46 replies to this topic

[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]

Advertisements

พั่มพั่ม พัมพั๊มพั่ม สวัสดีครับ รีวิวแรกที่นี่ครับผม ผิดพลาดไงขออภัย มีโอกาสได้ไปสัมผัสชั้นธุรกิจ new World Business Class ของสายการบิน KLM เที่ยวบิน BKK-AMS KL0876  กรุงเทพ-อัมสเตอร์ดัม 

 

 

พั่มพั่ม พัมพั๊มพั่ม จากท้องเรื่องนายน้ำฟ้ากำลังพักผ่อนไต่ผา หล่อมะค้าบ อิอิ จู่ๆก็ได้รับการทามทามจาก KLM สายการบินแห่งชาติเนเธอร์แลนด์ ( Royal Dutch Airlines ) ให้รับภารกิจมิชชั่นอิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการจากพื้นสู่อากาศ ลอยฟ้าบนชั้นวิมาน NEW!! World Business class ในเที่ยวบิน KL0876 กรุงเทพ-อัมสเตอร์ดัม โดยได้รับการกระชุ่นแถลงต่อว่าพวกเรา จะเป็นบล็อกเกอร์ชุดแรกที่ได้นั่งไปกับชั้นธุรกิจนี้ วะวะว้าว 

 

 

 

 

[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]

นายน้ำฟ้าเคยเจอประสบการณ์ตกเครื่องบินมาแล้วเพราะชอบเดินทางคาบลูกค้าบดอก ไปถึง Check-in desk ช้าไปห้านาที เกตก็ไกลสู่กู่ ต้องซื้อตั๋วใหม่แสนเศร้าใจ ต่อให้มั่นใจว่าวิ่งทันแต่ตามกฏเค้าไม่ออก Boarding pass แล้ววิ่งแหกด่านตม.ไปก็เท่านั้น ดังนั้นมาคราวนี้อุ่นใจไว้ก่อน โหลด KLM app ใส่มือถือไว้เสียเลยเพื่อทำการเช็คอินออนไลน์ล่ะ

 

[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]

และแล้ว KLM App ก็มาอยู่ในกำมือ พี่แท๊กซี่ไม่ต้องซิ่งให้หวาดเสียว เดี๋ยวค่อยๆ เช็คอินจากในรถเนี่ยแหละ หน้าจอ welcome ของแอฟสวยด้วยรูปเครื่องบินเท่ๆสีฟ้าขาวมุมมองแบบกระโดดออกไปถ่ายนอกเครื่องบินกลับมา ขนาดไฟล์ 15.670MB ตอนนี้เป็นเวอร์ชั่น 5.0.0 อัพเดทล่าสุด 11ตค.2557 สดสดร้อนๆ ยอดดาวโหลดมากกว่า 1 แสนครั้งแล้ว คะแนนแอฟ 3.8 (2684คนให้คะแนน เมื่อ 7ธค.57)
แอฟนี้ทำอะไรให้เราได้บ้าง
1. หาตั๋วเครื่องบิน KLM เช็คไฟล์ทเช็ควันที่เช็คราคา และชำระเงินผ่าน Cr card หรือ Paypal
2. Check-in และออก e-Boarding pass เช็คอินเป็นกลุ่มคณะก็ได้
3. จัดการ My booking เลือกที่นั่ง เปลี่ยนรายละเอียดการเดินทาง เลือกเครื่องดื่ม จัดการน้ำหนักกระเป๋าส่วนเพิ่มได้
4.เกาะติดข้อมูล departure และ arrival 
5.มี Airport navigator สำหรับสนามบินSchiphol (สนามบินหลักของเนเธอร์แลนด์และเมืองอัมสเตอร์ดัม)
เป็นต้น

[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]

[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]

