183 replies to this topic

[Amakung]

Advertisements

เดินได้พอสมควรก็ตกเย็นพอดี อากาศเริ่มเย็นลงทีละน้อยในขณะที่ฝนยังตกปรอยๆ วันนี้เรามาทานปูกันที่ร้าน Kani Doraku (かに道楽) สาขา Juso (十三) ข้าม Yodogawa ไปไม่ไกล ร้านนี้มีสาขาอยู่ที่ Dotonbori ด้วยแต่สาขานั้นถูกจองเต็มแล้วครับ



หิวแล้ว เข้าร้านกันเลยครับ



ที่ชั้นหนึ่งมีอ่างปูอยู่ จากนั้นเราต้องขึ้นลิฟท์ (แคบๆ) หรือขึ้นบันไดไปชั้นสอง

[Amakung]

อาหารเรียกน้ำย่อยเริ่มจากเนื้อปูดิบเสิร์ฟพร้อมผักดองและวาซาบิ หวาน อร่อย ไม่คาวเลยครับ



ตามด้วยปูย่างร้อนๆ ที่นี่เราไม่ต้องแกะปูเอง ร้านจะหั่นครึ่งมาแล้วให้เราใช้ไม้โค้งๆ แคะออกมาเอง



แล้วก็เป็นปูชุบแป้งทอด เสิร์ฟพร้อมพริกหยวกและฟักทอง

[Amakung]

ระหว่างนี้ก็มีไข่ตุ๋นใส่เนื้อปูเสิร์ฟให้ทุกคน อร่อยนุ่มลิ้น



และเมนูของคาวสุดท้ายเป็นข้าวปั้นใส่เนื้อปู จิ้มโชยุที่ใส่วาซาบิ จมูกโล่งดีครับ

[Amakung]

เมื่อท้องอิ่มก็ได้เวลากลับโรงแรมครับ แต่อิ่มอืดขนาดนี้อยู่เฉยๆ ไม่ได้ ผมจึงลองเดินไปขึ้นรถไฟ Hankyu ที่อุเมดะแล้วนั่งต่อไปอีกสามสี่สถานี ที่จริงอยากนั่งไปถึงสนามบินอิตะมิแต่ไกลไปนิด เลยลงรถที่สถานี Shonai (庄内) แล้วนั่งกลับอุเมดะ ตอนนั้นรู้สึกได้ชัดเจนว่าอุณหภูมิลดลงจากเมื่อตอนเย็นมาก ดีนะที่เตรียมเสื้อหนาๆ มาแล้ว


เช็คพยากรณ์อากาศจาก JMA หลังกลับถึงห้อง ยืนยันว่าพรุ่งนี้อากาศดี แต่อุณหภูมิลดเหลือ 3 - 8 องศา หนาวแน่

[Amakung]

เช้าวันที่ 2 มีนาคม วันสุดท้ายของทริปนี้ ผมลงมาทานอาหารที่ห้องอาหารตะวันตกเหมือนเดิม ดูเหมือนอากาศวันนี้จะเป็นใจมากกว่าเมื่อวานมากทีเดียว



ได้เวลาบอกลาวิวสวยๆ ของเมืองโอซากา ตึกสีเงินที่สองจากทางขวาคือ Umeda Sky Building ครับ ผมวางแผนจะขึ้นไปอยู่แต่เห็นวิวที่โรงแรมก็สวยดีอยู่แล้ว แถมต้องเดินไปอีกเป็นกิโล ไม่เอาดีกว่า

[Amakung]

วันนี้เป็นวันที่ผมจะได้เที่ยวเองจริงๆ เพราะคณะกลับไปกันหมดแล้วตั้งแต่เมื่อคืนครับ
ผมวางแผนว่าจะเดินทางไป Shirahama (白浜) ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศในจังหวัด Wakayama (和歌山) หลังจากนั้นก็กลับมาโอซากาแล้วค่อยไปสนามบิน ผมจึงนั่งแท็กซี่มาที่ JR Osaka (ค่าแท็กซี่ประมาณ 800 เยน) พร้อมลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไปด้วย



