จากนั้นมาเดินตามป้ายที่ชี้ว่า Transfer เลยครับ หาง่ายดาย ตอนนั้นคิดว่าเบาใจละตอนแรกแอบอ่านรีวิวมาบอกเดินยากป้ายบอกไม่รู้เรื่องแต่มาดูทีหลังปรากฏว่าเป็นสนามบินมุมไบหลังเก่า ตอนนี้มุมไบใช้สนามบินใหม่แล้ว แต่หารู้ไม่ว่าจะเจอฤทธิ์สนามบินอินเดียเข้าให้แล้ว
พอเจอส่วนทรานสเฟอร์ต้องไปที่เค้าเตอร์ก่อนครับ จากนั้นที่เค้าเตอร์นี่แหละจะแปลงกายเป็น ตม ของอังกฤษทันที ผมเดินทางไปกับเพื่อน พอดีเพื่อนเข้าไปก่อน เพื่อนผมภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง โดนถามภาษาอังกฤษสำเนียงอินเดียรัวๆ ผมเห็นเพื่อนเจอแบบนั้นเลยรีบเดินเข้าไปเลย รีบพูดแทน(เพราะผมเคยไปเอเอฟเอสมาปีนึงภาษาถือว่าโอเคด่าฝรั่งได้อย่างรวดเร็วใช้แค่ไขสันหลังคิดก็พอ)
จริงๆเริ่มเอะใจตั้งแต่เจ้าหน้าที่สายการบินถามฝรั่งกับครอบครัวข้างหน้าที่ถือพาสปอร์ตออสเตรเลีย ใช้เวลานานมากแล้ว เขามากันสามคนแต่แม่เป็นเอเชียแต่งตัวจัดๆผิวคลํ้าเล็กน้อย พอมาถึงคิวเพื่อนผม พอดีเพื่อนผมทางสถานทูตใส่วันไม่ตรงกับที่ขอเลยเมล์ให้เขาแก้ให้ใหม่ เขาเลยทำใบใหม่ให้พร้อมปั้มแคนเซิลในใบเก่า พอพี่แกเปิดเจอหน้าแคนเซิลนั้นเข้าไป ถามยิกๆทำไมปั้มแคนเซิลยูผ่านการเชคอินมาได้ไง เลยบอกให้แกเปิดไปอีกสามหน้าจะเจอวีซ่าตัวจริงที่ไม่ปั้ม จากนั้นแกก็เอากล้องส่องพระ ยํ้าว่าส่องพระ ส่องหาวัตถุโบราณเล็กๆส่องละเอียดยิกๆๆๆๆๆเอามือลูบคลำ หลับตาใช้จิตสัมผัส มีการเอาพาสปอร์ตไปส่องแสงตรงหน้าแรกว่าตรงกะหน้าเราไหม เขาเลยขอพาสปอร์ตผมไปพร้อมกันแล้วทำเหมือนกันเลย ผมอารมณ์เริ่มเสียละเพราะแกส่องนานมาก ทั้งๆที่หน้าพาสผมมีทั้งวีซ่าอเมริกา10ปีที่ยังไม่หมดอายุ มีรอย ตม เมกา เชงเก้นจากฝรั่งเศษที่ปั้มใช้แล้ว มีสแตมป์ของเกาหลีสองรอบ สิงคโปร์สองรอบ ญี่ปุ่น มาเลสองรอบ
เหมือนเขาดูของผมจนพอใจเลยกลับไปส่องของเพื่อนผมต่อ ตอนนั้นคิวที่ต่อผมยาวมาก เอาตรงๆว่าแอบอายแทนเพื่อน พอแกส่องจนพอใจก็ถามต่อไปกี่วัน ขอดูตั๋วกลับ มีใบจองโรงแรมไหม ผมเลยยื่นไปทั้งแฟ้มที่จองโรงแรมจองตั๋วรถไฟประกันการเดินทาง พี่แกก็มองทุกใบ จนบอกโอเค แล้วแปะสติ๊กเกอร์ที่หลังพาสปอร์ตผมและเพื่อน (แอบถามคนไทยที่ต่อข้างหลังตอนจะขึ้นเครื่องไปอังกฤษเหมือนกัน ก็เจอถามและส่องแบบเดียวกันเดะ)
พอผ่านเจ้าหน้าที่สายการบินไปได้จะเป็นส่วนเอ็กซ์เรย์ อันนี้ขอบอกว่านรกแตกมากไม่แพ้คนสกรีนวีซ่าของสายการบินครับ มันมีสามช่อง ผมได้ต่อคิวถึงสามช่องเลย คือพอจะถึงคิวแล้วเจ้าหน้าที่ขอดูบอร์ดดิ้งพาสแล้วบอกไปต่ออีกช่องละกัน คือเหมือนเริ่มใหม่นับ1 ต่อคิวอีกสามชาติ แถมแท๊กติดกระเป๋ามันมีของแอร์อินเดียอย่างเดียว ผมบินJet เลยถามเขาเป็นไรไหม เขาบอกไม่รู้ ผมก็เวรละถ้าต้องไปต่อใหม่นี่ยาวเลยนะ คนอินเดียข้างหลังใจดีเลยบอกผมว่าไม่เป็นไร ขอแค่ติดแท๊กและมีปั้มก็พอ แล้วตอนผมไปมีฝรั่งหญิงชาวตะวันตก มีปัญหากะของที่ผ่านเครื่องเอ็กซ์เรย์ เซอคิวริตี้แกก็ทำการเกะของโดยไม่บอกเจ้าตัวเจ้าตัวเลยโวยวาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ทุกคน ยํ้าว่าทุกคน หยุดทำงานพรึบ พร้อมใจกันไปมุงดู คิวเลยหยุดชะงักเป็นเวลากว่า10นาที T_T เฉพาะขั้นตอนรอสแกนกระเป๋าตรวจร่างกายนี่ขอบอกเลยว่าไม่ตํ่ากว่า 30 นาทีครับ (แต่ขากลับโอเคขึ้น)
จากนั้นพอผ่านมาได้ก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปเจอดิวตี้ฟรี พร้อมป้ายบอกเกทได้เลยครับ
ดิวตี้ฟรีไม่ใหญ่เท่าบ้านเราครับ แต่ของแอบแพงกว่านิดหน่อย บางอย่างก็ถูกกว่ามาก แนะนำว่าให้ซื้อของแบรนด์ Himalaya เป็นเครื่องสำอางค์อินเดียเองในร้านDrugstore ครับ บ้านเราขายแพงกว่ามาก ลิปมันบ้านเราขายแท่งละร้อยที่นั่น สิบกว่าบาท ชอกโกแลตแพงกว่าบ้านเราครับ ที่อังกฤษถูกสุด
มีไฟล์ทออกไปอังกฤษเวลาใกล้เคียงกันสามไฟล์ทครับ ไฟล์ทไปไทยก็ออกเวลาเที่ยงๆเหมือนกันครับ ทั้ง Jet และ Air India ถ้าของการบินไทยจะออกเย็นๆเลยครับ