39 replies to this topic

[DCRHAAFMTP]

Advertisements

สวัสดีครับชาว hflight ทุกท่าน ทริปสิงคโปร์ทริปนี้เกิดจากการที่จองโปร 8 SGD ของสกู๊ตได้ ตั๋วพร้อม เงินพร้อม เวลาพร้อม ก็เลยบินครับ 

อีกทั้งได้แรงผลักส่วนหนึ่งจากรีวิวนี้ด้วย http://www.hflight.n...ีวิวจุดที่นอนใ/

ทริปของผมเริ่มจากวันที่ 16 มกราคม ด้วยการบินเข้ากรุงเทพกับป้าม่วงของเรานั่นเอง ถึงเซกเตอร์ต่างประเทศเราจะไม่มีปัญญาบินกับป้า

แต่ขอบอกว่าในประเทศไม่แลใครเลยนอกจากป้านะเออ 55555555555555555 

รูปทั้งหมดในรีวิวใช้มือถือถ่ายนะครับ บางรูปอาจออกมาไม่งามนักต้องขออภัยด้วย 

 

เริ่มกันที่ขอนแจ่นแอผอดครับ วันนี้ ผดส. ก็เต็มตามปกติของไฟลท์ค่ำ วันนี้บินไฟลท์ TG 047 ครับ 

 

 

เช็คอินและรับบอร์ดดิ้งพาสเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งรอหน้าเกทครับ เกท 2 ตามปกติของการบินไทย จองงวงตลอดศก

 

 

บอร์ดแล้วครับ

 

 

พี่ๆ (?) FA ใจดี

 

 

 

วันนี้ผู้โดยแน่นทีเดียวครับ 

 

 

ถึงที่ของเรา วันนี้ได้ exit row ด้วย แอร๊ย! กราบพี่กราวน์สตาฟสามครั้งช้าๆ 

 

 

แต่แล้วก็หันไปเห็นสิ่งนี้เข้า โบ้ม นั่งประจันหน้ากับ crew seat นี่หนูจะถ่ายรูปได้ไหมคะ

 

 

และเราก็เทคออฟแบบเบลอๆ

 

 

อุปกรณ์ยังชีพในวันนี้ มาในกล่องอันคุ้นเคย และไซส์ที่คุ้นเคย 

 

 

ข้างในเป็นมัฟฟินครับ (ถูกมั้ย? ผมเป็นไทยบ้านนอกไม่ค่อยรู้จักชื่อขนมเท่าไหร่) กินยากมากกกก จริงๆ ว่าจะถือแล้วกัดให้รู้แล้วรู้รอดแต่เกรงใจสายตาคุณลุงข้างๆ

จำใจต้องใช้ช้อนกาแฟตักกินแบบ (ที่นึกคิดเอาเองว่าเป็น) ผู้ดี กว่าจะบรรจงตักใส่ปากได้แต่ละคำ ขนมร่วงกราวเต็มหน้าตัก อีแม่ 

 

[DCRHAAFMTP]

เมื่อจัดการกับของกินหมด เราก็แวะไปสำรวจห้องน้ำ

 

 

แอบถ่ายพี่สจ๊วตมาหนึ่งรูป ขนาดแอบผ้าม่านถ่ายยังยิ้มทัน แหม่

 

 

จากนั้นก็แลนด์ที่สุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพครับ ตัดมาถึงวันที่ 21 มกราคมเลยละกัน วันนี้เราจะบินไปสิงคโปร์กับ scoot กันครับ

 

 

เคาน์เตอร์ scoot อยู่ที่ row G ครับ สายการบินสีเหลืองสดใส

 

 

ไปสิงคโปร์จริงๆ นะ

 

 

วันนี้ผมมาเร็วครับ เคาน์เตอร์เช็คอินยังไม่เปิด จำเป็นต้องยืนรอเช็คอินโดยมีมวลมหาประชาชนจำนวนสี่ห้าท่านเป็นเพื่อน

 

 

บอร์ดดิ้งพาสสส

 

ไปสแกนกระเป๋ากันครับ วันนี้ไม่เรื่องมากแฮะ

 

ไปผ่าน passport control

 

 

คนน้อยครับวันนี้ อาจเป็นเพราะมาไม่ตรงช่วงคนเยอะด้วย ผมผ่านช่องอิเล็กทรอนิกส์ครับ ง่ายดี แต่ไม่มีประทับตรา 

 

[DCRHAAFMTP]

และเราก็ออกมาเจอแลนด์มาร์คของสุวรรณภูมิ

 

 

อีกมุมครับ

 

 

ไฟลท์เราออก 20.05 ครับ ที่เกท C1 

 

 

แอบแวะถ่ายมุมนี้มาหนึ่งรูป มันสวยจริงๆ นะ

 

 

แล้วก็ได้เวลาบอร์ด scoot จะเรียกผู้โดยสาร scootbiz บอร์ดก่อน ตามด้วยชั้นอีโค่เรียงจากแถวหลังสุดมาหน้าสุดครับ

 

 

ที่นั่งของเราในวันนี้ 

 

