26 replies to this topic

[ทีมข่าวHFLIGHT]

Advertisements

Photo by SuperDew

สวัสดีค่ะ

วันนี้เราจะขอพาทุกท่านบินไปกับสายการบินพรีเมี่ยมสีฟ้าสดใสสัญชาติไทย นั่นก็คือ Bangkok Airways ไปยังจุดหมายปลายทางที่เป็นอีกหนึ่งประตูสู่ท้องทะเลภาคตะวันออกของไทยอย่าง จ.ตราด กันค่ะ โดยรีวิวนี้เป็นการเดินทางเมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2558 (ก็ผ่านมาไม่นานเท่าไหร่เอ๊งงง ) และเราก็จะพาทุก ๆ ท่านไปชม...


"ห้องรับรอง" รูปโฉมใหม่ใสกิ๊งของ Bangkok Airways ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ




เครื่องบิน "ATR72-600" ลำใหม่ล่าสุด (ในขณะนั้น)




เยี่ยมชม "สนามบินตราด" สนามบินบูทีคลำดับที่สามของ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด




และเข้าไปนั่งเล่นพักผ่อนในบรรยากาศสบ๊ายยย สบาย ของห้องรับรองที่สนามบินตราดค่ะ

[ทีมข่าวHFLIGHT]

การเดินทางของเราในครั้งนี้ มีกำหนดการออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเวลา 07.50 น. และจะไปถึงสนามบินตราดในเวลา 08.50 น. ซึ่งหลังจากที่ได้เชคอินและผ่านการตรวจสอบสัมภาระที่นำขึ้นเครื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็รีบตรงไปยังห้องรับรองของ Bangkok Airways แทบจะในทันทีเลยล่ะค่าา




นี่ก็คือบรรยากาศของห้องรับรองที่บอกไว้ว่าเป็น "รูปโฉมใหม่"

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ห้องรับรองของ Bangkok Airways ได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งภายหลังจากปิดเพื่อการปรับปรุงก่อนหน้านี้ ห้องรับรองใหม่นี้ยังคงเน้นสีฟ้า คราม และน้ำเงินตามสไตล์ของ Bangkok Airways ที่ดูสดใสและให้บรรยากาศสบาย ๆ เช่นเคย แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือความทันสมัยและสะดวกสบายที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอินเทอร์เน็ต หนังสือพิมพ์ มุมเด็กเล่น และห้องนวดเพื่อสุขภาพ เป็นต้น ในส่วนของเที่ยวบินขาออกภายในประเทศที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ Bangkok Airways ได้จัดห้องรับรองไว้บริการ 2 รูปแบบ คือ Boutique Lounges สำหรับผู้โดยสารทุกท่าน และ Blue Ribbon Club (BRC) สำหรับผู้โดยสารที่มีคะแนน FlyerBonus ระดับพรีเมียร์ หรือผู้ที่ใช้สิทธิพิเศษจาก AIS Serenade

[ทีมข่าวHFLIGHT]

นอกจากนั้นก็ยังมีมุมบริการอาหารและเครื่องดื่มที่ Bangkok Airways เค้าจัดไว้เอาใจผู้โดยสารทุกคน ซึ่งผู้โดยสารเองก็จะถูกอกถูกใจกับในส่วนตรงนี้มาก ๆ เลยยยย








ส่วนนี่ก็คือ... "ข้าวต้มมัดในตำนานของ Bangkok Airways" ฮ่า ๆ ซึ่งใครได้ชิมก็มักจะ "ติดใจ" และคิดถึงจนอยากจะกลับไปชิมอีกบ่อย ๆ

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เมื่อใกล้ถึงเวลาขึ้นเครื่องบิน เราก็มาพร้อมกันที่หน้าเกท เพื่อตรวจบัตรโดยสารและเดินทางด้วยบัสรับส่งไปยังบริเวณที่จอดเครื่องบินในลานจอด ซึ่งพอเรามาถึงก็พบว่า... เครื่องบินที่จะพาเราไปสนามบินตราดในวันนี้เป็นเครื่องบินโดยสารรุ่น ATR72-600 ขนาด 66 ที่นั่ง ทะเบียน HS-PZB ลำใหม่ล่าสุดของ Bangkok Airways ในขณะนั้นค่ะ (ตอนนี้ก็ยังถือว่าใหม่อยู่นะ อายุอานามก็ยังไม่เกิน 1 ขวบเลยยย)

