64 replies to this topic

[ทีมข่าวHFLIGHT]

Advertisements

วันนี้เราได้ดูการสาธิตวิธีการปลูกและดูแลผักอินทรีย์แบบที่โครงการหลวงใช้แนะนำกับชาวบ้านค่ะ

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ต้นกล้าน้อย ๆ ภายในโรงเรือนผัก น่ารักกันจริงเชียววว

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

บริเวณนี้มีร้านกาแฟด้วยนะคะ ใครสนใจอยากจะนั่งจิบกาแฟหรือดื่มสมู๊ทตี้ในสวนผักก็ได้ไม่ว่ากัน นี่ถ้ามีหนังสือมาด้วยสักเล่มท่าจะเพลินดี

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

"ผัก" นอกจากจะมีคุณค่าทางอาหารแล้ว ยังสวยงามด้วยนะคะ เห็นแล้วอยากกลับไปเนรมิตรพื้นที่บ้านให้เป็นสวนผักเลยทีเดียว

 

 

 

 

 

 

และนี่ก็คือ "แนสเตอร์เดียม" ค่ะ เป็นความสวยที่กินได้ รสชาติจะเหมือนวาซาบิเลย

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ทางฝั่งตรงข้ามโรงเรือนผักก็คือ "สวนบ๊วย"

 

 

 

 

ต้นบ๊วยจะมีลำต้นที่ไม้สูงมากและแผ่กิ่งก้านกว้างออกมาแบบนี้ ดูเธออาร์ทจังเลย

 

 

 

และเนื่องจากอากาศที่เย็นอีกทั้งมีความชื้นสูง เราก็เลยจะเห็นว่ามีพืชจำพวกมอสและเฟิร์นขึ้นอยู่ทั่วไปบนลำต้นบ๊วย

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ถัดจากสวนบ๊วยก็คือ "แปลงกีวี่"

 

 

 

บ้านเราเป็นเมืองร้อน และคิดว่าหลายคนคงยังไม่เคยเห็นต้นกีวี่กัน นี่เลยค่ะ...เก็บมาฝากกันแล้ววว

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

จุดประวัติศาสตร์จุดหนึ่งที่คุณวิทยากรพาเราไปชมก็คือ "โต๊ะเสวย" อาหารกลางวันค่ะ ดูแล้วเป็นโต๊ะและที่นั่งทำจากไม้ไผ่เรียบ ๆ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ธรรมดาในสวนเท่านั้นเอง    เห็นแล้วก็ทำให้รู้สึกว่าพระองค์ทรงไม่ถือตน และใช้ชีวิตเรียบง่ายได้ท่ามกลางข้อจำกัดของพื้นที่

 

 

 

 

ส่วนใครสนใจจะเข้าพักค้างคืนภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ที่นี่เค้าก็มีบ้านพักรองรับอยู่นะคะ มีอยู่จำนวนไม่น้อย มีหลากหลายรูปแบบ (แอบได้ข่าวว่าต้องจองล่วงหน้ากันนานเหมือนกัน) แต่ก็น่าลองดูนะคะเพราะโครงการหลวงที่นี่เที่ยวได้ทั้งปี แต่ละช่วงปีก็จะมีสิ่งที่น่าสนใจแตกต่างกันไป ซึ่งเค้าจะแบ่งเป็น 3 ช่วงค่ะ อย่างถ้ามาช่วงนี้ซึ่งก็คือ ตุลาคม-กุมภาพันธ์ สิ่งที่จะได้ชมก็คือซากุระ และพืชที่มีกำหนดออกผลผลิตระหว่างนี้ก็ได้แก่กีวี่ฟรุ้ท กะหล่ำดาว สตรอเบอร์รี่ เป็นต้น ช่วงถัดไปคือ มีนาคม-พฤษภาคม ก็จะมี "พีช" หวาน ๆ หอม ๆ ที่ปรับปรุงพันธุ์โดยโครงการหลวง ...น่าชมน่าชิมมากค่ะ เห็นสโมสรอ่างขางมีเมนูพีชลอยแก้วด้วย น่าสนใจอยู่นะคะ และแอบบอกกันส่วนตัวว่าแยมพีชโครงการหลวงเนี่ยรสชาติดีมากกกก เป็นผลิตภัณฑ์ที่เราชอบที่สุดแล้วค่ะ แบบที่แยมพีชจากทางตะวันตกก็ทำให้เรารู้สึกแบบนี้ไม่ได้ และอีกช่วงก็คือ มิถุนายน-กันยายน ตอนนั้นก็จะมีพลับ รูบาร์บ บลูเบอร์รี่ และมีดอกดาเลียให้ชมค่ะ

 

 

 

 

 

และนอกจากบ้านพักของโครงการแล้วก็ยังมีรีสอร์ทและจุดกางเต้นท์ในบริเวณใกล้เคียงอยู่ด้วย เลือกได้ตามใจต้องการเลยยย

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ลงมาจากดอยอ่างขาง เข้าสู่ตัวเมือง และออกสู่ชานเมืองไปยังบริเวณเชิงดอยสุเทพ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ "Veranda Chiangmai - The High Resort" ที่พักของเราในคืนที่สองนี้ค่ะ

 

 

 