 

seat pitch 31 นิ้วครับ ผมสูง 170 นั่งสบายไม่อึดอัด เหยียดขาได้ เข่าไม่ติด 

 

[

 

บรรยากาศในเคบินขณะทำการบอร์ด ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวสิงคโปร์ครับ มีคนไทยบ้าง 

scoot เป็นโลว์คอสต์ที่ใช้เครื่อง Boeing 777-200 บินครับ เครื่องพวกนี้รับต่อมาจาก SQ อีกที วันนี้เราได้นั่งเครื่องที่จัดแบบ 3-4-3

แต่ใน fleet ของ scoot มีหนึ่งลำที่รับมาจาก SQ แบบไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรใดๆ เลย คือมี PTV และจัดชั้นอีโคแบบ 3-3-3 ซึ่งผมโชคดี

ได้นั่งตอนที่กลับจากงานสิงคโปร์แอร์โชว์ (เป็นการไปสิงคโปร์ครั้งหลังจากในรีวิวนี้) ซึ่งผมจะมารีวิวอีกทีครับ 

 

 

วันนี้ได้ window seat ครับ แอบเห็น hongkong airlines หนึ่งนายจอดอยู่ข้างๆ 

 

 

แคตตาล็อกสินค้าบนไฟลท์ครับ scoot เป็นสายการบิน no-frills เหมือนแอร์เอเชีย คือซื้อแค่ตั๋ว แล้วก็จะมีการขายสินค้าบนเครื่อง 

ซึ่งผมว่าราคาอาหาร เครื่องดื่ม ยังอยู่ในเกณฑ์แพงครับ โค้กกระป๋องละ 4 SGD (104 บาท) มาม่าถ้วยละ 5 SGD (130 บาท) 

ถ้าเป็นอาหารร้อนจะอยู่ที่ 12 SGD (312 บาท) แต่พวกของที่ระลึก โมเดล ผ้าห่ม พวกนี้ถูกนะครับ ซื้อหากันเอาไปเป็นของฝากได้

 

[DCRHAAFMTP]

ตอนเทคออฟไม่ได้ถ่ายอะไรทั้งนั้นครับเพราะกล้องไม่โฟกัส แถมมืดอีก TT___TT ตัดมาอีกทีตอนออกจากเครื่องเลยครับ 

ขอถ่ายรูปคุณ FA คนนี้ ดูนางจะอายซะเหลือเกิน 

 

 

ได้เหยียบสนามบินชางงีในตำนานแล้ว! วันนี้เราจอดที่ terminal 2 ครับ ซึ่งเป็น terminal หลักของ scoot เลย  

 

 

เป็นกะเหรี่ยงครับ เพิ่งเคยมาชางงีครั้งแรก ก็เดินๆ ตามป้ายและตามมวลมหาประชาชนไป

 

 

มาเจอสวนกลางเทอร์มินอล ตื่นตาตื่นใจเพราะที่บ้านเราไม่มี ขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระทึก 

 

 

 

 

ขึ้นมาเยี่ยมกิจการซะหน่อย แต่ที่นี่ 7-11 ของไม่ถูกนะครับ สินค้าใน 7-11 ทุกที่ในสิงคโปร์จะแพงมาก ควรระวัง เวลาซื้อของควรซื้อจากร้านค้าข้างนอกจะดีกว่า

 

 

มื้อแรกในสิงคโปร์ครับ ซับเวย์ เสียไป 6.60 SGD (172 บาท) เมื่อเทียบๆ กันแล้ว ซับเวย์ที่นี่ถือว่าถูกกว่าที่ไทยนะครับ 

 

 

สภาพแบงก์ 100 SGD ที่แลกมาหนึ่งใบ (พร้อม 100 USD เป็นทุนสำรอง) 

 

 

ตรงนี้คือกำแพงบริเวณ immigration ครับ มีหลายภาษาทีเดียว มีภาษาไทยด้วย

 

 

ด้วยความไม่รู้จึงผ่าน ตม. ออกมา เพื่อที่จะพบว่า ข้างนอกมันไม่มีอะไรเลย MRT ก็ยังไม่เปิดทำการ ปลั๊กก็ไม่เหมือนบ้านเรา 

โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ อยากจะร้องไห้ เป็นบทเรียนครับว่าถ้ามาไฟลท์ดึกๆ แล้ววางแผนจะรอ MRT เปิด

ห้ามผ่าน ตม. ออกมานะครับ ห้ามเด็ดขาด อยู่ในนั้นแหละ มีอะไรให้เล่นเยอะ ที่นอนก็มีเยอะด้วย มีปลั๊กอีกต่างหาก 

 

พอตั้งสติได้ ก็ลงไปฟู้ดคอร์ตข้างล่าง เพื่อที่จะหาอะไรกินครับ เครียดต้องกิน วุ้นเส้นลูกชิ้นปลาชามนี้ 4 SGD (104 บาท) ครับ 

แต่ในเมนูรู้สึกจะชื่อ Fish tang hoon รสชาติธรรมดาครับ แต่ตัวลูกชิ้นปลาอร่อยมากจริงๆ รับประกัน

 

[DCRHAAFMTP]

