นไม่ใช่กะละมังแต่เป็นเรือที่รูปร่างคล้ายกะละมัง ชาวประมงใช้ไว้สำหรับออกไปจับปลาน้ำตื้น ไม่ไกลจากตัวฝั่งมาก ไกด์เล่าว่าผู้ที่พายเรือกะละมังนี้เป็นจะต้องเอวสวยแน่ๆ เพราะต้องใช้แรงเอวในการบังคับเรือ ไกด์ยังเล่าอีกว่าตอนประเทศไทยน้ำท่วม เวียดนามได้ส่งเรือกะละมังพวกนี้มาให้ไทยด้วย เวียดนามน่ารักกก 

 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

เรายังมีโอกาศได้ไปทานอาหารที่ InterContinental Danang Sun Peninsula Resort เลยได้เห็นวิวหลักล้านของทะเลดานังมาด้วย ก็เลยถือโอกาสเก็บบรรยากาศรอบๆ มาฝาก 

 

 

เราชอบรถรางของที่นี่มาก รถรางที่นี่เป็นบริการรับส่งจากจุดชมวิวหรือก็คือชั้นบนสุด ลงไปถึงชั้นล่างสุดคือร้านอาหาร ด้วยวิว ด้วยความชัน ด้วยความกะทัดรัดของรถ ทำให้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนเล่นเครื่องเล่นนิดๆ แต่ระยะทางจะสั้นไปหน่อย อยากจะขึ้นลงเล่น ก็ได้แต่เกรงใจพี่พนักงาน 

 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

พอเมืองติดเเม่น้ำติดทะล ก็เลยทำให้ดานังเป็นเมืองที่มีพายุเข้าบ่อย แล้วพายุก็มักจะพังบ้านเรือนเสียหาย รัฐบาลก็เลยคิดหาวิธีแก้ไข ถือเคล็ดโดยการสร้างวัดสี่ทิศเพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธ์คุ้มครองให้บ้านเมืองปลอดภัย หนึ่งในวัดเหล่านั้นก็คือ  Marble Mountain หรือ ภูเขาหินอ่อนของดานัง

 

 

ภูเขาจะขึ้นไปได้มีให้เลือกสองทาง หากใครฟิตๆหน่อยจะเดินขึ้นบันไดไปก็ได้ สำหรับใครที่ร่างกายไม่พร้อม ใจไม่พร้อม ที่นี่ก็มีลิฟต์คอยบริการด้วย ส่วนเราน่ะหรอ ก็ลิฟต์สิจ๊ะ รออะไร 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

 

ด้านบนภูเขานอกจากจะมีจุดชมวิวสวยๆ ที่สามารถมองเห็นทะเล ภูเขา ได้แล้ว ยังมีถ้ำ รูปปั้นหินอ่อนและวัดที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมของวัดออกไปทางจีนๆ  ส่วนด้านล่างภูเขาก็จะมีหมู่บ้านขายหินอ่อนอยู่ด้วยสมชื่อภูเขาหินอ่อนนั่นแหละนะ

 

 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

อีกวัดที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ วัดลินห์อึ้ง (Linh Ung Pagoda) เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองดานัง จุดเด่นของวัดนี้ก็คือ รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่สูง 67 เมตร ตั้งอยู่บนฐานดอกบัว 35 เมตร ความใหญ่ของที่นี่นับเป็นอันดับ 4 ของโลก

 

 

เราสังเกตุว่าเมืองดานังเป็นเมืองที่ได้รับอิทธิพลจากทางจีนสูงมาก สังเกตุจากตึกรามบ้านช่อง วัดต่างๆ บางจังหวะก็หลงคิดว่าอยู่จีน มีความจีนสูงมาก

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

เที่ยวเหนื่อยๆ ก็ต้องกินบ้างเนอะ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง อาหารเวียดนามคืออร่อยหลายอย่างนะ แต่รสชาติจะติดไปทางจืดๆหน่อย คือไม่จัดจ้าน แต่เราว่ามันก็อร่อยไปอีกแบบนะ ดังนั้น เราเลยคัดเมนูท๊อปๆที่อยากให้ลองจริงๆ มาแนะนำ

 

 

 

ขอเรียกสิ่งนี้ว่าแหนมเนืองกุ้ง รสชาติเหมือนแหนมเนืองบ้านเรานี่แหละ อร่อยมากกกกกกกกกกกกก แต่ข้างในก็คือจะมีผักเยอะ เวลาเราพูดถึงอาหารเวียดนามก็จะคิดถึงอาหารที่มีผักเยอะอยู่แล้วเนาะ ฉะนั้น ถ้าใครไม่กินผักก็คงต้องขอแสดงความเสียใจมา ณ ที่นี้ด้วย คุณพลาดของอร่อยๆ ไปอีก 1 อย่างแล้วค่ะ RIP

