41 replies to this topic

[Cynthia Pun]

Advertisements

สวัสดีค่ะ

 

หลังจากที่ได้ห่างหายไปนาน วันนี้จะขอกลับมานำเสนอรีวิวเที่ยวบินอีกครั้ง ซึ่งเป็นเส้นทางบินที่ตัวเรานั้นมีความคุ้นเคยและบินเป็นประจำ นั่นก็คือ "ภูเก็ต-ดอนเมือง" แต่ในการเดินทางรอบนี้มีความพิเศษตรงที่เรามีโอกาสได้ใช้บริการสายการบิน "นกแอร์" อีกครั้ง หลังจากที่ห่างหาย ไม่ได้พบเจอกันนานเกินปี ด้วยความคิดถึงบวกกับได้รับการบริการที่น่ารักจากสายการบิน จึงอยากจะนำมาเล่าสู่กันฟังในที่นี้ต่อไป  

 

 

[Cynthia Pun]

รีวิวฉบับนี้เป็นการเดินทางเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมาค่ะ ซึ่งเที่ยวบินของเรามีกำหนดเดินทางในช่วงเวลาเที่ยง ดังนั้นก่อนออกเดินทางไปยังสนามบิน เราจึงขอแวะมาทานมื้อเช้าเติมพลังกันก่อน

 

โดยในช่วงเช้าของวันดังกล่าวก็มีฝนโปรยปรายลงมาพอสมควรอันเป็นผลมาจากพายุฤดูร้อนที่พัดเข้าในพื้นที่ แต่การที่มีฝนตกแบบนี้ก็ได้ทำให้อากาศในเมืองภูเก็ตนั้นเย็นสบาย และเราก็เดินทางท่ามกลางสายฝนชุ่มช่ำมายังร้านอาหารเช้าที่ได้หมายตาเอาไว้ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าของภูเก็ต (Phuket Old Town) บนถนนเทพกษัตรี บริเวณสี่แยกแถวน้ำ 

 

 

 

ร้านนี้มีชื่อว่า "ร้านโรตี น้ำแกง แถวน้ำ" ค่ะ ตัวร้านเป็นห้องแถวขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับศูนย์มอเตอร์ไซต์ฮอนด้า 

 

 

[Cynthia Pun]

ใบรายการอาหารของร้านโรตี น้ำแกง แถวน้ำ

 

มีตัวเลือกโรตีกรอบและไข่ดาว ทั้งแบบรวมกันให้เลือกกันตามระดับความหิว และแบบสั่งแยกกัน ส่วนน้ำแกงที่จะนำมาทานคู่ก็มีให้เลือกถึง 5 อย่าง ทางด้านเครื่องดื่มก็จะเป็นเมนูชาโบราณ กาแฟโบราณ ทั้งร้อนและเย็น

 

 

[Cynthia Pun]

แก้วนี้เป็นชาร้อนโบราณใส่นมค่ะ หอมกรุ่น หวานมันดีทีเดียว 

 

 

 

เดินมาชมการทำโรตีสักหน่อย จะเรียกว่าเป็นครัวเปิดก็ได้ เพราะจุดที่พ่อค้าทำโรตีตั้งอยู่บริเวณหน้าร้านเลย แอบเห็นตัวกระทะที่ใช้ทำก็เป็นเตาถ่านด้วยนะคะ ข้างล่างเนี่ยจะมีช่องใส่ฟืนใส่ไฟอยู่ด้วย

 

[Cynthia Pun]

อาหารมาแล้ว

 

 

 

รายการที่เราเลือกไปก็คือ โรตีกรอบ 2 แผ่น + ไข่ดาว 1 ฟอง พร้อมกับแกงมัสมั่นไก่ค่ะ 

 

 

[Cynthia Pun]

อิ่มหนำแล้วก็พร้อมเดินทางสู่สนามบินค่ะ โดยครั้งนี้เราใช้บริการขนส่งสาธารณะด้วยรถ Airport Bus ซึ่งต้นสายอยู่ที่ บขส. (เก่า) ในเมืองภูเก็ต 

 

เรามาถึงจุดปล่อยรถในเวลา 7.50 น. ทันรถที่จะไปสนามบินในเที่ยว 8.00 น. 