พอกินอิ่มแล้วก็เดินทัวร์สนามบินฆ่าเวลาครับ เดินโต๋เต๋ (จริงๆ ใช้รถไฟระหว่างเทอร์มินอล) มาที่ terminal 3 

 

 

ที่ชางงีมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะแยะเลยครับ 

 

 

กำแพงสีเขียวที่ baggage claim ของ terminal 3 กำแพงนี้ยาวประมาณ 300 เมตรครับ

 

 

เนื่องจากว่า MRT ยังไม่เปิด (เปิดตีห้า) จะเรียกแท็กซี่ก็ราคาแสนแพง (ชาร์จเพิ่ม 50%) จึงมีคนมานอนบริเวณเคาน์เตอร์เช็กอินของ terminal 3 ประปรายครับ

เฝ้าพระอินทร์กันสนุกสนานทีเดียว 

 

 

 

พอตีห้าปุ๊บเราก็นั่งรถไฟเข้าเมืองครับ ผมพักแถวๆ clarke quay ซึ่งราคา MRT จากสถานีชางงีไปถึงสถานี clarke quay อยู่ที่ 2.20 SGD (57 บาท) 

ซื้อตั๋วครั้งเดียวจบ หน้าที่ของเราคือแค่เปลี่ยนสายให้ถูกแค่นั้นเองครับ ซึ่งจากชางงีไป clarke quay ต้องเปลี่ยนสาย 2 ครั้ง คือ

1. เปลี่ยนจากรถไฟสายชางงี (ซึ่งจะวิ่งแค่ Changi - Expo - Tanah Merah) ไปเป็นสาย East-west line สีเขียว ไปทางสถานี Joo Koon 

2. เปลี่ยนจาก East-west line มาเป็น North-east line สีม่วง ที่สถานี Outram Park ขึ้นรถไฟที่มุ่งหน้าไปสถานี Punggol

จาก Outram Park นั่งอีก 2 สถานี ก็ถึง Clarke Quay แล้วครับ

อีกหนึ่งทางเลือกคือลงที่สถานี Raffles Place (ไม่ต้องเปลี่ยนสาย เพราะอยู่ใน East-west line) แล้วเดินไปที่พักเอาครับ จาก Raffles Place 

สามารถเดินไปได้ทั้ง Chinatown และ Clarke Quay เลยครับ ขึ้นอยู่กับความอึด 

 

ตัดมาที่พักเลยครับ เพราะตอนเข้าเมืองไม่ได้ถ่ายรูป ทั้งง่วงและเบลอ วันนี้พักที่ Woke Home Hostel ครับ ห่างจากสถานี  MRT Clarke Quay 

ประมาณสองร้อยเมตร มาเช็คอินตอนตีห้ากว่าๆ ยอมจ่ายค่าห้องเพิ่มไป 15 SGD ครับ เพราะง่วงหัวจะปักแล้ว ต้องการที่นอนด่วน 

 

นี่คือสภาพที่พักครับ มาถ่ายรูปเอาวันหลังๆ 

 

นี่คือลิฟต์ที่จะพาเราขึ้นไปโฮสเทลครับ woke home hostel จะมีสามชั้น คือชั้นที่ 4 5 6 ส่วนชั้นที่ 2 และ 3 จะเป็นพื้นที่ของ five stones hostel ครับ

ถ้าไม่มีคีย์การ์ดจะกดลิฟต์ไปชั้น 4 และ 5 ไม่ได้นะครับ เพราะเป็นชั้นที่พัก จะขึ้นไปได้แค่ชั้นที่ 6 อย่างเดียว

 

 

 

 

ตรงนี้เป็น common area ครับ มีคอมพิวเตอร์ให้ใช้ฟรี มีอาหารเช้าบริการ (คอร์นเฟลกส์ / ขนมปัง / นม) 

 

 

เดี๋ยวพรุ่งนี้ว่างๆ มาต่อนะครับ

[Ped.TD]

ขอบคุณสำหรับ review ครับ

รออ่านต่อนะครับ

[DCRHAAFMTP]

มาต่อแล้วครับ อุอุ 

 

รูป common room จะเห็นว่ากำแพงมีคนมาเขียนเต็มไปหมดครับ ทิ้งร่องรอยว่าครั้งหนึ่งฉันก็เคยมานอนที่นี่นะ อะไรแบบนี้ 

ผมลองๆ ไล่อ่านดู คนไทยเต็มเลยครับ 55555555555555555555 

 

 

 

 

เอากะเค้ามั่ง

 

 

สำรวจส่วนที่พักกันครับ Woke Home Hostel เป็น capsule hotel ที่แรกในสิงคโปร์ เริ่มดำเนินกิจการในปี 2012 ครับ ถือว่ายังใหม่อยู่พอสมควร

เราลงลิฟต์จากชั้น 6 ไปชั้น 5 ครับ วันนี้เรานอนแคปซูลหมายเลข 505 

 

505 เข้าประตูนี้เลย 

 

 

ได้แคปซูลข้างบนครับ มีม่านให้ปิดเพื่อความเป็นส่วนตัว (นิดหน่อย)

 

 

