102 replies to this topic

[ทีมข่าวHFLIGHT]

Advertisements

อันนิยองฮาเซโย๊ะ

ต้องขอกล่าวทักทายเป็นภาษาเกาหลีกันสักหน่อย เนื่องมาจากรีวิวนี้เราจะพาบินกับเที่ยวบินตรงของสายการบิน Thai AirAsia X จากท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ สู่ท่าอากาศยานอินชอน กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลีใต้ พร้อมกับพาไปตะลุยเที่ยว ตะลุยชิม และตะลุยช็อปปิ้ง กันที่จังหวัดคยองกี (Gyeonggi-Do) และกรุงโซล (Seoul) รวม 5 วันค่ะ (รีวิวนี้เป็นการเดินทางเมื่อวันที่ 24-29 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา)

[ทีมข่าวHFLIGHT]

Thai AirAsia X

คือสายการบินราคาประหยัดที่ให้บริการในเส้นทางบินระยะไกล สายการบินแรกของประเทศไทย กำเนิดจากการร่วมทุนกันระหว่างสายการบิน Thai AirAsia และสายการบิน AirAsia X (ประเทศมาเลเซีย) ซึ่งยังคงความเป็นสายการบินราคาประหยัดที่ให้ผู้โดยสารสามารถเลือกซื้อบริการเสริมพิเศษนอกเหนือจากราคาตั๋วได้ด้วยตนเองภายใต้แนวคิด “You pay for what you use” หรือ “ใช้เท่าไหร่ ...จ่ายเท่าที่ใช้” แต่ให้บริการในเส้นทางบินที่มีระยะไกลขึ้น (มีพิสัยการบินมากกว่า 4 ชั่วโมง) ด้วยเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเครื่องบินโดยสารทางเดินคู่รุ่น Airbus A330-300 ที่สามารจุผู้โดยสารได้มากขึ้นถึง 377 ที่นั่ง โดยแบ่งเป็นชั้นโดยสารออกเป็นชั้นธุรกิจ 12 ที่นั่ง และชั้นประหยัด 365 ที่นั่ง ซึ่งในปัจจุบัน Thai AirAsia X ก็มีเครื่องบินรุ่นดังกล่าวประจำการอยู่ 5 ลำด้วยกันค่ะ

Photo by - Thai AirAsia X

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เที่ยวบินเชื่อมต่อของสองมหานคร กรุงเทพ – กรุงโซล

ปัจจุบัน สายการบิน Thai AirAsia X ให้บริการเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง สู่กรุงโซล ณ ท่าอากาศยานอินชอน สาธารณรัฐเกาหลีใต้ วันละ 2 เที่ยวบินค่ะ (สามารถตรวจสอบได้ทางหน้าเว็บไซต์) แต่ในช่วงที่ผู้เขียนเดินทางนั้นมีวันละ 1 เที่ยวบิน ตอนนั้นใช้ Timetable สำหรับฤดูร้อน ซึ่งเที่ยวบิน XJ 700 นั้นมีกำหนดการออกจากท่าอากาศยานดอนเมือง (DMK) เวลา 01.55 น. และไปถึงท่าอากาศยานอินชอน (ICN) เวลา 09.10 น. ตามเวลาท้องถิ่นของเกาหลีซึ่งเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง ดังนั้นเวลาประมาณ 23.30 น. พวกเราจึงมาพร้อมกันที่เคาน์เตอร์เชคอินของสายการบิน Thai AirAsia X บริเวณ Row 4 เพื่อรับบัตรโดยสาร (Boarding Pass) ก่อนจะเข้าไปยังพื้นที่ของผู้โดยสารขอออก เอ้ยยย! ขาออกระหว่างประเทศ

[ทีมข่าวHFLIGHT]

แวะช็อปและรับประทานรองท้องกันก่อนเดินทาง จนเมื่อใกล้เวลาประกาศเรียกขึ้นเครื่อง (Boarding Time) พวกเราก็ได้ยกย้ายกันมาบริเวณประตูขึ้นเครื่องที่ 15 (Gate 15) จึงได้พบกับผู้คนอีกมหาศาลของเที่ยวบินนี้ค่ะ

[ทีมข่าวHFLIGHT]

การเดินทางในครั้งนี้พวกเรานั่งในพื้นที่ Quiet Zone ค่ะ ซึ่งเป็นที่นั่งในแถวที่ 7-14 มีการจัดที่นั่งเป็นแบบ 3-3-3 เช่นเดียวกับในส่วนชั้นประหยัด แต่มีการออกแบบมาสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการการพักผ่อน คือห้องโดยสารในส่วนนี้จะมีการปรับแสงให้ละมุน มีการควบคุมเสียงรบกวน และมีข้อกำหนดว่าผู้โดยสารที่นั่งในส่วนนี้จะต้องมีอายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไปด้วยนะคะ