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เมื่อสัญญาณแจ้งรัดเข็มขัดดับลง อาหารเช้าร้อน ๆ มื้อที่สองจาก Bangkok Airways ก็มาเสิร์ฟตรงหน้าอีกครั้ง โดยเมนูในวันนี้มีข้าวเหนียวหมูทอด พานาคอตตา และเครื่องดื่มค่ะ ซึ่งทุกเมนูที่เสิร์ฟบนเที่ยวบินของ Bangkok Airways ก็จะต้องผ่านขั้นตอนการคัดสรรวัตถุดิบและปรุงด้วยความพิถีพิถันจากบริษัท ครัวการบินกรุงเทพ จำกัด (Bangkok Air Catering Company Limited) อีกหนึ่งธุรกิจหลักของบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่ทำหน้าที่ผลิตอาหารตามมาตรฐานสากลเพื่อให้บริการผู้โดยสารในเที่ยวบินของบริษัทฯ และผู้โดยสารของสายการบินต่าง ๆ อีกกว่า 20 สายการบิน

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ผ่านไปราว 1 ชั่วโมง ล้อเครื่องบินก็ลงสัมผัสพื้นรันเวย์อีกครั้งที่สนามบินตราด ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลท่าโสม อำเภอเขาสมิง และตำบลบางปิด อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เมื่อสัญญาณแจ้งรัดเข็มขัดดับลง ผู้โดยสารก็ได้ทะยอยเดินลงจากเครื่องบินเพื่อขึ้นรถรับส่งที่มีลักษณะโปร่งอากาศและถูกวาดลวดลายด้วยสีสันสดใสเป็นภาพสถานที่ท่องเที่ยวหมู่เกาะสำคัญแห่งท้องทะเลอ่าวไทย เป็นหนึ่งบริการที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ค่ะ




ส่วนทางพนักงานก็จัดการให้ผู้โดยสารได้รับสัมภาระที่ได้ฝากไว้ใต้ท้องเครื่องด้วยวิธีการที่เรียบง่าย สะดวกและรวดเร็ว แบบไม่ต้องใช้สายพาน อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของสนามบินแห่งนี้

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เมื่อ HS-PZB นำเที่ยวบิน PG301 ของเรามาส่งถึงจุดหมายด้วยความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว เค้าก็ทำหน้าที่นำผู้โดยสารในเที่ยวบิน PG302 เดินทางจากตราดไปยังกรุงเทพฯ ต่อค่ะ

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ทางสนามบินตราดนั้นมี Limousine Service ค่ะ ดำเนินการโดยบริษัท กรุงเทพ ลิมูซีน จำกัด บริการรับนักท่องเที่ยวไปส่งยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่นิยมมากที่สุดคืออุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองของประเทศ ขึ้นชื่อเรื่องหาดทรายขาว น้ำตกสวย และเป็นแหล่งชุมนุมปะการัง ซึ่งนักท่องเที่ยวก็สามารถเลือกใช้บริการเป็นแบบรายหัว (Joins Transfer) หรือเป็นเหมา (Private Transfer) ได้ตามความต้องการ ใช้ระยะเวลาเดินทางจากสนามบินไปยังท่าเรืออ่าวธรรมชาติเพียง 15 นาที และนั่งเรือต่ออีกประมาณ 30 นาทีก็จะถึงเกาะช้าง นอกจากนี้ยังสามารถว่าจ้างไปยังท่าเรือแหลมงอบเพื่อเดินทางต่อไปยังเกาะหมาก เกาะหวาย หรือท่าเรือแหลมศอกเพื่อเดินทางไปยังเกาะกูด เกาะกระดาด ได้เช่นกัน

ส่วนเราไม่ได้มีจุดหมายไปเที่ยวไหน แต่จะมาเยี่ยมชมและเก็บภาพบรรยากาศของสนามบินน้องเล็กของ Bangkok Airways แห่งนี้ไปฝากทุกคนค่ะ

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เอกลักษณ์ของสนามบินตราดที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดก็คงจะเป็นอาคารทรงสูง โปร่งอากาศ ที่มุงหลังคาด้วยแฝก เป็นความโดดเด่นอย่างแรกที่เห็นตั้งแต่มาถึง ซึ่งให้ความรู้สึกถึงบรรยากาศริมหาดที่มีบรรดาบังกะโลกระจายอยู่ทั่วไป






และพุ่มไม้ที่ถูกตัดแต่งเป็นน้องช้างนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของสนามบินตราด ที่อยู่ด้วยกันมาแต่ไหนแต่ไร

[ทีมข่าวHFLIGHT]

บริเวณโดยรอบของสนามบินตราดก็จะมีสวนยางพาราและไร่สับปะรด ซึ่งพืชอย่างหลังก็จะถูกนำมาแปรรูปเป็นอาหารว่างและเครื่องดื่มให้กับห้องรับรอง Bangkok Airways ที่นี่ด้วย