มาลองทำการเช็คอินออนไลน์กันครับ ผ่านหน้าจอ welcome ก็สู่หน้าจอ Settings กันก่อน
1.เลือกประเทศต้นทางที่จะบินออก ในที่นี้ก็ต้อง Thailand โลด
2.จากนั้นเลือกภาษาสำหรับการแสดงผลครับ (มีหลากหลายภาษาแต่ไม่มีภาษาไทย)
3.จะทำการเช็คอินก็ต้องเลือก My bookings (ในที่นี้ตามท้องเรื่องผมได้รับ e-Ticket มาเรียบร้อยแล้ว ) ระบบจะให้เช็คอินล่วงหน้าได้ไม่เกิน 30ชม. ส่วนใหญ่ก็เช็คอินกันตอนเดินทางไปสนามบินล่ะ เห็นถ้ารถติดหยิบมือถือมาเช็คก่อนเลย จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาต่อแถวที่สนามบินอีก
4.เลือกป้อนค่า มี Booking code กับ Ticket number ซึ่งใน e-Ticket ของเรามีข้อมูลทั้งสองตัวนี้อยู่แล้ว 5.ในที่นี้ผมเลือกป้อน Booking code ครับ เพราะว่าเป็นรหัส 6ตัว ถ้าป้อน Ticket number จะเป็นเลข 13หลัก ช้า กลัวป้อนผิดด้วย
6.จากนั้นป้อนเที่ยวบินครับ ผมจะเดินทางไปอัมสเตอร์ดัม ไฟล์ทบินมีวันละเที่ยว เที่ยวไปใช้ KL0876 ส่วนเที่ยวกลับใช้ KL0875 จ้า

 

[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]

พอป้อน code ป้อน flight ก็เข้าสู่หน้าจอ Check-in
หน้าจอแจ้งข้อมูลรายละเอียดไฟล์ทบินของเรา และรายละเอียดผู้โดยสาร ชื่อ เพศ ระดับอายุ E-mail และเบอร์โทรติดต่อ ตราวสอบแล้วหากไม่ถูกต้องก็คลิก Edit details กันได้เลย จากนั้นยืนยันความถูกต้องโดยกด Continue ต่อไป
7. ป้อนสัญชาติ และ
8. ป้อนวันเดือนปีเกิด 
9. ป้อนข้อมูลเอกสารประกอบการเดินทาง โดยเลือกชนิดเอกสารของเราก่อน ในที่นี้เลือกพาสปอร์ต จากนั้นก็ป้อนเลขที่พาสปอร์ตและวันออกพาสปอร์ต เป็นอันเรียบร้อย ซึ่งสัญชาติ , วดป. และหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) นี้ป้อนครั้งเดียวในตอนเช็คอินขาไป
เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว ข้อความ “ You are checked in “ ปรากฏขึ้น

 

[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]

11.ระบบแจ้งว่าได้ทำการส่งเอกสารมาให้เราทางอีแมวครับ ไม่ต้องสนใจคลิก Go to My Trip ต่อไปเพื่อออก e-Boarding Pass 
12. มีให้เลือกรับบอร์ดดิ้งพาสทางมือถือเลย บางสายการบินต้องเช็คเมล์แล้วปริ๊นซ์ทำให้ไม่สะดวกเช็คอินระหว่างเดินทางไปสนามบิน ติ๊กถูกช่องแรก Send e-boarding pass ที่เป็นรูปมือถือ
13. คลิก Continue เสร็จพิธี ..... e-Boarding pass พร้อม QR code ปรากฏบนหน้าจอมือถือแว้ว
DONE ครับพี่น้อง โย่ว หนีบพาสปอร์ตกับมือถือแล้วโกโก โลด 

 

[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]

เข้ามาในสนามบินแล้ว สุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารอากาศยานที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ผมท่องจำไว้จนติดปากสมัยสนามบินแห่งนี้เพิ่งเปิดใหม่ๆ ว่า "เข้า2 ออก4 ซ้ายใน ขวานอก" คือ arrival อยู่ชั้นสอง, departure อยู่ชั้นสี่, ซีกซ้ายในประเทศ, ซีกด้านขวานอกประเทศครับ 555 สำหรับทริปนี้ก็จัดไป ชั้นสี่ซีกขวา อิอิ เดินมองหาช่องดรอปกระเป๋าและเช็คอินของ KLM เจอแล้วอยู่ช่อง P นั่นเอง อยู่ซีกกลางๆ ตรงกับประตู 7 

