73 replies to this topic

[peter]

Advertisements

Hemis Monastery ตั้งอยู่สุดถนนอันคดเคี้ยวที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำสินธุ ห่างจากตัวเมืองเลห์มาประมาณ 45 กิโลเมตร เป็นวัดเก่าแก่โบราณที่มีอายุ กว่า 400 ปี ถือว่าเป็นวัดที่มีความสำคัญที่สุดของเมืองเลห์ โดยทุกๆปีจะมีการจัดงานระบำบหน้ากากของพระลามะ ให้ชมกันที่วัดเฮมิส ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงเดือน มิถุนายน - กรกฎาคม งานใหญ่ของวัดแห่งนี้คือการนำภาพพระกบฎขนาดมหึมา นำออกมาให้บูชาทุกๆ 12 ปี (ครั้งหน้าปี 2016) 

 

เดินขึ้นไปบนเขา เหนืออาราม  เหนื่อย หอบ

[peter]

ลามะน้อยเล่นกันบนลานหินบนเขาชัน 

 

ผู้แสวงบุญ Hemis Monastery

 

ลามะหมวกแดง Hemis Monastery

[peter]

เที่ยววัดลามะนิกายหมวกแดงเสร็จ ก็เดินทางไป Thiksey Monastery วัดลามะนิกายหมวกเหลืองต่อเลยครับ จุดชมวิวที่บน Thiksey Gompa  

 

Thiksey Monastery ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเลห์ไปทางทิศใต้ประมาณ 17 กิโลเมตร สถาปนาครั้งแรกในช่วงต้นศตวรรษที่ 14 โดยท่าน เซรัป ซังโป (Sherab Zangpo) แห่งสต๊อคในหุบเขาซันสการ์ (Stod of Zanskar Valley) ต่อมาในปี ค.ศ. 1430 ท่าน ปัลเลน เซรัป (Pandal Sherab) หลานของท่านเซรัป ซังโป จึงได้ทำการก่อสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นใหม่ ฝั่งเหนือของแม่น้ำสินธุ เป็นพระอารามใหญ่ประดิษฐานอยู่บนยอดเขากลางทุ่งราบ ฉาบด้วยสีแดงและขาวเรียงรายลดหลั่นตามเนินเขานับร้อยหลัง มีกุฏิรายล้อมอยู่รอบอารามหลักสูง 12 ชั้น รูปทรงของวัดมีความคล้ายคลึงกับ พระราชวังโปตาลา (Potala Palace) จนได้รับฉายาว่า Mini Potala  

 

 

Thiksey Monasteryเป็นวัดของพระลามะ นิกายหมวกเหลือง หรือ เกลุกปะ (Gelukpa) ซึ่งดาไลลามะองค์ปัจจุบันได้นับถือนิกายนี้เช่นกัน นิกายหมวกเหลือง ถือกำเนิดในทิเบตขึ้นเมื่อราวศตวรรษที่ 14 โดยท่าน ชงคาปะ (Tsongkhapa) พระลามะนักปฏิรูปที่นำหลักพระธรรมวินัย รวมถึงข้อบัญญัติของนิกายหมวกแดง นิงมาปา (Nyingmapa) และนิกายยกดัม ซึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้มาชำระปรับปรุงใหม่ คำว่า เกลุก แปลว่า ความดีที่เป็นกุศล จุดเด่นของนิกายหมวกเหลือง คือ พระลามะจะเน้นความเคร่งครัดในธรรมวินัย วัตรปฏิบัติ พระสูตร ที่เป็นวิชาการ รวมถึงการวิเคราะห์ธรรมะโดยวิธีตรรกวิภาษ (คือวิธีการโต้ตอบธรรมะอันมีมาจากต้นฉบับเดิมโดยอิงเหตุผลเป็นหลัก) 

 

[peter]

หลังจากนั้นก็เดินทางไป Shey Palace  
Shey Palace สร้างโดยกษัตริย์ Deldan Namgyal เพื่อระลึกถึงผู้เป็นพระบิดา Singge Namgyal กำแพงพระราชวังถูกฉาบด้วยทองคำผสมทองแดง ก่อสร้างเพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์แห่งลาดักห์ ภายในมีรูปปั้นของพระศากยมุณี ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้

[peter]

Stok Palace เป็นพระราชวังเก่าของกษัตริย์ราชวงศ์นัมเกียลแห่งลาดักห์ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1814 ในช่วงเวลาที่อาณาจักรลาดักห์กำลังเริ่มเสื่อมอำนาจลง เพราะเพื่อนบ้านชาวซิกข์จากแคว้นปัญจาบกำลังเข้มแข็งเป็นอย่างยิ่ง พอถึงปี ค.ศ. 1834 เมื่อ กุหลาบ สิงห์ (Tshespal Namgyal) กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งลาดักห์ จึงจำต้องสละราชบัลลังก์จากเลห์มาอยู่ที่พระราชวังสตอคแห่งนี้อย่างถาวร และเปิดทางให้ศาสนาอิสลามเข้ามาสถาปนาตั้งมั่นอยู่ในเลห์นับแต่นั้นมา

สตอคพาเลซ หรือพระราชวังสต็อค มีความสูงถึง 4 ชั้น ภายในมีห้องมากว่า 77 ห้อง แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในรูปแบบพิพิธภัณฑ์เพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น และห้ามถ่ายภาพภายในเนื่องจากถือเป็นเขตพระราชฐาน ซึ่งยังมีข้าวของเครื่องใช้ล้ำค่าของกษัตริย์และราชินีเก็บไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ และภาพทังก้า (Thangka หรือ ผ้าพระบฎ ลักษณะเป็นผ้าแขวนทิเบตเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ การเวียนว่ายตายเกิด และปริศนาธรม) อันเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ปัจจุบัน อดีตราชินียังใช้สตอคพาเลซเป็นสถานที่ประทับในฤดูร้อน ซึ่งถือว่าสืบทอดเชื้อสายราชวงศ์นัมเกียลเป็นรุ่นที่ 75 ดังนั้น การเข้าชมภายในจึงมีกฎระเบียบเคร่งครัดมาก โดยเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08.00-19.00 น.