 

มีอีกจานที่วิธีกินคล้ายๆ กัน

 

 

ขอตั้งชื่อว่า หนมเบื้องเวียดนาม แหนมเนืองเวลาเสิร์ฟทางร้านจะทำการห่อมาให้เรียบร้อยแล้ว คือวางปุ๊ปกินได้เลย แต่หนมเบื้อง เวลาเสิร์ฟทางร้านจะให้เส้นใหญ่แบบไม่ได้ผ่านการแช่น้ำมาด้วย แต่ของเขาจะต่างจากของเรานะ ของเราไม่แช่น้ำคงจะห่อไม่ได้เลย แต่ของเวียดนามมีความเหนียวมากพอ วิธีกินคือเอาเส้นใหญ่นั้นห่อ ห่อเลยกลมๆ ให้แป้งแตกเลย จิ้มน้ำจิ้ม ใส่ปาก อร่อย!! แต่มันก็จะมีความมันๆสไตล์ของทอดนิดนึงนะ แต่นี่ข้างในก็ผักเนาะ เมนูต่อไปแบบไม่ผักไม่หญ้าบ้าง

[เที่ยวสุดขอบโลก]

หมูอบหม้อดิน อร่อยมากกกกกกกกกกกก ปกติไม่ชอบกินหมูชิ้นใหญ่ๆเลย แต่สิ่งนี้คือดีงาม คือที่สุด คือหมูนิ่มมาก น้ำจะหวานๆหน่อย กินกับข้าวกำลังดีเลยแนะนำๆ เอาไปสิบดาว คือต้องลองจริงๆ

 

 

Next one เกี๊ยวกุ้งจ้า อันนี้ถ้าเดินเล่นที่ฮอยอันจะเจอแม่ค้าขายอยู่ ลักษณะคล้ายๆเวลาเวลาเราเดินจตุจักรแล้วเจอแม่ค้าหาบขายส้มตำ แบบนั้น แป้งจะให้ความรู้สึกคล้ายๆขนมปากหม้อ จานนึงประมาณ 20-30 บาทไทย ต้องลอง ต้องลอง

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

เมนูสุดท้าย ถึงอาหารเวียดนามจะอร่อยแค่ไหน แต่เวลาเราไปเที่ยว ห่างหายจากรสชาติไทยๆที่คุ้นเคย มันก็จะคิดถึงหน่อยๆ ผลคืออาการลงแดงอยากเปรี้ยวก็กำเริบ แล้วเวียดนามคือไม่มีน้ำส้มสายชูบนโต๊ะอาหาร ไม่มีมะนาว แต่อยากกินเปรี้ยวอ่ะ พอเห็นมะม่วงพุ่งตัวไปเลยจ้า “มะม่วงคลุกพริกเกลือ” เราเรียกว่าพริกเกลือก็จริง แต่จริงๆแล้วไม่รู้เลยนะว่าผสมอะไรบ้าง แม่ค้าถามอันนี้ไหม อันนั้นไหม ช่วงจังหวะลังเล แม่ค้าก็พยักหน้าแรงๆ บวกกับทำหน้าเชิญชวนเต็มที่แบบอยากให้ลองจริงๆ ปล่อยหมัดด้วยการยกนิ้วโป้งให้ แพ้เลย เอาเลยค่า ใส่มาเลย ยูอยากใส่ ใส่เลยยย เราเชื่อคุณ ผลลัพท์คือ มะม่วงมัน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ เดี๋ยวก่อน! ไม่เปรี้ยวแต่รสชาติไทยมาก อร่อยเหาะ you save my life ! เลยอ่ะ

 

 

จริงๆ มีเรื่องอยากเล่าอีกหลายอย่างเลย แต่คิดว่าเล่ามากไปกว่านี้จะเหมือนสปอยหนัง เวลาเราไปดูหนังเราก็ต้องซึมซับ ค่อยๆ ลุ้นไปกับหนังเนาะ สปอยมากๆ หมดสนุกกันพอดี ของแบบนี้ต้องไปเจอ ไปสัมผัสด้วยตัวเอง ไปเดินเข้าซอยนั้น ออกซอยนี้ ลองอาหารแปลกๆ ดู วันหยุดครั้งหน้า ดานัง-ฮอยอันนะ ไม่ผิดหวังแน่นอน ^^