ข้างในแคปซูลมีที่นอน หมอน ผ้าห่มให้ครับ สะอาดดีมาก ปลั๊กที่นี่เป็นปลั๊กสามตาแต่ไม่ใช่แบบเดียวกับที่บ้านเราใช้นะครับ

โชคดีที่โฮสเทลมีอะแดปเตอร์ขาย อันละ 5 SGD (130 บาท) ในแคปซูลมีไฟอ่านหนังสือ กระจก และโต๊ะแบบพับได้อยู่ด้วยครับ

แอบมีพัดลมอันเล็กๆ (ประมาณพัดลมคอมพิวเตอร์ - -*) และที่สำคัญ มีทีวีให้ด้วยครับ แต่ผมไม่ได้ใช้

 

 

 

เนื่องจากวันแรกเหนื่อยครับ ไม่ได้นอน  เลยหลับยาว เสียวันนึงทิ้งไปฟรีๆ ตื่นมาอีกทีก็เที่ยงคืนแล้ว เลยนอนเล่นมือถือ ถ่ายรูปเงินสิงคโปร์เล่นๆ 

อันนี้เหรียญ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์รุ่นเก่าครับ รุ่นใหม่จะเป็นสองสีคล้ายๆ เหรียญสิบของเรา แต่จะเป็นรูปเมอร์ไลออนแทน

 

แบงก์ 10 SGD ครับ ธนบัตรที่นี่สัมผัสจะออกเป็นพลาสติก เหมือนแบงก์ 50 บาทรุ่นก่อนน่ะครับ  สัมผัสเหมือนเป๊ะ

 

 

เหรียญ 1 SGD เทียบกับเงินไทยครับ 1 SGD = 26 บาท (เรตจริงๆ คือ 25.85 บาท ณ ตอนนั้นครับ)

 

 

[DCRHAAFMTP]

โพสมั่วครับ แฮ่ ขอโทษที

[DCRHAAFMTP]

เหรียญ 1 SGD และ 50 cents ชัดๆ 

 

 

แบงก์ 100 USD ที่แลกมาไว้กันตาย และก็ได้ใช้จริงๆ 555555555555555555 

 

 

นอนกลิ้งไปกลิ้งมา รู้สึกตัวอีกทีก็ตีสอง เบื่อๆ เลยขึ้นมาชั้นหกครับ เพื่ออุดหนุนเจ้านี่ ซึ่งก็คือเครื่องขายน้ำแบบหยอดเหรียญนั่นเอง

จะมีตู้แบบนี้อยู่ทั่วไปในสิงคโปร์ครับ ตามถนนก็มี ผมแนะนำให้ซื้อพวกน้ำกระป๋องกับเจ้าตู้พวกนี้นะครับ ราคาถูกกว่าตาม 7-11 เยอะ

 

 

ราคาแพงสุดที่ 1.30 SGD (34 บาท) เองครับ ถ้าข้างนอกอาจเป็น 1.60 / 1.80 บางที่ถึง 2 ก็มีครับ โค้กธรรมดาๆ นี่แหละ

 

 

ด้อมๆ มองๆ อยู่สักพัก ก็ได้กระป๋องนี้มาครับ ชามะนาว รสชาติดีกว่าลิปตันบ้านเรานิดหน่อย ราคา 1.10 SGD (28.6 บาท)

 

 

เข้ามาข้างใน ปรากฏว่าอาหารเช้ามารอแล้วครับ (ตีสองเนี่ยนะ) ไลน์อาหารก็จะมีขนมปัง แยม พวกคุกกี้ มีชากับไมโลให้ด้วย 

 

 

ตัดมาอีกทีที่ตอนเช้า (ตัดบ่อยไปนะเมิง) ออกมาถ่ายรูปเล่นๆ ครับ ตึกสูงๆ ทางขวาคือย่าน Raffles Place เป็นอาคารสำนักงาน

พวก headquarters ของธนาคารใหญ่ๆ จะอยู่ตรงนี้เกือบหมดครับ ทั้งสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ OCBC UOB และอื่นๆ อีกมากมาย

 

 

แอบเห็น marina bay sands ไกลๆ 

 

 

และแล้วก็ได้เวลาเที่ยวจริงๆ จังๆ สักทีครับ วันนี้เราจะไปหาเมอร์ไลออนกัน จากโฮสเทล เดินเลี้ยวมาทางซ้าย จะเจอสี่แยกนี้ครับ

 

 

ข้ามถนนไปอีกฝั่ง ไปหาตึกสำนักงานที่มี starbucks ข้างใต้ตึก 

 

[DCRHAAFMTP]

เลี้ยวซ้ายแล้วเดินไปตามทางเดินตรงนี้ครับ

 

 

บ้านเมืองเขาสะอาดดีจริงๆ นะ ผมชอบมากเลย สะอาดแบบนอนกลิ้งกับพื้นได้ (เว่อร์)

 

 

เจองานศิลปะ 1 ea งานศิลปะแบบนี้พบได้ทั่วไปในย่านนี้ครับ ใช้เป็น landmark เอาไว้เผื่อหลงทางก็ได้ 

 

 

เดินมาอีกนิด เจองานศิลปะอีกชิ้น

 