จากนั้นก็นั่งรถไฟสาย Osaka Loop Line มาลงที่สถานี Tennoji (天王寺) ที่นี่มีล็อกเกอร์อยู่ใกล้ชานชาลาที่ 9 (ชั้นบน) แต่ตรงนั้นมีตู้ใหญ่ไม่เยอะ ให้เดินผ่านประตูตั๋ว เลี้ยวซ้ายไปทาง South Entrance เลี้ยวซ้ายอีกทีไปตรงทางเข้าห้าง MIO ตรงหัวมุมจะเจอห้องล็อกเกอร์พอดี ผมจัดการเก็บกระเป๋าใหญ่เข้า coin locker ให้เรียบร้อย ค่าใช้ตู้ใหญ่ (ใหญ่พอใส่กระเป๋าใหญ่และ carry-on ได้อย่างละใบ) 600 เยนครับ
พอเก็บของเสร็จก็ไปเข้าห้องน้ำ พอคิดว่าตอนเย็นต้องกลับมาที่นี่เลยถามประชาสัมพันธ์ใกล้ๆ ว่าที่นี่มีร้านอาหารอร่อยๆ ไหม พนักงาน (ที่พูดภาษาอังกฤษได้) บอกว่ามีร้านนึงใกล้สถานี เดี๋ยวรอดูนะครับว่าอยู่ตรงไหน



ทำธุระเสร็จก็ไปซื้อตั๋ว ปรากฏว่าค่าตั๋วไปชิราฮามะแพงเอาเรื่อง (4620 เยนต่อเที่ยว) เห็นแบบนี้ผมเลยซื้อ Kansai Wide Area Pass ทันที ราคา 7000 เยนและใช้ได้ 4 วัน ครอบคลุมการเดินทางดังนี้

• Sanyo Shinkansen จาก Shin-Osaka ถึง Okayama (岡山) ไม่จำกัดชนิดรถไฟ
• JR ไปทางตะวันตกถึง Kurashiki (倉敷)
• JR ขึ้นเหนือถึง Kinosaki onsen (城崎温泉) และ Hamasaka (浜坂）
• JR ไปทางตะวันออกถึง Tsuruga (敦賀)
• JR ลงใต้ถึง Shingu (新宮)
• รถไฟ Haruka Express ไปสนามบินคังไซ

เราสามารถนั่งได้เฉพาะ non-reserved seat เท่านั้นครับ ถ้าอยากนั่ง reserved ต้องจ่ายเพิ่ม ในเมื่อตั๋วไปกลับชิราฮามะก็เกิน 7000 แล้ว พาสนี้จึงคุ้มกว่าเห็นๆ พอซื้อตั๋วเสร็จก็ลงไปที่ชานชาลา 15 รอรถขบวน Limited Express Kuroshio (くろしお) ซึ่งสุดทางที่ชิราฮามะพอดี

[Amakung]

ตากอากาศหนาวๆ หกองศาไม่นานรถไฟก็มาครับ ถ้าจำไม่ผิดที่ non-reserved อยู่โบกี้ 2,3 ที่นั่งส่วนใหญ่ยังว่างอยู่ แต่คัน reserved มีคนญี่ปุ่นแก่ๆ นั่งเต็มเลยครับ



รถไฟวิ่งไปเรื่อยๆ ช่วงแรกผ่านรอบนอกโอซากา



หลังจากวิ่งได้ 1 ชั่วโมง รถไฟจะจอดสั้นๆ ที่สถานีวากายามะแล้วออกเดินทางต่อ ทิวทัศน์สองข้างก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากสิ่งก่อสร้างกลายเป็นภูเขาสีเทาที่มีแต่สนที่ยังให้สีเขียว แล้วก็กลายเป็นชายฝั่งครับ



ถ่ายแท็กเล่นๆ ระหว่างมองดูวิวข้างทาง

[Amakung]

นั่งรถไฟจาก Tennoji ได้สองชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงชิราฮามะครับ ในอินเตอร์เน็ตไม่ค่อยมีข้อมูลเรื่องการเดินทางภายในเมืองนี้มากนัก (ที่ผมอ่านออก) เลยไปสอบถามกับประชาสัมพันธ์ใกล้ๆ ก่อน เธอพูดอังกฤษได้บ้างนิดหน่อย แต่ก็ดีที่มีไอโฟนติด 3G ใช้ Google Translate แปลได้สบายบรื๋อ คุยกันเสร็จเธอก็ยื่นแผนที่เมืองและตารางเวลารถบัสให้ แล้วผมก็ไปซื้อ one day bus pass ราคา 1000 เยนที่บู๊ทใกล้ๆ ก่อนกลับมารอรถ ถึงจะบ่ายโมงแล้วแต่อุณหภูมิก็ยัง 6 องศาเหมือนเดิมครับ หนาว



ไม่นานรถบัสก็มาถึง ผมจะเดินทางไป Sandanbeki ก่อน ขึ้นรถ Meiko Bus สาย 1 ครับ
อ้อ ในรถประกาศเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้นนะครับ

[Amakung]