 

 

[Cynthia Pun]

หน้าตาของ Airport Bus ที่ให้บริการเชื่อมต่อระหว่างสนามบินภูเก็ตและตัวเมือง

 

 

 

[Cynthia Pun]

หลังเสียงเพลงชาติในตอนเช้าจบลง คนขับก็ขึ้นรถ และเราก็เริ่มออกเดินทางตรงตามตารางเวลาค่ะ

 

สำหรับวันนี้ซึ่งเป็นวันธรรมดา ไม่ตรงกับวันหยุดพิเศษ หรือวันหยุดยาวใด ๆ ภายในรถจะค่อนข้างโล่ง แต่จะมีจอดแวะรับผู้โดยสารรายทางขึ้นมาตามจุดต่าง ๆ ด้วย

 

 

 

ค่าโดยสาร Airport Bus จะคิดตามระยะทาง และสำหรับการเดินทางจากต้นสายไปยังสุดสายที่สนามบินจะอยู่ที่ 100 บาท

 

[Cynthia Pun]

ประมาณก่อนเก้าโมงครึ่งเล็กน้อย เราก็มาถึงท่าอากาศยานภูเก็ต ถือว่าค่อนข้างตรงตามเวลาในตารางที่ระบุไว้ แต่อย่างไรก็ตามหากเป็นการเดินในช่วงฤดูการท่องเที่ยวภายในเมืองภูเก็ตก็จะมีรถติดและคาดว่า Airport Bus ก็จะมีผู้ใช้บริการจำนวนมากกว่าในวันนี้ แนะนำว่าเผื่อเวลาสัก 2 หรือ 2 ชั่วโมงครึ่งก็ได้นะคะ 

 

 

 

ผู้โดยสารสามารถตรวจสอบหมายเลขเคาน์เตอร์เช็คอินของสายการบินที่ให้บริการอยู่ที่อาคารผู้โดยสารภายในประเทศได้จากหน้าอาคาร ก่อนทางเข้าไปยังจุดตรวจค้นสัมภาระ

 

[Cynthia Pun]

ในวันนี้เรามีสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่องจึงยังไม่สามารถเช็คอินกับเคาน์เตอร์และฝากโหลดกระเป๋าได้ เนื่องจากเคาน์เตอร์เช็คอินนกแอร์จะเปิดบริการในช่วง 2 ชั่วโมงก่อนเวลาเดินทาง (และปิด 45 นาทีก่อนเวลาเดินทาง) ซึ่งต้องรอตอนเวลา 10.55 น. ดังนั้นเราจึงโดดขึ้นรถเวียนไปเยี่ยมชมอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่ที่เพิ่งเปิดใช้บริการมาเมื่อไม่นานมานี้

รถเวียนจะมีทั้งที่เป็น Shuttle Bus และ Shuttle Van ให้บริการฟรีตลอด 24 ชั่วโมง สามารถรอขึ้นได้ที่จุดให้บริการที่มีสัญลักษณ์แบบนี้ค่ะ




รถมาแล้ววววว

[Cynthia Pun]

การเดินทางจากอาคารผู้โดยสารภายในประเทศไปยังอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศนั้นจะใช้เวลาเกือบ 10 นาที ใครที่ต้องเดินทางระหว่าง 2 อาคารเพื่อต่อเครื่องสามารถคำนวณเวลาเดินทางได้ตามนี้นะคะ โดยรถจะจอดที่บริเวณชั้น 1 (พื้นที่ผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ) ก่อนจะวนขึ้นไปที่ชั้น 3 (พื้นที่ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ)

 

 

 

เรามาลงรถที่ขั้น 3 ค่ะ

 

[Cynthia Pun]

อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศของท่าอากาศยานภูเก็ตเป็นอาคารขนาดกลาง มี 3 ประตูทางเข้า และจะมีป้ายกำกับบอกให้รู้ว่าแต่ละประตูใกล้กับเคาน์เตอร์เชคอินของสายการบินใดบ้าง 

 

 

 

 

 

บริเวณหน้าประตูทางเข้าจะเป็นจุด X-Ray สัมภาระและตรวจค้นร่างกายก่อนเข้าสู่อาคาร และในจำนวนทั้ง 3 ประตูนี้ ประตูที่ 2 ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางจะเป็นประตูทางเข้าของพนักงานด้วย

[Cynthia Pun]

เมื่อเดินเข้ามาภายในอาคารก็สะดุดตากับหอสูงรูปทรงสี่เหลี่ยมที่ทั้งสี่ด้านเป็นจอ LED แสดงภาพ มีทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว รวมทั้งยังแสดงผลเวลาและอุณภูมิให้ผู้เดินทางทราบ 

 

 

[Cynthia Pun]