 

เลี้ยวเข้าไปตรงหน้าทางเข้า MRT Raffles Place ก็ยังเจออีกชิ้น =_=

 

 

เดินทะลุเข้ามาใต้ตึกสำนักงานอะไรซักอย่าง และแวะสำรวจเซเว่นอีกรอบครับ 

แซนด์วิชชิ้นละ 3.2 SGD (83 บาท) น้ำขวดละ 1.80 SGD (47 บาท) ถามว่าซื้อมั้ย ไม่มีทาง 55555555

 

 

ที่นี่มีสเลอร์ปี้ด้วย ในขณะที่บ้านเราได้ยินว่าหมดสัญญากันไปแล้ว 

 

 

ข้าวซีพีจากไทยแลนด์ปรากฎกายที่สิงคโปร์ด้วยราคา 4.90 SGD (127 บาท) และ 5.40 SGD (140 บาท) 

 

 

เดินวนไปวนมาในเซเว่น สุดท้ายก็หยิบเจ้านี่ออกมาครับ มันคือนมผสมน้ำมะละกอสุก สนนราคา 0.95 SGD (25 บาท)

 

 

มาจากไทยแลนด์ แต่ทำไมไม่มีขายที่บ้านเราาาาาา ออกจะอร่อย 

 

[kenvlove]

ขอบคุณสำหรับ Review ละเอียดๆ ไม่รู้ว่ามาปาดหรือเปล่า แต่รู้สึกได้ว่า Review ยังไม่จบ

[DCRHAAFMTP]

โอ๊ะโอ ขอโทษด้วยครับ ช่วงนี้ยุ่งๆ ลืมรีวิวไปเลย กลับมาต่อกันดีกว่าครับ

 

หลังจากได้ไอ้นมมะละกอนั่นแล้ว เลยถือโอกาสถามพนักงานเซเว่นว่าแถวนี้มี money changer มั้ย เราได้คำตอบว่าอยู่ที่ชั้นสองของอาคารสำนักงานนี่เองครับ เราเลยขึ้นมาหา money changer เจ้านี้กัน 

 

เวลาจะแลกเงินมาสิงคโปร์ผมแนะนำอยู่ 2 แบบนะครับ คือ 

1. แลก SGD จาก super rich เลย ใช้เท่าไหร่แลกเท่านั้น

2. แลก SGD มานิดหน่อย พร้อมกับแลก USD มา แล้วเอา USD มาแลกเป็น SGD กับ money changer ที่นี่ เพราะเรตของพวก money changer จะดีกว่าเรต exchange ของธนาคารมากครับ  

 

วันนี้แลกกับอี mohammed thahir ได้เรตที่ 1.25 SGD ต่อ 1 USD ครับ ได้มา 125 SGD

ทำไมเรียกว่าอี เดี๋ยวมีคำตอบ

 

 

จากอาคารสำนักงานนี้จะมีทางเชื่อมลงไปอีกฝั่งของถนนนะครับ จะไปโผล่ลงหน้า the fullerton bay hotel 

เราก็เดินตามทางเชื่อมไปครับ และก็ไปเจอ changer เจ้านี้ ที่ให้เรตที่ 1.28 SGD ต่อ 1 USD.......... 

 

แสรดดดดดดดดด 3 SGD ของฉัน นั่นมันแปดสิบบาทเลยนะ!!!!!!! 

 

 

พอลงจากทางเชื่อมแล้ว เราจะลงมาอยู่หน้า the fullerton bay hotel ครับ จะเห็นน้ำพุแบบนี้

 

 

แอบเดินไปถ่ายรูปจุดหมายของเราในวันนี้ครับ marina bay sands นั่นเอง 

 

 

จากหน้าโรงแรม the fullerton bay hotel จะมีทางเดินที่เดินไปถึง merlion ได้ครับ เดินตามทางเดินหน้าโรงแรมไปเลย

เมื่อเดินไปเรื่อยๆ ก็จะผ่านประติมากรรมหรืองานอาร์ตอะไรสักอย่างหน้าตาแบบนี้ อยู่ทางซ้ายครับ ชื่นชมแล้วเดินต่อไป

 

 

 เดินไปตามทางเดินแบบนี้เลยครับ 

 

 

ผ่านเรือนำเที่ยวหรือเรืออะไรสักอย่าง และแน่นอนว่าเราไม่ได้ใช้บริการและเดินผ่านไป

 

 

เดินมาได้ประมาณห้านาที ก็ถึงแล้วครับ เมอร์ไลออน สิงโตครึ่งเงือก พ่นน้ำให้ประชาชนได้ชื่นชม เป็นแลนด์มาร์กของสิงคโปร์ที่ใครๆ ก็ต้องมาเยือน

อันนี้คือตัวใหญ่นะครับ จะมีตัวเล็กอยู่ใน merlion park ห่างกันไม่กี่เมตร แต่วันนี้ไม่ได้แวะครับ 

ปล. มีตัวใหญ่กว่าที่ Universal studios นะเออ แต่ก็ไม่ได้ไปชมเช่นกัน

 

 