รถบัสคันนี้สุดสายที่ Sandanbeki พอดี มาหาอะไรกินกันก่อนครับ คิดตั้งแต่เมื่องานแล้วว่าอยากกินหอยย่าง ยิ่งตรงนี้ใกล้ชายฝั่ง ลมแรงกว่าเดิม หนาวครับ อยากกินอะไรอุ่นๆ



แล้วก็เจอหอยย่างสมใจ อยากกินอะไรเบสิกๆ บ้างหลังจากอยู่ในโอซากามาตลอดสามวัน คุณป้าหน้าร้านเรียกลูกค้าใหญ่ อดไม่ไหวละครับ ต้องกินละ



ย่างหอยโฮตาเตะ (ホタテ) หอยซาซาเอะ (さざえ) และปลาหมึกกันสดๆ หน้าร้าน



สี่คนพ่อแม่ลูกไม่มีใครรู้ว่าซาซาเอะคืออะไรเลยสั่งมาสองตัว พ่อกินบอกว่ารสชาติเหมือนหอยหวานบ้านเรานี่แหละ

[Amakung]

กินหอยอย่างเดียวก็ไม่อิ่มครับ เลยสั่งยากิโซบะและราเมงมาอย่างละสอง อย่างละ 400 เยน ถูกกว่าในโอซากามากมาย





กินได้สักพักคุณป้าก็เอาสตรอเบอรี่มาให้ บอกว่าอันนี้แถม แหมใจดีจัง

[Amakung]

ขอถ่ายรูปคุณป้าเจ้าของร้านก่อนเดินต่อ ชูสองนิ้วให้เลย ) คุณป้าน่ารักจริงๆ ครับ โอกาสหน้าถ้ามาแถวนี้จะมาอุดหนุนอีก

[Amakung]

Sandanbeki (三段壁 - กำแพงสามชั้น) เป็นหน้าผาสูง 50 เมตรจากระดับน้ำทะเล ตรงนี้จะมีจุดชมวิว และเราสามารถเดินลัดเลาะขอบหน้าผาไปได้จุดสุดทาง เสียดายที่ผมมีเวลาไม่มากนักเลยได้แค่ถ่ายรูป แต่จะถ่ายรูปก็ลำบากเพราะขอบอกว่าตรงนี้หนาวและลมแรงมากครับ มือไม้แข็งไปหมด

[Amakung]

ที่สำคัญคือเราสามารถลงลิฟท์ไปที่ถ้ำด้านล่างได้ ค่าเข้าชม 1200 เยนครับ พอมาถึงก็จะเจอแบบจำลองเรือโจรสลัดสมัยเมื่อหลายร้อยปีก่อน



มองออกไปข้างนอก ถือว่าเห็น Sandanbeki จากมุมต่ำบ้างครับ



เอ๊ะดูเหมือนมีคนนั่งบนโขดหินตรงนั้น นั่งเรือไปเหรอ

[Amakung]

ข้างใต้นี่มีศาลเจ้า Benzaiten (辯財天) อยู่ สมัยก่อนที่นี่เคยเป็นที่หลบซ่อนของพวกโจรสลัดครับ



มีถ้ำมืดๆ แฉะๆ

[Amakung]

และมีคลื่นซัดเข้ามาดังโครมๆ



ได้แรงคลื่นกัดเซาะหินเป็นรูปร่างต่างๆ



และยังมีสีสันสวยงามด้วยครับ

[Amakung]

พอเดินชมถ้ำจนรอบแล้วก็ได้เวลาเดินทางต่อครับ ชิราฮามะนี่มีชื่อเสียงอย่างหนึ่งคือบ่อน้ำพุร้อน หรือเรียกง่ายๆ ติดปากว่า onsen (温泉) ครับ โดยที่ที่โด่งดังที่สุดเห็นจะไม่พ้น Sakinoyu (崎の湯) ซึ่งว่ากันว่าเป็นออนเซ็นที่เก่านับพันปี อีกสองที่ที่เก่าใกล้เคียงกันคือ Arima onsen (有馬温泉) ใกล้โกเบและ Dogo onsen (道後温泉) ที่ชิโกกุ
เริ่มจากขึ้นรถบัสสายเดิมมาที่ป้าย Yuzaki (湯崎) แล้วเดินมาทางเนิน จะเห็นป้ายสีแดงเขียนชัดๆ ว่า ‘Sakinoyu Open Air Spa’



แล้วก็เดินต่อเข้าไปในตรอกเลียบทะเลเล็กๆ เงียบๆ



เห็นหาดเมืองชิราฮามะได้ชัดเจน ทะเลที่นี่ก็สวยดีนะครับ แต่หนาวไป (ในช่วงนี้นะครับ หน้าร้อนที่นี่คนเยอะมาก)

[Amakung]