 

 

[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]

ใครเป็นเมมเบอร์วีไอพี หรือจองชั้นบิสซิเนสมาก็เดินเข้าช่องแรก Sky priority ได้เลย สำหรับคนที่มี e-boarding pass มาแล้ว เดินเข้าช่องบริการ Baggage drop-off กันได้เลยครับ

 

[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]

เมื่อทำการโหลดกระเป๋า พนง.Ground staff จะทำการติดแถบเหลืองคู่กับแท็กกระเป๋ามองเห็นชัดๆ เพื่อระบุสถานะกระเป๋าว่าเป็น Priority ตอนเราไปถึงปลายทางยืนรอกระเป๋าๆ ของเราลงสายพายมาใบแรกเพราะสติ๊กเกอร์ priority นี่แหละ
ในชั้นประหยัด (หรืออาจร่วมถึงชั้น Economic comfort) นน.กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่องจะให้ที 23กิโล (ให้โหลดใบเดียว) สำหรับในชั้นธุรกิจนี้ ผดส.ได้สิทธิเต็มพิกัดโหลดได้ 2ใบๆละ 32กิโลกรัมครับ carry on ได้อีก 18โลต่างหาก โดยหิ้วสัมภาระขึ้นเครื่องได้อีก 2ใบ+accessory เช่นโน๊คบุ๊ค จุใจกันไปเลย ดูรายละเอียดในภาพด้านล่างนี้

 

[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]

ดรอปกระเป๋าเสร็จ ผ่านขั้นตอนตม.ตรวจพาสปอร์ตเรียบร้อยเดินเข้าไปในเกต สำหรับใครที่ใช้บริการชั้นธุรกิจจะได้สิทธิ์ใช้บริการฟรีที่เล้านจ์ของสายการบิน หรือใครที่มาในชั้นประหยัดก็สามารถใช้บริการโดยชำระค่าบริการ เล้านจ์ของ KLM ตั้งอยู่ปีกขวาทิศตะวันตก ผ่านตม.เดินเข้าเกตแล้วเลี้ยวขาวเดินยาวมายังสี่แยกเกต E F G ที่มีศาลาไทยตั้งเด่นเป็นสง่าหลังนี้เลยครับ 
Cr.ภาพนี้จากวิกิพีเดียไทย

 

 

 

 

 

เจอศาลาไทยแล้วมองไปทางซ้ายปากทางเกต E จะเห็นป้ายไฟนี้ เจอแล้วครับป้ายบอกทางไปเล้านจ์ เขียนว่า ห้องรับรองสายการบิน/Airline Lounges เราเดินมานี่เป็น level 4 ต้องลงบันไดไปอีกชั้นนึง

 

 

[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]

เดินลงมา Level 3 แล้วเลี้ยวซ้ายที่สี่แยก ตรงไปทางคอนครอส F (ในเวปKLMเค้าจะเขียนว่าคอนครอสG แต่ไปเข้าจริงๆมันอยู่ F!) บริเวณนี้จะมีห้องรับรองสายการบินอื่นด้วย สำหรับของ KLM อยู่ขาวมือด้านไกลสุดครับ เดินไกลกันนิดนึง แผนผังด้านล่างผมดีมสีแล้ววงให้เห็นตำแหน่งศาลาไทย กับตำแหน่งเล้านจ์ของ KLM ให้ดูครับ หาไม่ยาก

 

[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]

