133 replies to this topic

[Trooperz]

Advertisements

Tray Table พับเก็บอยู่ด้านข้าง Seat ครับ เมื่อจะใช้ให้ใช้นิ้วผลักเข้าไปแล้วดึงออกมาครับ

เมื่อดึงออกมาจะมีลักษณะเช่นนี้ครับ ซึ่งหากไม่ต้องการใช้ให้เปลืองพื้นที่ก็สามารถกางออกมาใช้แค่นี้ก็ได้ครับ

หรือจะกลางหมดแบบนี้ก็ได้

[Trooperz]

Headset แบบ Noise Cancellation ครับ



เมื่อแกะออกมาจากถุงพลาสติก จะมีลักษณะแบบนี้ครับ

บรรยากาศภายในเคบินขณะนี้ ผู้โดยสารเริ่มนั่งประจำที่กันหมดแล้วครับ ส่วนด้านล่างยัง Boarding ไม่เสร็จครับ

[Trooperz]

เจ้าตัวนี้ผมไม่รู้ว่า จะเรียกมันว่าอะไรดี? ขอเรียกว่า ICE Remote Control แล้วกันครับ เพราะมันสามารถใช้ควบคุม หรือสั่งการปฏิบัติงานของ Seat และ ระบบ Entertainment ได้ครับ จากรูปเป็น การสั่งปฏิบัติงานปรับ Seat ให้อยู่ในแบบที่เราต้องการครับ

หรือ จะปรับแบบสำเร็จรูปก็มีให้เลือกครับ

ถ้าเมื่อยก็ใช้เจ้านี่สั่งการปฏิบัติงานของระบบ Massage จากตัว Seat ของเราได้

ช่องใส่เจ้า ICE Remote Control ครับ ต้องขอบอกว่าเจ้า ICE Remote Control ค่อนข้างหนักมือทีเดียวครับ

[Trooperz]

In-flight Magazine, In-flight Duty free Magazine, In-flight Entertainment Magazine และ Safety Information Card ครับ



ภายในซองบรรจุ In-flight Magazine ยังมี ถุงอ้วก ซองบริจาคเงิน และ เอกสารแนะนำการใช้ Wi-Fi Onboard ครับ



ระหว่างที่กำลังถ่ายรูปอยู่นั้น กัปตันก็ Push back ออกจาก Gate E8 เพื่อ Taxi ไป Take Off ที่ Runway 19L/01R ครับ

จากนั้นก็ทำการ Take Off และไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆครับ ระหว่างที่เครื่อง Take Off เสียงเงียบ และ นุ่ม มากครับ ประทับใจ A380 มาก
เมื่อไต่ระดับได้ที่ สัญญาณแจ้งรัดเข็มขัดดับลง Mood light ในเคบินก็สว่างขึ้นครับ

[Trooperz]

หลังจากนั้นลูกเรือก็มาถามครับว่าจะรับอะไรมารับประทาน ลูกเรือที่ดูแล Zone ผมเป็นคนไทยครับ น่ารัก และ ใจดีมาก !!! สำหรับมื้อนี้มีเมนูให้เลือก 3 เมนูครับ ได้แก่ Chicken Rogan Josh, Prawns with Three Flavour Sauce และ Braised Lamb in Rosemary Jus ครับ ลองทายดูนะครับ ว่ามื้อนี้ผมเลือกทานอะไร??

ระหว่างรอมื้ออาหาร ผมก็เลยเริ่มทำการสำรวจ Business Lounge บน A380 ครับ ซึ่งอยู่ทางด้านท้ายสุดของเครื่องบน Upper Desk ครับ



มี Mini Bar ขนาดเล็ก พร้อม LCD Screen TV แสดง Flight Information ครับ



ลูกเรือไฟล์ทนี้ Nice และ Friendly มากๆเลยครับ เลยขอถ่ายภาพมา 1 ภาพ

เครื่องดื่มต่างๆสามารถขอได้ตลอดเที่ยวบินเลยครับ แต่ผมเป็นคนไม่ค่อยดื่มแอลกอฮอล์เลยรับแต่น้ำผลไม้มาดื่มครับ ขนมที่เห็นในรูปนี่อร่อยทุกชิ้นเลยครับ ทานเพลินเลย

[Trooperz]

ไปนั่งทานขนมแถวนั้นจนอิ่ม นึกขึ้นได้ว่ามีบริการ Wi-Fi Onboard เลยลองหยิบคู่มือแนะนำมาอ่าน ปรากฏว่ามีค่าใช้บริการอยู่ที่ $2.75 ครับ ต่ออุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง