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เมื่อเครื่องไต่เรียบร้อย ลูกเรือก็เริ่มทำการเสิร์ฟอาหารร้อนทั้งสองมื้อรวมกันในคราวเดียว เนื่องจากนักบินคาดว่าจะมีการบินผ่านเขตสภาพอากาศแปรปรวน (Turbulence) ซึ่งเมนูอาหารร้อนที่เลือกสั่งล่วงหน้า (Pre-book) มานั้นก็คือข้าวผัดกระเพราไก่กับไข่เจียว (Spicy fried chicken with rice and traditional Thai-style omelette) และไก่ผัดกิมจิพร้อมข้าวสวย (Korean kimchi stir-fried with rice) รวมทั้งเมนูของหวานประจำสายการบิน Thai AirAsia X นั่นก็คือพุดดิ้งมะพร้าวน้ำหอม (Coconut pudding) ที่ห๊อมมมม หอม กลิ่นมะพร้าวน้ำหอมมาก ๆ จริง ๆ

[ทีมข่าวHFLIGHT]

หนึ่งบริการเสริมที่ Thai AirAsia X มีให้เลือกเพิ่มอีกอย่างนึงก็คือ Comfort Kit ค่ะ ประกอบด้วย ผ้าห่ม ที่ปิดตา และหมอนรองคอแบบเป่าลม งานนี้ได้ผ้าห่มมาผืนนึง ก็หลับสบายแล้ว




ตื่นมาอีกครั้งเมื่อแสงแดดยามเช้าจากภายนอกส่องมากระทบเปลือกตา ก็เลยอยากสำรวจเครื่องบินสักหน่อย

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ที่นั่งในชั้นธุรกิจ




ห้องโดยสารใน Quiet Zone




แกลลี่ท้ายที่ท้ายเครื่อง

[ทีมข่าวHFLIGHT]

และห้องน้ำในส่วนที่อยู่หลัง Quiet Zone ซึ่งมีความพิเศษตรงที่มีหน้าต่างสามารถมองเห็นวิวภายนอกได้ค่ะ มีเพียงแค่ห้องน้ำห้องนี้ห้องเดียวเท่านั้นนะคะบนเครื่องลำนี้

[ทีมข่าวHFLIGHT]

กลับมานั่งประจำที่แล้วสำรวจกระเป๋าหน้าที่นั่งต่อว่ามีอะไรบ้าง










สำหรับสิ่งที่ผู้เขียนถือว่าเป็นความโชคดีอย่างยิ่งที่ได้พบในเที่ยวบินนี้ นั่นก็คือคุณลูกเรือที่ใช้นามแฝงว่า “ทรายสีเพลิง” คุณเธอผู้นี้เอนเตอร์เทนผู้โดยสารได้ดีมากกกกกกก ตั้งแต่ตอนที่กล่าวต้อนรับขึ้นเครื่องจนถึงเวลากล่าวขอบคุณเมื่อถึงปลายทาง ผู้โดยสารนั้นทั้งอมยิ้ม ทั้งหัวเราะอย่างขำขันกันตลอดเวลาที่ได้ยินเสียงคุณ “ทรายสีเพลิง” มาตามสายประกาศ ถ้าอยากทราบว่าเป็นอย่างไรก็ต้องลองไปบินดูนะคะ

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เมื่อก้าวเข้ามายังอาคารผู้โดยสารแล้ว ก็แอบชะโงกกลับไปดูสักหน่อยว่าเราโดยสารเครื่องบินลำไหนมากันนะ (เพราะตอนกลางคืนที่ดอนเมืองนั้นไม่สามารถเห็นอะไรเลย) ตึกตัก ตึกตักในใจ แอบลุ้นว่าจะเป็น HS-XTC ที่วาดลวดลายกัปตันปาร์คหรือเปล่า แต่ว้าาา ไม่ใช่ค่ะ เครื่องบินลำนี้มีทะเบียน HS-XTB เป็นแฝดผู้พี่(ไข่คนละใบ)

[ทีมข่าวHFLIGHT]

จากนั้นก็จะต้องใช้บริการรถไฟเชื่อมต่อระหว่างอาคาร ซึ่งรถไฟก็จะมาในทุก ๆ 5 นาทีค่ะ เมื่อเสร็จเรื่องเสร็จราวกับตม. รับกระเป๋าสัมภาระที่ฝากไว้ใต้ท้องเครื่องเรียบร้อย เราก็พร้อมแล้วสำหรับประสบการณ์ท่องเที่ยวครั้งใหม่

[ทีมข่าวHFLIGHT]

นี่เป็นมื้อเช้ามื้อแรกในเกาหลีค่ะ ระหว่างการเดินทางไปยังจุดหมายแรกของเราค่ะ

[ทีมข่าวHFLIGHT]

Skin Anniversary (Beauty Town)

Paju City, Gyeonggi-Do, Korea

จุดหมายแรกเรามุ่งหน้าไปยังเมืองพาจูเพื่อเยี่ยมชมศูนย์ความงามที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเกาหลี “Paju Skin Anniversary” ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรแห่งความงามและเครื่องประทินผิวอย่างแท้จริง เพราะสถานที่แห่งนี้ได้รับความไว้วางใจจากต้นสังกัดต่าง ๆ พานักแสดงหรือนักร้องมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และยังได้รับการส่งเสริมจากกรมการท่องเที่ยวเกาหลีให้เป็นสถานที่สำหรับการเข้าเยี่ยมชมอีกด้วย