หน้าตาด้านนอกห้องรับรองครับ เล้านจ์นี้เป็นเล้านจ์ AirFrance & KLM และสายการบินในเครือ Sky team อื่นๆ อีกหลายสายด้วย) เดินตรงเข้าไปติดต่อเคาว์เตอร์บริการด้านหน้า จากนั้นเค้าจะให้รหัสเล่น WiFi ด้วย
New AIR FRANCE KLM Lounge in Bangkok
ผู้โดยสารที่บินกับ AIR FRANCE – KLM สามารถผ่อนคลายไปกับบริการ VIP เล้านจ์ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ในราคาพิเศษ

การใช้สิทธิ์:
• ผดส.ชั้นธุรกิจทุกท่าน 
• ผดส.ชั้นประหยัดซื้อบัตรสามารถซื้อบัตรได้ที่เคาว์เตอร์เช็คอิน ราคาผู้ใหญ่ 1000บาท เด็กต่ำกว่า 17ปี 750บาท เด็กต่ำกว่า 2ขวบเข้าฟรี
• ผู้ถือบัตร Flying Blue Platinum และ Gold Elites ได้สิทธิ์พ่วงเพื่อนเดินทางเข้าไปอีก 1คน
• สำหรับผู้ถือบัตร Flying Blue Silver และ Ivory สามารถใช้แต้มในบัตร 5000ไมล์สำหรับผู้ใหญ่ , 3000ไมล์สำหรับเด็กไม่เกิน 17ปี และฟรีสำหรับเด็กไม่เกิน 2ขวบ

รองรับลูกค้าได้ 140ท่าน

 

[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]

เล้านจ์แบ่งเป็นสองโซนแยกซ้ายขวาแต่ connect กันได้ โซนสลัวกับโซนสว่าง โซนสลัวไปทางซ้าย โซนสว่างเลี้ยวไปทางขาว หาของกินเครื่องดื่มชมวิวเชิญโซนสว่างเลยครับ จะมีบุฟเฟ่ต์ บาร์ ที่พรั่งพร้อมด้วยหลายหลายเมนูอาหาร ขนมปังอบ สแน๊ค อาหารว่าง เครื่องดื่มที่รวมทั้งไวน์และที่สำหรับพรั่งพร้อมด้วยเบียร์ด้วย อันนี้ของโปรดนายน้ำฟ้า อิอิ ตรงไปเลือกหยิบสนพ. นิตยสารต่างๆที่เชลฟ์ก่อนเลย 

 

[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]

มุมต่างๆ ในโซนสว่าง

 

 

 

 

 

ไวน์แช่เย็น และบุฟเฟ่ต์บาร์

 

[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]

พักผ่อนดื่มเบียร์เย็นๆกันก่อนนะครับ อิอิ ไม่พอก็หยิบได้เรื่อยๆ แก้เมาเครื่องบิน //ใช่เหรอ

 

[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]

มาดูโซนสลัวๆ บ้าง โซนนี้ออกแบบสร้างบรรยากาศเงียบสงบ ไพรเวท มีมุมบริการอินเตอร์เนทด้วย 4 PC

 

 

 

 

 

เอาล่ะครับ ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว สำหรับความพิเศษมีระดับอีกอย่างของผดส.ชั้นธุรกิจคือไม่ต้องไปรอขึ้นเครื่องที่เกตล่วงหน้าครับ รอผดส.ชั้นอื่นขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้วทางเล้านจ์จะแจ้งให้ชั้นธุรกิจเดินไปขึ้นเครื่องได้เป็นกลุ่มถัดไป 

สำหรับไฟล์ทนี้ของเราเครื่องบินโบอิ้ง 747-400 จอดรออยู่ที่เกต E9 แล้ว ลำนี้

 

 

และนี่คือภายในชั้นโดยสาร new World Business class ครับ มีทั้งหมด 35ที่นั่ง (รุ่นก่อนปรับปรุงจะมี 42ที่นั่ง) มีสองชั้น ด้านล่าง 15ที่นั่ง บน 20 เราได้ชั้นบน

[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]