[peter]

13 ก.ย. 2556 ออกเดินทางไป Nubra Valley ระยะทาง 124km. จาก Leh Ladakh ใช้เวลาเดินทาง 5 ชม. (ถ้าไม่มีการปิดขยายถนน) 

Shanti Stupa เจดีย์สันติภาพ เป็นเจดีย์สีขาว ขนาดใหญ่โดยญี่ปุ่นเป็นผู้สร้างขึ้นเพื่อประกาศพระศาสนาและแสดงถึงสันติภาพแห่งโลก เจดีย์นี้ตั้งอยู่บนยอดเขาในแทบจังสปา ห่างจากเมืองเลห์ประมาณ 2 กิโลเมตร เราสามารถเดินขึ้นบันไดไปชมเจดีย์ได้ หรือ จะนั่งรถแล้วต้องเดินทางต่ออีกสัก 5 นาที จากเจดีย์เราสามารถมองเห็นเมืองเลห์ได้ในมุมสูง และมองเห็นพระราชวังเลห์ และ วัดนัมเกลและป้อมแห่งชัยชนะ เจดีย์สันติภาพเปิดให้เข้าชมเวลาประมาณ 05.00 - 21.00 น. ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเ้ข้าชม

[peter]

Tsemo Monastery

[peter]

Stok Kangri 

 

[peter]

ย้อนกลับไปยังเส้นทางที่เรานั่งรถขึ้นเขามา เพื่อไปยัง Khardung La

[peter]

เบื้องหน้าเพื่อข้าม Khardung La

 

ข้าม Khardungla 5602 เมตร ซึ่งเป็นถนนที่สูงที่สุดในโลก  
 

[peter]

ระหว่างทางที่ติดอยู่บนเขา Khardungla 5602 เมตร เป็นเวลา 2 ชม. สาเหตุ คือ ระเบิดก้อนหินขยายถนน  ถ่ายรูปเล่น

[peter]

นั่งรถลัดเลาะไปตามไหลเขา 

[peter]

ถนนที่ใช้เดินทาง โอบล้อมด้วยเทือกเขาหิมาลัยและเทือกเขาคาราโครัม (Karakoram Range) ซึ่งเทือกเขาคาราโครัมนี้ เป็นเขตแดนตามธรรมชาติกั้นอินเดียกับปากีสถาน 

[peter]

Nubra Valley panorama 180degree อยู่ทางตอนเหนือของเลห์ เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์และัมี Shyok river ไหลผ่าน มีอากาศอบอุ่นกว่าเลห์ และมีความสูงที่ต่ำกว่าเลห์ ทำให้อากาศสบายๆ และเหมาะแก่การปลูกผลไม้เช่น แอปเปิ้ล แอปปลิคอต การเดินทางมายังนูบร้าวัลเล่ย์ จะต้องผ่านเส้นทางถนนที่สุงที่สุดในโลกและผ่านจุดที่สูงที่สุดของเส้นทางคือ Khardung La Pass ที่ระดับความสูงราว 5,602 เมตรจากระดับน้ำทะเล จากจุดสูงสุดของเส้นทางสามารถเห็นแนวเขาคาราโครัม แห่งปากีสถาน ที่มีหิมะปกคลุม การมาที่นูบร้าวัลเลย์นักท่องเที่ยวต้องทำ permit เช่นเดียวกับการเดินทางไป Pangong Lake ถือเป็นพื้นที่ห่างไกลและใกล้ชายแดน วิวระหว่างทางสู่นูบร้าวัลเล่ย์ก็สวยแปลกตา  

 

[peter]

Nubra Valley ตอนบ่ายสี่โมงเย็น แสงสวยมาก

 

ทุกคนถ่าย panorama 180 degree เป็นที่ระลึก nubra valley

[peter]

หลังจากนั้นรีบเดินทางไป Hundar valley  หมู่บ้านฮุนเดอร์ เรียกว่า หมู่บ้านธารน้ำไหล เพราะไม่ว่าจะไปทางไหนของหมู่บ้านจะได้ยินเสียงธารน้ำไหลตลอดเวลาลา ที่ฮุนเดอร์ยังมีเนินทะเลทราย สีขาว

[peter]

มาถึงที่นี้ก็ 5โมงเย็นกว่าๆ แล้ว ตั้งใจจะขี่อูฐ  แต่เห็นแสงสวยๆ  เปลี่ยนใจถ่ายรูปดีกว่า ไว้ขี่อูฐพรุ่งนี้ตอนเช้า

 

เดินเล่นเสพบรรยากาศไปเรื่อยๆ ที่ Hundar Valley หลังจากนั้นก็ไปหาที่พัก (ไม่ได้จองไว้ล่วงหน้า)

[peter]

Karma Inn ห้องละ 2500rs (1250บาท 2คน) รวมอาหารเย็นและเช้า 

 

บุฟเฟ่อาหารเย็นและเช้า  Karma Inn

 

[peter]

14 ก.ย. 2556 ตอนเช้าบนดาดฟ้า Karma Inn 

 

[peter]

เก็บสัมภาระเดินทางไป ขี่อูฐแต่เช้าแต่ยังไม่เปิดบริการ  เดินถ่ายรูปเล่นเนินทะเลทราย