อ่างอาบน้ำหินตั้งอยู่กลางห้องเลยทีเดียว ตรงนี้จะเปิดโล่งเชื่อมกับห้องนอนก็ได้ หรือจะเลื่อนประตูมาปิดก็ได้ค่ะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ห้องพักแบบ Valley Deluxe นี้นะคะ ข้อดีคือพอตอนเช้าเราตื่นมาก็จะเจอบรรยากาศแบบนี้ มองเห็นวัดพระธาตุบ้านปงไกล ๆ บนยอดเขา และที่เบื้องล่างก็เป็นไร่ชาของทางโรงแรม สูดอากาศสดชื่นได้เต็มปอดเลยค่าาาา

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ทางเดินจากห้องพักไปสู่ห้องอาหารเช้า ซึ่งเราต้องขึ้นไปที่ชั้น 4 ของโรงแรม

 

 

 

และนี่ก็คือห้องอาหารเช้าที่มีชื่อว่า "The High" กับวิวยามเช้าที่สดชื่นมากกก

 

 

 

 

ชมรีวิว Veranda Chiang Mai - The High Resort ได้ที่ http://www.hflight.n...ic/17311-ver

[ทีมข่าวHFLIGHT]

แวะตลาดต้นพยอม หรือตลาดสุเทพ กันหน่อยดีกว่า ที่นี่มีสินค้าพื้นเมืองมากมายทีเดียว และที่นี่มีบริการแพ็คของสำหรับการเดินทางให้ด้วยนะคะ ใครอยากได้อาหารพื้นเมืองเป็นของฝากแวะมากันได้เลยย

 

 

 

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เวลาสองวันครั้งกับสองคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนมาถึงเวลาที่เราต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันแล้ว

 

 

 

เชคอินรับบัตรโดยสารมาเรียบร้อย

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

จวนเจียนมาเวลาเที่ยวบิน TG111 จะออกเดินทาง งั้นเข้าไปข้างในพื้นที่ผู้โดยสารขาออกเลยดีกว่าโน๊ะ

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ทางออกขึ้นเครื่องของเราอยู่ที่ Gate 6 ค่ะ

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ข้อมูลเที่ยวบิน

 

Flight : TG111

Route : Chiang Mai (CNX) - Bangkok (BKK)

Scheduled departure : 15.20 PM

Scheduled arrival : 16.30 PM

 

Aircraft type : Airbus A330-300

Aircraft registratration : HS-TEL

Aircraft name : THEPAMAT (เทพามาตย์)

Aircraft livery : STAR ALLAINCE

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เข้ามานั่งประจำที่ 69K เรียบร้อย ...ขากลับนี้เราเลือกมานั่ง Window seat นะคะ แต่อยู่ทางตอนท้ายตรงแถวรองสุดท้ายเลยทีเดียว แต่เราไม่หวั่นค่ะ อิอิ และบนเครื่องรุ่นนี้ในชั้นประหยัดไม่มีจอหน้าที่นั่งนะคะ

 

 

 

ที่เหนือศีรษะมีแผงไฟอ่านหนังสือ และข้อความ "Life vest under your seat" อย่างชัดเจนเหมือนที่ปรากฎอยู่หลังเบาะที่นั่งด้านหน้าเรา

 

 

 

พร้อมออกเดินทางแล้วค่ะ โบกมืออำลาเชียงใหม่

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ระหว่างเครื่องเคลื่อนตัวไปยังรันเวย์ ลูกเรือก็สาธิตการใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือในยามฉุกเฉินค่ะ ส่วนข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถหยิบคู่มือจากกระเป๋าด้านหน้าที่นั่งมาอ่านกันได้ 

 

 

 

...เปิดมาดูข้อมูลทางออกฉุกเฉินกันหน่อยดีกว่า เพราะว่าเครื่องบินลำนี้ต่างรุ่นกับตอนขามา และที่นั่งก็อยู่ต่างกันมาก การสังเกตว่าประตูทางออกฉุกเฉินที่ใกล้ตัวเราที่สุดอยู่ตรงไหนอาจจะช่วยชีวิตเราได้ในวินาทีฉุกเฉิน

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

นอกจากนั้นแล้วในกระเป๋าหน้าที่นั่งก็ยังมีนิตยสาร Sawasdee รายการสินค้า Duty free และถุงอาเจียน

 

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เมื่อนักบินปิดสัญญาณแจ้งรัดเข็มขัดแล้ว ไม่นานลูกเรือก็เริ่มบริการอาหารว่างแก่ผู้โดยสารค่ะ

 

 

 

 

เป็นตอติญ่าเมนูเดิม เพิ่มเติมคือเปลี่ยนเป็นซอสญี่ปุ่นค่ะ ...แต่เราชอบซอสครีมเห็ดแบบตอนขามามากกว่าล่ะ

 

 

 

เลือกรับเป็นน้ำผลไม้รวมเอื้งหลวงอีกครั้ง

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

นั่งทางฝั่ง K กับเที่ยวบินที่มุ่งหน้าลงทิศใต้ในช่วงบ่ายแบบนี้ หึหึ ถือเป็นการเลือกที่ผิดค่ะ เจอแดดส่องตลอดทางเลยทีเดียว งือออ  เพิ่งจะมาเปิดหน้าต่างได้อีกครั้งก็ตอนเครื่องตีวงกลับเหนืออ่าวไทยเพื่อลงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