เดินประมาณ 350 เมตรก็ถึงครับ



มาซื้อตั๋วเข้ากันก่อน ค่าเข้า 400 เยนครับ ถ้าใครไม่มีผ้าเช็ดตัวมา ที่นี่ก็มีผ้าผืนเล็กๆ บางๆ ให้ในราคา 200 เยน



ห้องอาบน้ำที่นี่แบ่งเพศชัดเจน ซ้ายของผู้ชาย ขวาของผู้หญิง พอเดินผ่านเข้าไปก็จะเจอช่องเก็บของ ซึ่งเราก็ถอดเสื้อผ้ากันตรงนั้นแล้วเข้าไปเลย และเนื่องจากออนเซ็นนี้เหมือนเป็นโขดหินยื่นออกไป ดังนั้นลมแรงพอสมควรครับ ไม่หนาวก็ให้มันรู้ไป



ในนั้นไม่ให้ถ่ายรูปผมเลยหยิบรูปที่ไปค้นมาให้ชมครับ


http://www.gensenkak...t/sakinoyu.html
แต่งงมากว่ามีคนญี่ปุ่นเอากล้องตัวเล็กๆ ใส่ถุงพลาสติกเข้าไป มีคนนึงขอให้ผมถ่ายรูปให้ด้วย (ทั้งที่นั่งอาบนั่นแหละ) ผมก็ตอบ (เป็นภาษาอังกฤษ) ว่าเค้าไม่ให้ถ่ายไม่ใช่เหรอ พี่แกก็ทำหน้างงๆ แล้วให้อีกคนถ่ายให้ ซึ่งเค้าก็ถ่ายให้โดยดี สรุปว่าเค้าไม่ได้ให้ถ่ายจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย

[Amakung]

ผมพยายามเต็มที่ที่จะไม่ให้ผ้าเช็ดตัวผืนน้อยเปียก สุดท้ายก็ไม่รอด โดนลมพัดตกน้ำ พอขึ้นมาเลยพยายามบิดผ้าให้หมาดแล้วเช็ดตัว แล้วก็รอให้ตัวแห้งก่อนใส่เสื้อผ้า หนาวอย่าได้บอกใคร

ทิวทัศน์รอบๆ Sakinoyu ตรงนั้นคือ Undersea Observation Tower “Coral Princess” (海中展望塔 - Kaishu tenboto)


(ไม่ต้องห่วงนะครับ คนจากหอนั่นไม่เห็นคนที่กำลังลงออนเซ็น )

คลื่นซัดเข้าฝั่งอย่างไม่หยุดหย่อน และลมก็ยังแรงเหมือนเดิม


ข้างหลังนั้นคือเกาะเอนเก็ตสึ (円月島 - Engetsu-to) สถานที่ท่องเที่ยวหลักอีกแห่งชองชิราฮามะครับ เป็นเกาะรูปเหรียญ 5 หรือ 50 เยนผ่าครึ่ง บางวันพระอาทิตย์จะตกตรงรูพอดี คนก็จะแห่ไปถ่ายรูปกัน

[Amakung]

ออกจากออนเซ็นตอนสี่โมง ยังเหลือเวลาอีกนิดก่อนกลับ เราไปที่ Senjojiki กันดีกว่าครับ เริ่มจากเดินไปขึ้นรถบัสที่เดิม



พอคนขับประกาศว่าถึง Senjojiki ก็ลงจากรถแล้วเดินต่ออีกนิด ขนาดไม่ถึงฝั่งยังรู้สึกได้ว่าลมแรงยิ่งกว่าเดิม เจอป้ายก็เดินต่อไปเรื่อยๆ



คุณแม่บอกว่าไม่อยากตากลมแล้ว เลยไปนั่งรอในร้านอาหารระหว่างทาง



ผ่านทิวต้นสนที่ส่งเสียงจากลมที่ยังพัดอย่างไม่หยุดหย่อน

[Amakung]

เดินประมาณ 300 เมตรก็ถึงที่ Senjojiki (千畳敷 - เสื่อตาตามิซ้อนกันพันผืน) ตรงนี้เป็นโขดหินทรายรูปร่างแปลกตายื่นออกไปกลางทะเล และเนื่องจากตรงนี้เป็นส่วนยื่นโดยไม่มีอะไรบัง ลมแรงมากครับ



มีอาคารให้หลบลม ข้างในก็มีของฝากอีกจำนวนหนึ่ง



ถ่ายสวนลมที่มาจากทางตะวันตกเฉียงเหนือ



ในขณะที่คลื่นซัดโขดหินกลายเป็นละอองน้ำทะเลก่อนถูดกระแสลมพัดไป