เมื่อลองเปิดดู พบว่า Wi-Fi แรงอยู่นะครับ แต่ไม่ได้เสียตังค์ใช้

[Trooperz]

ระหว่างรออาหารมา เลยลองปิดหน้าต่างดู สำหรับการเปิดปิดหน้าต่างของ A380 ชั้น Business Class จะเป็นระบบอัตโนมัติครับ เพียงแค่เรากดปุ่มรูปลูกศรชี้ขึ้น เพื่อเปิดหน้าต่าง และ ปุ่มรูปลูกศรชี้ลงเพื่อทำการปิดหน้าต่างครับ ซึ่งเมื่อกดปุ่มปิดหน้าต่าง ม่านหน้าต่างจะเลื่อนลงมาปิดก่อน 1 ชั้นครับ จากนั้นจึงจะตามมาด้วย Window Shade อีกชั้นนึงครับ และ หากเรากดปุ่มเปิด Window Shade ก็จะเลื่อนขึ้นก่อนครับ จากนั้นจึงตามด้วยม่านหน้าต่างครับ เจ๋งมากๆ

บรรยากาศด้านนอกท้องฟ้าแจ่มใสมากครับ

[Trooperz]

แล้วก็ได้เวลามื้ออาหารครับ ลูกเรือมาปูโต๊ะอาหารให้ พร้อมอาหารเสิร์ฟมาบนถาดครับ และนี่คือหน้าตาเจ้าอาหารมือนี้ นั่นก็คือ Prawns with Three Flavour Sauce หรือ กุ้งสามรสนั่นเองครับ

กุ้ง 3 รสชิ้นใหญ่ 5 ชิ้นพร้อมข้าวผัดไข่ครับ ( เรื่องรสชาติอาหารผมว่าไม่ค่อยอร่อยเท่าไรครับ น้ำซอส 3 รสชุ่มมาก หวานจนเลี่ยน ทานกับข้าวไม่อร่อยเลยครับ )

ขนมปังครับ ในถาดอาหารจะมีขนมปังมาด้วย 1 ชิ้น จากนั้นลูกเรือจะถือตะกร้าขนมปังมาเสิร์ฟเพิ่ม เนื่องจากผมผมเป็นคชอบทานขนมปังโฮลวีท เลย รับมาเพิ่มอีก 1 ชิ้นครับ

ปล. ได้ยินผู้โดยสารใกล้ๆกัน ก็บ่นเรื่องรสชาติอาหารกับลูกเรือเหมือนกันครับ

[Trooperz]

ผลไม้สด



White Chocolate Cake รสชาติไม่ผ่านครับ หวาน เนื้อเค้กยุ่ย ไม่อร่อยครับ



อุปกรณ์ในการทานอาหารต่างๆ จัดตกแต่งได้สวยงามครับ

[Trooperz]

ทานอาหารไปด้วย นั่งชมพระอาทิตย์ตกไปด้วย เพลินเพลินจริงๆ



บรรยากาศ Twilight ด้านนอกครับ สวยมาก



แล้ว Mood Light ในเคบินก็เปลี่ยนเป็นสีส้มอมชมพูครับ

[Trooperz]

ไปสำรวจห้องน้ำกันดีกว่าครับ สะอาด และ ดูดีมาก มีที่แขวนสูทให้ด้วย

ชักโครกปิดฝาเรียบร้อยครับ

บริเวณอ่างล้างมือครับ

[Trooperz]

กระจกบานใหญ่มาก



ปลั๊กเสียบสำหรับใดเป่าผมครับ และ สัญญาณไฟแจ้งกลับไปยังที่นั่ง



หวี และ อุปกรณ์โกนหนวดครับ

[Trooperz]

จากนั้นผมก็กลับมายังที่นั่ง พร้อมกับไฟในเคบินที่ดับลง

แล้วเครื่องก็ลดระดับลงสู่ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกงครับ แต่สักพักกัปตันก็ประกาศว่าช่วงเย็นที่ฮ่องกงมีไฟล์ทมาลงเยอะจึงต้องทำการบินวนรอคิว Landing ประมาณ 10 นาทีครับ หลังจากบินวนกว่า 10 นาที ก็ได้เวลา Landing แล้วครับ ระหว่างที่เครื่องกำลัง Final Approach รู้สึกได้ว่าเครื่องสั่นมากครับ สงสัยสภาพอากาศไม่ค่อยดี ส่วนตอนที่ Touch Down นั้น เสียงดังมากครับ ปุก !!! เหมือนระเบิดปิงปองเลย