แถวนี้นักท่องเที่ยวเต็มเลยครับ ผลัดกันถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน ไอ้เรารึมาก็มาคนเดียว จะไปขอให้ใครถ่ายให้ก็ไม่กล้า แค่นี้ละกัน

 

 

อันนี้เป็นวิดีโอบรรยากาศจริงที่เมอร์ไลออน ณ วันที่ไปเยือนนะครับ

 

 

 

หันไปเจอ esplanade theater เดี๋ยวเราจะเดินผ่านโรงละครนี้ไปครับ เพื่อไป singapore flyer และ marina bay sands

 

[DCRHAAFMTP]

เราเดินต่อไป singapore flyer ครับ ด้วยการเดินข้ามสะพานใกล้ๆ เมอร์ไลออน 

 

 

หันไปถ่ายรูป the fullerton hotel อีกเจ้า มีหลาย fullerton hotel มากครับ สับสน 

 

 

หันกลับไปดูเมอร์ไลออนอีกครั้งจากบนสะพาน 

 

 

ตรงนี้มีงานก่อสร้างด้วยครับ คาดว่าจะสร้างสะพานที่ไปเชื่อมใกล้ๆ เมอร์ไลออนเลย 

 

 

Esplanade theater หรืออาคารทุเรียนนั่นเองครับ ดูใกล้ๆ แล้วสวยมาก เหมือนทุเรียนจริงๆ 

 

 

หันกลับไปถ่ายวิวตึกบริเวณ Raffles Place หนึ่งรูป 

 

 

บริเวณหน้า Esplanade theater จะมีงานศิลปะอีกหนึ่งนาย ลงสะพานมาก็เจอเลยครับ ใช้เป็น landmark กรณีหลงทางได้ดีทีเดียว

 

 

อันนี้คือเส้นทางที่ผมเดินนะครับ เริ่มจากดาว คือ merlion แล้วเดินข้ามไป esplanade แล้วไปตรง promenade ก็คือ singapore flyer 

จากนั้นเดินข้ามสะพานมา Gardens by the bay แล้วเดินทะลุเข้ามา marina bay sands เป็นอันจบครับ

 

 

เราเดินรอบๆ อ่าวไปครับ เพื่อไป singapore flyer จนไปเจอนิทรรศการหรืองานบางอย่างที่ออกจีนๆ หน่อย

 

 

[DCRHAAFMTP]

น่าจะเป็นงานแสดงแสงสีเสียงหรืออะไรเทือกๆ นั้นครับ ตอนนี้ยังไม่มีคน เดาว่าคงจัดงานกันตอนเย็นๆ 

 

 

มีเทพอะไรสักอย่างตัวใหญ่ยักษ์

 

 

ในส่วนของเวทีลอยน้ำก็มีครับ 

 

 

หลังจากที่เดินพ้นจากงานจีนๆ นั่น ก็มองเห็น Singapore flyer แล้วครับ จากนี้เดินลอดใต้สะพานข้ามแม่น้ำไปก็ถึง 

ทางขวามือของรูปคือทางเดินข้ามไป Art and Science museum ครับ ที่เห็นเป็นอาคารที่มีหลายๆ กลีบเหมือนดอกไม้น่ะครับ

 

 

 

เย้ มาถึงแล้ว Singapore Flyer 

 

 

สนนราคาขึ้นกระเช้าครับ ผู้ใหญ่ 33 SGD (855 บาท) เด็ก 21 SGD (545 บาท) ส่วนผมเหรอครับ ผมไม่ขึ้นครับ

5555555555555555555555555+ มาดูเฉยๆ ว่าอยู่ตรงไหนเป็นยังไง 

 

 

หลังจากที่เริ่มเดินมาชั่วโมงกว่าๆ ถ่ายรูปนั่นนู่นนี่ เริ่มหิวครับ OTL สอดส่ายสายตาหาของกิน จนมาเจอตรงนี้ 

 

 

จุดนี้จะจำลองถนน ย่านต่างๆ ในสิงคโปร์ครับ แล้วก็มีของกินขึ้นชื่อมาให้ลองกัน หลังจากเดินวนไปวนมาสักพักก็ตัดสินใจเลือกร้านนี้

 

[DCRHAAFMTP]

ได้ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ใส่กุ้งมาครับ สนนราคา 8 SGD (205 บาท) รสชาติธรรมดา ไม่แนะนำให้มาทานที่นี่ครับ 

ของกินในเมืองราคาถูกกว่านี้ครึ่งหนึ่ง อร่อยกว่านี้ ได้เยอะกว่านี้ด้วย 

 

 

แอบถ่ายมาหนึ่งรูป ย้อนยุคดี

 

 

ด้วยความหงุดหงิดเลยไปต่อที่ไก่ป๊อบอายใกล้ๆ กันครับ สังเกตว่าที่สิงคโปร์ป๊อบอายจะแพร่หลายกว่าเคเอฟซีแฮะ

ส่วนที่ไทย... ได้ยินข่าวว่าสาขาสุดท้ายของประเทศ ที่อยู่ใน domestic concourse ที่สุวรรณภูมิ ปิดตัวไปแล้ว

 

 