ซึ่งหอที่กล่าวไปนั้นก็คือ "Social Live Tower" จะมีอยู่ด้วยกัน 2 หอในอาคารผู้โดยสารแห่งนี้ และที่มุมทั้งสี่ด้านของ Social Live Tower ก็จะมีตู้ขนาดเล็กที่มีจอทัชสกรีนขึ้นข้อความเชิญชวนว่า "Touch to Explore" เมื่อกดเข้าไปก็จะมี 2 ฟังก์ชั่นให้เลือกคือจะใช้ในการค้นหาข้อมูลหรือร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกซึ่งภาพนั้นก็จะถูกอัพโหลดภาพขึ้นไปบนจอแสดงผลของ Social Live Tower รวมกับเพื่อน ๆ นักเดินทางคนอื่น ๆ ด้วย ถือเป็นสัญลักษณ์ของการมาเยือนที่แห่งนี้ 

 

 

 

และเรายังสามารถรับรูปถ่ายของตัวเราเองผ่านทางระบบอีเมล์ก็ได้นะ ซึ่งระบบอัตโนมัติจะส่งมาให้อย่างรวดเร็วมาก รอเพียงแค่ 1-2 นาทีเท่านั้น

 

[Cynthia Pun]

ภายในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่นี้จัดวาง Row เคาน์เตอร์เช็คอินตั้งแต่ A ถึง H มีสายการบินมากหน้าหลายตา ซึ่งสำหรับของการบินไทย สายการบินประจำชาติของเราจะอยู่ที่ฝั่ง H

 

 

[Cynthia Pun]

ดูกันคร่าว ๆ ว่าทั้งสี่ชั้นมีอะไรบ้าง

 

 

 

ส่วนที่ชั้น 3 ก็จะมีทั้งร้านน่าสนใจอย่าง King Power และร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์ต่าง ๆ จากโครงการพระราชดำริและมูลนิธิ อาทิ ดอยตุง สายใจไทย จิตลดา และณภาฯ

 

 

[Cynthia Pun]

เดินสำรวจได้พอประมาณก็โดดขึ้น Shuttle Bus กลับมายังอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ซึ่งขากลับเนี่ยไม่ต้องอ้อมไกล เพียงแค่ 3 นาทีก็กลับมาถึงแล้ว เมื่อมาถึงก็ตรงไปยังเคาน์เตอร์เช็คอินหมายเลข 50-51 เพื่อทำการออกบัตรโดยสารและฝากโหลดกระเป๋าสัมภาระ

 

 

 

 

อ๊ะ เที่ยวบินของเรามีการเปลี่ยนแปลงเวลาเดินทางนะคะ จาก 12.55 น. เป็นเวลา 13.40 น.

 

[Cynthia Pun]

เช็คอินเรียบร้อย ได้บัตรโดยสารมาแล้ว 

 

เที่ยวบินของเราในวันนี้ก็คือ DD7513 เดินทางจากท่าอากาศยานภูเก็ตสู่ท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ มีกำหนดออกเดินทางใหม่ในเวลา 13.40 น. โดยจะทำการประกาศเรียกขึ้นเครื่องในเวลา 13.20 น. ที่ประตูขึ้นเครื่องหมายเลข 7 

 

 

[Cynthia Pun]

ช่วงนี้ท่าอากาศยานภูเก็ตอยู่ในระหว่างการปรับปรุงค่ะ เราเองก็เพิ่งเคยเดินทางในช่วงนี้จึงต้องอาศัยป้ายบอกทางเป็นตัวช่วยกันสักหน่อย

 

 

 

[Cynthia Pun]

ช่วงนี้ที่สนามบินภูเก็ตมีของใหม่หลายอย่างเลยค่ะ อีกสิ่งหนึ่งที่เราพบก็คือการสแกนร่างกายที่เป็นแบบที่ทันสมัยมากขึ้น วันนี้เราได้พบว่ามีเครื่องสแกนแบบ Pro Vision จำนวน 1 เครื่อง ที่ทางเข้าหนึ่งตรงพื้นที่ผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ ในขณะที่อีกประมาณ 4 ทางเข้าจะเป็นเครื่องสแกนแบบที่ทุกคนคุ้นเคยดี นั่นก็คือแบบเพียงเดินผ่าน โดยถ้าหากมีโลหะอยู่กับตัวก็จะส่งเสียงตี้ดให้เจ้าหน้าที่มาตรวจอีกครั้ง แต่เจ้าเครื่องแบบใหม่เนี่ยจะต้องถอดรองเท้าใส่ตะกร้าแล้วส่งผ่านเครื่องสแกนสัมภาระ ส่วนตัวเราก็จะต้องเข้าไปยืนในเครื่อง ชูมือค้างประมาณ 3 วินาที ก่อนเดินออก อาจดูยุ่งยากมากขึ้น แต่ก็เพื่อความปลอดภัยต่อส่วนรวมที่มากขึ้นนะคะ

และตอนนี้เราก็ผ่านจุดตรวจค้นมาแล้วค่ะ