เมื่อเครื่องจอดสนิทก็ได้เวลาท่องเที่ยวแล้วครับ



Mood Light ตอนนี้เป็นสีส้ม แสบตาเชียว บายๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไรเราถึง จะได้เจอกันอีกนะ Business Class

[Trooperz]

จากนั้นก็เดินออกจากเครื่องมุ่งหน้าสู่ Immigration ครับ



แล้วก็ทำการ Clear Immigration จากนั้นก็ออกมารับกระเป๋าครับ กระเป๋าออกมาช้ามากครับ เข้าใจว่าเครื่องลำใหญ่ ผู้โดยสารเยอะ …

[Trooperz]

แล้วสิ่งที่ผมไม่เคยคาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อกระเป๋าผมออกมาถึงและมีลักษณะแบบนี้

บุบเข้าไปเยอะมากๆครับ

แค่นั้นยังไม่พอครับ ซิปแตกอีกต่างหาก

นอกจากซิปแตกแล้ว ตัวกระเป๋าด้านล่างขวาบริเวณล้อด้านหน้าก็แตกยาวขึ้นมาเลยครับ

ผมโมโห มากเดินทางมาก็เยอะไม่เคยพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ มองหาพนักงานที่ดูแล Baggage Claim ไม่เจอใครสักคนเลยครับ จนผมต้องเดินไปถาม information ซึ่งเค้าก็ไม่รู้เรื่องนี้ เลยบอกให้ผมออกไปด้านนอกแล้วขึ้นไปที่ Office ของ Jardine Airport Services Ltd. (JASL) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดูแลเรื่อง Ground Service ให้กับ EK ครับ พอไปถึงที่ Office พนักงานที่นี่ก็บริการแย่มากครับ บอกทำไมไม่แจ้งเรื่องตั้งแต่ที่ Belt ที่นั่นน่ะมีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ ผมก็บอกไปว่ามองหาแล้ว เดินหาจนทั่วไม่เจอใครสักคน ต้องไปถามที่ Information แล้วเค้าก็ให้ผมมาหาคุณที่นี่

แล้วพนักงานก็ทำหน้าเซ็งๆแล้วหายไปสักพัก แล้วก็มาพร้อมกับเอกสารให้กรอกครับ ผมก็เลยถามว่าแล้วอย่างนี้คุณรับผิดชอบอะไรได้บ้าง ? พนักงานบอกทำไรไม่ได้ ต้องส่งซ่อมอย่างเดียว ผมถามถึงค่าเสียหายที่เกิดขึ้นพนักงานก็บอกว่ามี Travel Insurance มั้ย? ถ้าไม่มีก็ทำไรไม่ได้ ?? ตอบกวนมาก !!! แล้วก็หันมาถามผมว่าผมพักอยู่ที่ไหน อะไรยังไง พอรู้ว่าผมเป็นนักท่องเที่ยว มาเที่ยว 4 วัน ก็บอกว่าถ้างั้นทำอะไรไม่ได้ เพราะต้องส่งไปซ่อมซึ่งใช้เวลาหลายอาทิตย์

พนักงานเลยบอกว่าจะส่งเรื่องกลับมาที่ไทยให้ แล้วพอกลับไทยให้ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ที่นั่นเพื่อเคลมเรื่องกระเป๋า เดี๋ยวทางเราจะส่งเรื่องไปแจ้งที่ไทยไว้ให้ ผมเลยถามไปว่า แล้วไม่มีเอกสารรับรองเรื่อง Baggage Claim สำหรับผมไปให้เจ้าหน้าที่ที่ไทยหรอ? พนักงานส่ายหน้า ผมเลยบอกว่า แล้วอย่างนี้ผมจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ไทยได้ไงไม่มีหลักฐานอะไรเลย ผมต้องการเอกสารรับรอง พนักงานคนนั้นเลยเดินไปปริ๊นท์ใบ Telex ใบเล็กๆมาให้ผม … (นึกว่าจะเป็นเอกสารที่มันทางการกว่านี้ )

ผมเลยถามไปว่าตลอด 4 วันนี้ผมต้องทนใช้กระเป๋าที่บุบ และ ซิปแตกแบบนี้ใช่มั้ย? พนักงานก็ทำได้แค่พยักหน้า เฮ้อ!!! เป็นความประทับใจด้านลบของผมที่มีต่อ Emirates มาก !!!!