ได้เซตไก่ทอด 2 ชิ้น บิสกิต กับน้ำอะไรสักอย่างรสชาติคล้ายๆ น้ำส้ม แต่ก็ไม่เหมือนน้ำส้มซะทีเดียว ชื่อ sjora

ไก่รสชาติโอเคครับ อมน้ำมันไปนิด บิสกิตอร่อยดี ชุดนี้ 5.80 SGD (150 บาท) 

 

 

หลังจากอิ่มและอารมณ์ดีแล้วก็เดินขึ้นชั้นสองของอาคาร Singapore flyer เพื่อเดินข้ามทางเชื่อมไปขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำกันครับ

 

 

เห็นรถบัสสองตอนหนึ่งนาย แปลกดีครับ ได้ขึ้นตอนไปสิงคโปร์รอบที่สอง เพราะใช้เป็น Shuttle bus ไปงานแอร์โชว์ 

ตอนเลี้ยวรู้สึกสยองว่ามันจะเลี้ยวไม่พ้นครับ ยาวเกิ๊น คนขับเก่งมากๆ

 

 

ขึ้นมาบนสะพานข้ามแม่น้ำแล้วครับ มองตัว Flyer จากอีกมุม

 

 

เห็นอาคารรูปเปลือกหอยไกลๆ นั่น คือ Gardens by the bay ครับ

 

 

มีเรือหนึ่งลำผ่านใต้สะพานไป

 

 

เดินบนสะพานข้ามแม่น้ำที่เป็นทางด่วนด้วยครับ เวลารถวิ่งผ่านก็เสียวที สะพานสั่นนิดๆ 

 

[DCRHAAFMTP]

มาถึงแล้ว Gardens by the bay ฮู้ว

 

 

ที่เห็นเป็นอาคารรูปร่างแปลกๆ แบบนี้ ข้างในเป็นป่าจำลองครับ ป่าดิบชื้นประมาณนั้น ค่าเข้า 5 SGD (130 บาท) ซึ่งเราก็ไม่ได้เข้าครับ

 

 

 

หันกลับไปดู Flyer อีกครั้ง 

 

 

เดินแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้อะไรทั้งนั้นครับ ไม่มีแผนที่ใดๆ 555555 โผล่ที่นั่นที่นี่ไปตามเรื่อง ตรงนี้เป็นน้ำพุครับ เต็กเต็มเลย

 

 

งานศิลปะ (อีกแล้ว)

 

 

มีงานก่อสร้างบางส่วนครับ น่าจะปรับพื้นที่เอาต้นไม้มาลงอีก

 

 

เดินผ่านบึง (?) เล็กๆ

 

 

มาถึง Supertrees แล้วครับ มีหลายที่นะครับ ถ้าเป็น Supretrees ที่ขึ้นไปชมวิวข้างบนได้ด้วย เสียค่าขึ้น 5 SGD (130 บาท) ครับ

 

 

ก้มลงไปอ่านวัฎจักรคาร์บอน สภาพเก่าแก่เหลือเกิน แต่เอ๊ะ ได้ยินว่าเพิ่งสร้างไม่ใช่หรือครับ เก่าเร็วจัง 

 

[DCRHAAFMTP]

 

นี่แหละครับ Supertrees ที่ขึ้นไปชมวิวข้างบนได้ด้วย เดิน skywalk ข้างบน 

 

 

เดินโต๋เต๋มาถึงบูธที่ให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการทำผ้าบาติกครับ

 

 

ในที่สุดก็เริ่มเหนื่อย ออกไป marina bay sands กันดีกว่าครับ 

 

 

 

เดินผ่านสะพานนี้ไป จะมีบันไดเลื่อนต่อจาก MRT ที่อยู่ข้างหน้า (ซ้ายมือในรูป) แล้วจะเป็นทางเดินที่ตัดผ่านโรงแรม marina bay sands ครับ

 

 

 เข้ามาถึงในตัวโรงแรมแล้ว อากาศในโรงแรมเย็นมากครับ ข้างนอกร้อนจนเหงื่อออก

 

 

 เดินออกมานอกตัวโรงแรมครับ เราจะไป the shoppes at marina bay sands เพื่อไปดูน้ำวนอันลือลั่น!

 

 

ลงบันไดเลื่อนสูงๆ เข้าไปในตัวห้างครับ

 

 

ที่นี่มีคาสิโนด้วยนะครับ อยู่ชั้น 1 แต่ต้องอายุ 21 ขึ้นไปนะครับถึงจะเข้าได้ ผมอดเลย เพิ่ง 20 

 

 

ที่ the shoppes เป็นห้างสรรพสินค้าไฮเอนด์มากครับ มีแต่แบรนด์แพงๆ ให้คนรวยมาช็อปปิ้งกันอย่างเมามัน 

ส่วนเราก็ช็อปหน้าต่างอย่างเมามันเช่นกัน เพราะไม่มีเงิน 

 

[DCRHAAFMTP]

ที่นี่มีคลองเล็กๆ เป็นของตัวเองด้วยครับ มีให้เช่าเรือ (พร้อมคนแจว) แต่ผมไม่ได้ถามราคามา 