KLM ได้ปรับปรุงที่นั่งชั้นธุรกิจให้มีความสะดวกสบายขึ้น เพิ่มช่วง pitch จากเดินที่ยาว 5ฟุต หรือ 60" เป็น 63"/80" ช่วง pitch คือระยะความยาวสุดจากหน้าสุดถึงหลังสุดนะครับ เหยียดขาได้สบายขึ้นสำหรับคนตัวสูงๆ ส่วนช่วง width หรือความกว้างนั้นคงเดิมที่ 20" ซึ่งกว้างขวางเพียงพอ แต่ที่พิเศษสุดคือเบาะรุ่นใหม่ปรับเอนราบได้ถึง 180องศา ไฟล์ทยาวๆบินเกินสิบชั่วโมงนี่ลืมความเมื่อยขบไปได้เลย

 

 

 

 

 

ผังที่นั่ง new business class ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง

 

[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]

ปลั๊กไฟเต้าเสียบอยู่เยื้องไปด้านหลัง เป็นชนิด universal outlets 110 volt มีที่เสียบหูฟังอยู่ข้างๆ สำหรับใครที่ใช้ USB เป็นตัวหล่อเลี้ยงไฟจ่ายให้อุปกรณ์ แนะนำให้ติด adapter แปลง usb-ไฟบ้าน ขึ้นมาด้วยนะครับ ไม่งั้นจะมีงานกร่อยแบบเรา

หลังจากนั่งประจำที่ จะมีแจกผ้าเย็นหนานุ่ม หนากว่าที่ผมเคยได้รับในชั้นประหยัด แล้วก็มีบริการเครื่องดื่มทันทีชนิดไม่ต้องรอรอบ มาก่อนมาหลังนั่งปรับ cabin crew เดินมาถามเลยว่าจะรับเครื่องดื่มอะไรดี สำหรับผมก็ต้องไฮเนเก้นเบียร์ฮอลแลนด์สิ อิอิ
จากนั้นเค้าก็จะแจกกิ๊ฟเซ็ท ผู้ชายได้สีทึมๆ ส่วนคุณผู้หญิงได้สีชมพูๆ ของข้างในน่าจะแตกต่างกันเล็กน้อย ได้อะไรในกิ๊ฟเซ็ทสำหรับท่านชายบ้างผมถ่ายให้ดูแล้วครับในภาพด้านล่าง

 

 

 

 

 

นี่ครับ แหม แพลบๆ ก็จิบเบียร์หน่อยหย่อนใจได้ สักพักก็มีออเดิร์ฟเสริฟมาให้กินกรุ่ปกรอบเหมือนๆจะเป็นคุ้กกี้รสชาติไก่ๆ พวกของกินเนี่ยผมลิ้นจรเข้จริงๆ

 

[น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา]

ส่วนอาหารนั้นมาเป็นเมนูเล่มๆ เลยครับ ส่วนใหญ่ก็อาหารฝรั่งงแหละ จิ้มส่งๆไป เห็นมีเมนูคุ้นๆ อันนึงเขียนว่า Thai fired noodle เอ๊ะๆ คุ้นๆ แต่ยังเดาไม่ถูก พอจิ้มสั่งไปเค้าบอกว่าหน้านั้นสำหรับมื้อดึก

 

 

 

 

 

 

มาดูอุปกรณ์ควบคุมควมบันเทิงบ้าง รีโมทนั่นเอง หยิบขึ้นมาเห็นด้านข้างเป็นที่รูดบัตรเครดิต พลิกไปด้านหลังกลายเป็นแป้นโทรศัทพ์ แสดงว่าเราสามารถโทรหาใครบนโลกก็ได้จากบนนี้นะครับ ค่าโทรศัพท์น่าจะหลายอยู่ บนจอมอนิเตอร์ด้านหน้าของเรามีสกรีนอธิบายวิธีใช้รีโมทคร่าวๆ รีโมทนี้ยังเปลี่ยนโหมดเป็นตัวควบคุมเล่นเกมส์ต่างๆด้วย โดยต้องพลิกรีโมทเป็นแนวนอน มีอธิบายการใช้ในหน้าจอแต่ละเกมส์