[Trooperz]

หลังจากที่ผมกลับมาถึงไทยและได้ติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็แจ้งกับผมว่า ทางสายการบิน Emirates มีขั้นตอนการดูแลเรื่องกระเป๋าผู้โดยสารที่ชำรุดเสียหายดังนี้

1. ทางสายการบินจะรับกระเป๋าไปซ่อมให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

2. ถ้าพบว่าไม่สามารถซ่อมได้จริงๆ จะชดใช้ค่าเสียให้

แล้วทางสายการบินก็ให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อร้านซ่อมกระเป๋ามา โดยบอกว่าทางร้านจะมารับกระเป๋าที่บ้านให้ครับ โดยสารการบินแจ้งว่าถ้าทางร้านประเมินสภาพกระเป๋าแล้วเป็นอย่างไร ต้องชดใช้หรือซ่อมเดี๋ยวจะติดต่อไปอีกที พร้อมทั้งขอชื่อ และ เบอร์โทรศัพท์ของผมไป
จากนั้นเมื่อผมกลับมาถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว วันรุ่งขึ้น (28 มกราคม 2013) จึงรีบโทรติดต่อให้ทางร้านมารับกระเป๋าไปซ่อมครับ

โดยวันที่ร้านมารับกระเป๋าผมไปซ่อมนั้น (29 มกราคม 2013) เค้าได้แจ้งกับผมไว้ว่า เดี๋ยววันรุ่งขึ้นทางร้านจะโทรมาบอกว่ากระเป๋าผมซ่อมได้หรือไม่ยังไง เพราะต้องเอากระเป๋าไปประเมินสภาพก่อน ยังไม่สามารถบอกได้ แล้วเดี๋ยวจะแจ้งไปที่ทางสายการบินอีกที

นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ 2 อาทิตย์ผ่านไป ไม่เคยมีการติดต่อมาจากทั้งสายการบิน Emirates และ ทางร้านซ่อมกระเป๋าเลยครับ ไม่มีแม้แต่จะแจ้งข้อมูลเรื่องการประเมินสภาพความเสียหายหรือข้อมูลอื่นๆไดๆทั้งสิ้น

ซึ่งผมจะโทรตามก็ได้ แต่ผมไม่ทำครับ เพราะผมต้องการดูความรับผิดชอบของสายการบินนี้ และ ทางสายการบินก็เป็นคนบอกเองว่าเดี๋ยวจะติดต่อกลับมา ซึ่งตอนนี้เวลาผ่านไปแล้ว 2 อาทิตย์โดยที่ไม่มีข่าวความคืบหน้าใดๆทั้งสิ้น

ถือว่าสายการบินนี้ After Service แย่มากที่สุด เท่าที่ผมเคยเจอมาเลยครับ เป็นความประทับใจที่แย่กับสายการบินนี้มากๆครับ ขาดความรับผิดชอบ บกพร่องในการทำงานหลายๆอย่าง


เดี๋ยวจะดูสิครับว่า อีกนานแค่ไหนกว่าสายการบินนี้จะติดต่อกลับมา

*** แม้แต่ในเอกสาร Receipt ที่ทางร้านส่งมา ก็เขียนไว้ชัดเจนครับ ว่าจะโทรแจ้งกลับมา แต่ก็เงียบหายเข้ากรีบเมฆทั้ง สายการบิน และ ร้านซ่อมกระเป๋า

[Trooperz]

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม และ ร่วมแสดงความคิดเห็นครับ

สำหรับรีวิวเที่ยวบินขากลับ สามารถติดตามชมได้ที่ หน้าที่ 4 เป็นต้นไปครับ

[sasukeooo]

ขอบคุณสำหรับรีวิว โชคดีและโชคร้ายในคราวเดียวกันเลยแฮะ ขอเป็นกำลังใจให้ จขกท ให้ได้รับการติดต่อเรื่องกระเป๋า เร็วๆๆนะครับ

[CazukiTezuka787]

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ
อ่านเรื่องความรับผิดชอบของสายการบินที่มีต่อ ผดส. แล้ว เครียดแทนคุณ จขกท.เลยครับ
ผมจะรอฟังข่าวต่อไปนะครับ ทางสายการบิน จะทำเช่นไรต่อไป

[Pankii]

หื้อออ สภาพกระเป๋า ถ้ามีของสำคัญอยู่ในนั้นนี่ แย่แน่ๆๆ