 

 

ร้านค้าแบรนด์ไฮเอนด์มากครับ ผมว่าที่นี่ไฮกว่าพารากอนอีก 

 

 

เดินผ่านร้านที่ขายอาหารอะไรสักอย่าง ชุดใหญ่แพงมากครับ 388 SGD (10000 บาท) แถมต้องสั่งล่วงหน้าสองวันด้วย คงอร่อยมาก

 

 

และไฮไลท์ของวันนี้คือโชว์น้ำวนครับ ตระการตามาก และเสียงน้ำดังมาก

 

 

 

อันนี้แบบวิดีโอนะครับ

 

รีบวิ่งขึ้นมาดูข้างบนครับ แกรนด์มาก ห้างบ้านเราที่ว่าแกรนด์แล้วต้องชิดซ้ายไปเลย

 

 

 

น้ำวนนี่ไม่ใช่เล็กๆ นะครับ ดูตัวคนเทียบ

 

 

เดี๋ยวมาต่อนะครับ

[DCRHAAFMTP]

หลังจากที่ดูน้ำวนเสร็จแล้ว ปรากฏว่าง่วงครับ เพราะเดินออกมาจากที่พักได้เกือบสี่ชั่วโมงแล้ว ฮือๆ 

เลยเดินออกมาจาก The shoppes กลับมาทาง Raffles Place ครับ

 

 

เดินมาเรื่อยๆ ก็เจอกับงานอาร์ตอีกหนึ่งชิ้น - - เยอะมากจริงๆ 

 

 

ระหว่างเดินกลับก็เจอกับสิ่งนี้ มันคือพัดลมที่ใช้พลังงานจาก Solar cell ไอเดียดีครับ 

 

 

เราเดินกลับเข้าไปในดงตึก Raffles Place โดยเดินกลับทางเดิมกับที่เดินออกมาหาเมอร์ไลออนตอนแรกเลยครับ 

 

 

ตอนนี้เป็นช่วงเที่ยงพอดี บรรดาพนักงานแถวนี้ก็จะออกมานั่งพักคุยกัน และที่สำคัญ สูบบุหรี่ครับ 

 

 

เดินย้อนกลับมาทางเดิมเรื่อยๆ

 

 

เดินมาจนถึงตึกที่มี Starbucks ที่เจอตอนแรกเลยครับ และมองไปทางนี้ เดินข้ามถนนไป และเดินต่ออีกนิดเดียวก็เจอ Woke Home Hostel แล้วครับ

 

ตัดมาที่ตอนเย็นของวันเดียวกัน หลังจากที่นอนอีกยก ก็ออกมาเดินเล่นอีกครับ คราวนี้เดินขึ้นไปทาง Clarke Quay

เดินจากหน้าโฮสเทล เลี้ยวขวา ตรงไปเรื่อยๆ ครับ 

จะเดินผ่านซอยที่มีร้านอาหารร้านนี้

 

 

ซอยนี้เต็มไปด้วยคอมเพรสเซอร์แอร์ 

 

 

เดินผ่านสะพานไป

 

 

อาคารนี้น่าจะเป็นอาคารรัฐบาลสิงคโปร์นะครับ ผมก็ไม่แน่ใจ

 

[DCRHAAFMTP]

 

จากนั้นก็เดินวนเข้ามาทางโรงแรม Peninsula Excelsior แล้วเดินข้ามมาอีกฝั่งครับ เดินโต๋เต๋มาเรื่อยๆ จนเจอ Central Fire Station 

 

 

อาคารอะไรสักอย่างครับ สวยดี

 

 

เดินข้ามสะพานอีกครั้ง 

 

 

เดินตามหนุ่มสาวคู่นี้ไป ที่สิงคโปร์นี่ถ้าเป็นแฟนกันจะแสดงออกกันสุดฤทธิ์มากนะครับ คนโสดอย่างเราก็ได้แต่มองด้วยตาอันลุกเป็นไฟ

 

 

เดินผ่าน eating house อีกที่ ตอนเย็นๆ คึกคักมากครับ แต่ไม่มีโอกาสได้ลองใช้บริการ

 

 

สุดท้ายเดินเข้ามาในห้าง The Central ครับ ตอนนี้คือเดินแบบเดินจริงๆ ไม่ซื้อไม่กินอะไรเลย 555555

 

 

ตัดมาอีกทีตอนเที่ยงคืนครับ ตื่นขึ้นมาเพราะหิว ออกไปหาอะไรกินที่ Maxwell hawker center กัน

 

เริ่มจากหน้าโฮสเทลครับ เดินเลี้ยวซ้ายไปทางเดียวกันกันที่ไป Merlion แต่ไม่ต้องเลี้ยวไปทาง Raffles Place นะครับ เดินตรงยาวเลย

 

 

จะผ่านตึกหน้าตาแบบนี้ 

 

 

เดินตรงไปเรื่อยๆ ครับ จะผ่านวัดแขกไปอีก เดินประมาณ 10 นาทีได้ ก็จะถึง Maxwell food center

 

 

วันนี้เราเลือกร้านนี้ครับ บะหมี่กุ้ง