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ระหว่างที่เรากำลังเพลิดเพลินกับการชมไร่สับปะรดในช่วงเที่ยง เครื่องบิน ATR72-500 ทะเบียน HS-PGD ที่มีชื่อและวาดลวดลายเป็นเมือง Siem Reap ของ Bangkok Airways ที่นำผู้โดยสารจากกรุงเทพฯ มายังจังหวัดตราดด้วยเที่ยวบิน PG305 ก็มาถึงพอดีค่ะ

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เช่นเดียวกันผู้โดยสารในเที่ยวบิน PG306 ก็พร้อมแล้วที่จะออกเดินทางจากตราดไปกรุงเทพฯ

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ภายในอาคารที่ทำการของสายการบินก็ใช้การตกแต่งในโทนมีฟ้าสดใส

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ที่สนามบินตราดมีบริการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวด้วยการตรวจสอบเอกสารและพิธีการศุลกากรผ่านการควบคุมของเจ้าหน้าที่ (Customs Immigration Quarantine : CIQ) สำหรับผู้โดยสารขาออกที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศโดยเริ่มต้นที่สนามบินตราดนั้นจะได้รับการประทับตราจากสนามบินแห่งนี้เลย และเมื่อไปถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก็สามารถรอในส่วนของจุดเชื่อมต่อโดยไม่ต้องใช้เวลาในการรอรับการประทับตราที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอีก เช่นเดียวกันกับสัมภาระที่จะมีการส่งตรงไปถึงสนามบินปลายทางของผู้โดยสาร ส่วนผู้โดยสารขาเข้าจากต่างประเทศก็สามารถรับสัมภาระที่สนามบินตราดได้เช่นกัน แต่จะต้องรับการประทับตราผู้โดยสารเดินทางเข้าประเทศที่ท่าอากาศยานนานาชาติแห่งแรกที่เดินทางถึงในประเทศไทยก่อนตามกฏค่ะ




ซึ่งเมื่อผ่านด่านตรวจสัมภาระเรียบร้อยแล้ว เราก็จะเข้าไปพักผ่อนในห้องรับรองที่บอกได้เลยว่า "ชิลม๊ากกกกกกกกกกก" การตกแต่งยังคงเป็นสีฟ้า คราม และน้ำเงิน อันเป็นสีสัญลักษณ์ของสายการบิน อาคารโล่ง โปร่งอากาศ ไม่มีแม้กระจกกั้น เปิดให้ลมธรรมชาติพัดพาอากาศสดชื่นเข้ามาได้เต็มที่ และยังสามารถเห็นทิวทัศน์ในมุมกว้าง เห็นทั้งเนินเขารอบ ๆ ไร่สับปะรดและสวนยางพารา

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เรื่องของอาหารว่างและเครื่องดื่มนั้นก็มีบริการอย่างมากมาย ซึ่งบางอย่างก็คุ้นหน้าคุ้นตาเพราะเป็นอาหารที่นำมาจากครัวการบินกรุงเทพพร้อมกับเที่ยวบินแรกของวัน ส่วนบางอย่างก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นในจังหวัดตราดค่ะ

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ในช่วงเย็นที่เจ้า HS-PZB นำเที่ยวบิน PG307 มาส่งยังสนามบินตราด เราก็ต้องเดินทางกลับไปยังกรุงเทพฯ ด้วยเที่ยวบิน PG308 เที่ยวบินสุดท้ายของวันนี้ค่ะ




นี่ก็คือรูปโฉมอันหล่อเหลาของเจ้าเครื่องบินที่ทั้งมาส่งและมารับเราค่ะ

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เมื่อสำรวจกันจนอิ่มหนำใจแล้วเราก็ขึ้นไปบนเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับ




สำหรับอาหารร้อนมื้อเย็นในวันนี้เป็นเมนู ดังภาพค่ะ

[ทีมข่าวHFLIGHT]

นี่ก็คือเรื่องราวของสนามบินตราด สนามบินน้องสุดท้องของ Bangkok Airways ค่ะ และหากต้องการรู้จักกับสนามบินรุ่นพี่อย่างสนามบินสมุย และสนามบินสุโขทัย อีกสองสนามบินสุดบูทีคของ Bangkok Airways ก็ยังสามารถติดตามอ่านได้ที่นิตยสาร The aero นิตยสารด้านการบินชั้นนำของไทย ฉบับที่ 18 ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. 2558 ตามลิงค์นี้เลยค่ะ >> http://goo.gl/JHXdPK