[ทีมข่าวHFLIGHT]

มาถึงที่นี่แล้วไม่สามารถรอดพ้นการถูกจับได้ตรวจเชคสภาพผิวหน้าไปได้ค่ะ ก่อนที่จะได้รับการจัดการทำความสะอาดผิวและมาร์คด้วย NUGANIC CUSTOMIZE MODELING MASK ในสูตรที่ตรงกับความต้องการของผิวของแต่ละคน โมเดลลิ่ง มาร์ค ตัวนี้มีเนื้อสีทองค่ะ (มองเผิน ๆ ก็คิดว่า เอ๊ะ มาร์คฟักทองรึเปล่า) เป็นผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยมเหมือนกับที่โรงพยาบาลผิวหนังจำนวนมากเลือกใช้ ซึ่งเจ้ามาร์คตัวนี้ก็จะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ทำให้ผิวสดใสเปล่งปลั่ง เนียนนุ่ม มีความยืดหยุ่น และก็ช่วยกระชับรูขุมขน การสปาผิวนวดหน้าที่นี่ดูจะรุนแรงกว่าที่ไทย แต่ผลที่ได้คือความผ่อนคลายอย่างแท้จริง ผลิตภัณฑ์แต่ละตัวที่นำมาใช้ก็จะมีส่วนผสมหลักจากธรรมชาติ บางตัวเป็นกลิ่นผลไม้ชัดเจน ซึ่งหอมและถูกใจผู้เขียนมากกก ก็ถือเป็นการพักผ่อนที่ดีค่ะ ก่อนจะตื่นขึ้นมาแล้วแทบจะจำหน้ากันไม่ได้ ฮ่ะ ฮ่า

[ทีมข่าวHFLIGHT]

สำหรับสาว ๆ ก็อย่าตกใจไปว่าจะถูกปล่อยตัวกลับด้วยสภาพหน้าสด เพราะที่ชั้นล่างก็จะมีมุมมหาศาลของเครื่องสำอางค์เกาหลีให้ได้ตกแต่งใบหน้าฟรีกันอย่างเพลิดเพลินใจ ^^

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เกาหลีเป็นดินแดนที่มีไอเดียแบบกุ๊กกิ๊กมากค่ะ ภายในอาณาจักรเครื่องสำอางค์แห่งนี้ก็จะมีมุม Teddy Bear Gallery ที่นำเหล่าไอดอลไม่ว่าจะเป็น SNSD, Wonder Girls, KARA, BIGBANG และ 2PM มาแปลงกายเป็นตุ๊กตาหมียืนเก๊กสวย เก๊กหล่ออยู่ในตู้กระจก แต่เมื่อเดินผ่านปุ๊บเสียงเพลงก็จะดังขึ้น ตุ๊กตาหมีก็จะโยกย้ายตามจังหวะเพลงของวงตน

[ทีมข่าวHFLIGHT]

แล้วก็ยังมีเจ้าหมีที่ถูกจับแต่งกายให้เหมือนตัวละครในซีรี่ย์ดัง ๆ อย่าง Full House, แดจังกึม, etc. ซึ่งเมื่อเดินผ่านไปเสียงเพลงประกอบละครนั้น ๆ ก็จะดังขึ้นมาคลอด้วยค่ะ

[ทีมข่าวHFLIGHT]

Paju Book City

Paju, Gyeonggi-Do, Korea

นอกจากเมืองพาจูจะมีศูนย์ความงามที่โด่งดังแล้วเมืองนี้ยังมีสำนักพิมพ์ตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก และมีห้องสมุดขนาดที่ต้องใช้คำว่า ‘มหึมา’ มีหนังสือมากมายเรียงบรรจุอยู่ในชั้นวางที่สูงถึงเพดาน ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็ก ๆ ก็ต่างก้มหน้าก้มตาอ่านกันอย่างจริงจัง ทำให้ Paju City มีนิคเนมว่า "Book City" อีกด้วย














และนี่ก็คือเมนูอาหารมื้อเที่ยงของเราค่ะ เป็น Italian food ในห้องอาหารที่ต้องเดินทะลุห้องสมุดแห่งนี้เข้าไป

[ทีมข่าวHFLIGHT]

Hyundai Premium Outlets

Gimpo City, Gyeonggi-Do, Korea

คนไทยก็คงจะคุ้นกับยี่ห้อ “Hyundai” กันอยู่บ้าง แต่ถ้าจะออกเสียง “ฮุนได” อย่างบ้านเรา โคเรียนก็จะงง ไกด์บอกว่าเราต้องออกเสียงว่า “ฮอนเด่ะ” ค่ะ เกาหลีจึงจะเข้าใจ ที่นี่เป็นสวรรค์ของขาช็อปแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในเมืองกิมโป ลักษณะคล้าย Premium Outlets ในบ้านเรา มีแบรนด์โน่นนี่นั่นมา on Sale กันล้นเหลือ และลำธารที่ถูกสร้างขึ้นในบริเวณนี้จะมีเด็ก ๆ กระโดดโลดเต้นเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน