คมนาคมเล็งดันดอนเมือง-สุวรรณภูมิเป็นHUBเอเชีย
คมนาคม รับลูก ครม.เศรษฐกิจ วางกรอบจ้าง ICAO – IATA ไม่เกิน 60 ล้าน วางแผนใช้ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ เน้นดันไทยเป็น HUB ของเอเชีย สรุปเสนอบอร์ด เม.ย.นี้
เมื่อวันที่ 24 ก.พ. นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการศึกษาความเหมาะสมในการพัฒนาท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง เปิดเผยภายหลังการประชุมวานนี้ (23 ก.พ.) ว่าที่ประชุมได้เห็นชอบกรอบแนวทางและขอบเขตในการว่าจ้างที่ปรึกษาเข้ามาศึกษาความเหมาะสมในการเลือกพัฒนา สนามบินทั้ง 2 แห่ง โดยให้บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด มหาชน (ทอท.) ว่าจ้าง ICAO เข้ามาศึกษาแนวทางการพัฒนาการใช้ประโยชน์จากสนามบิน และจ้าง IATA ศึกดูในภาพรวมของธุรกิจการบินเพื่อนำไปสู่การเป็น HUB ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะสรุปผลการศึกษาได้ภายใน 60 วัน และวงเงินว่าจ้างรายละไมเกิน 30 ล้านบาท
ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจเมื่อวันที่ 14 ต.ค.2552 ที่ผ่านมาว่าได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมศึกษาความเหมาะสมในการพัฒนาท่า อากาศยานทั้ง 2 แห่งเพื่อให้มีความชัดในเรื่องความปลอดภัยและการควบคุมการจราจรในการขึ้น-ลง ของอากาศยาน โดยให้ศึกษาเพื่อให้ครอบคลุมทั้ง 3 แนวทาง คือ1.กรณีเปิดใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองเช่นปัจจุบัน และเร่งลงทุนการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 2.กรณีเปิดใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองรองรับผู้โดยสาร 10 ล้านคน เพื่อชะลอการลงทุนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ3 ใช้ท่าอากาศยานสุวรณภูมิเพียงแห่งเดียว . ให้มีการศึกษาวิเคราะห์เปรียบเทียบผลดี-เสียของแต่ละแนวทาง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของการพัฒนาไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคด้วย
นายสุพจน์ กล่าวด้วยว่า ประเด็นหลักในการว่าจ้างที่ปรึกษาในครั้งนี้ เพื่อศึกษาแผนกลยุทธ์และแนวทางกรพัฒนาสนามบินทั้ง 2แห่ง โดยศึกษาให้ครอบคลุมทั้ง 3 แนวทางตามข้อสังเกตของ ครม.เศรษฐกิจ รวมไปถึงการประเมินทางเลือกในการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง ให้เป็นไปตามวิธีการและมาตรฐานเช่น เดียวกับสนามบินระดับโลกอื่นๆ ได้แก่ การพเพิ่มศักยภาพให้กับกรุงเทพในการเป็นศูนย์กลางการบินแห่งทวีปเอเชีย เพิ่มระดับความพึงพอใจของผู้โดยสาร/ผู้ใช้บริการและสายการบินให้ได้มาก ที่สุด การเพิ่มกำไรจากผลประกอบการในด้านต่างๆ การลดต้นทุนการดำเนินงานของสายการบินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การเพิ่มระดับมาตรฐานความปลอดภัย และยืดหยุ่นการพัฒนาท่าอากาศยานเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
ด้านนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่าหลังจากที่ได้มีการตรวจสอบกรอบแนวทางในการว่าจ้างที่ปรึกษาแล้ว ขั้นตอนต่อไป ทอท.จะดำเนินการเซ็นสัญญาว่าจ้าง ICAO และ IATA ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบินเฉพาะเพื่อนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจก่อนที่ จะเสนอให้รัฐบาลพิจารณา โดยจะต้องสรุปผลการศึกษาเบื้องต้นเพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ทอท.ภายในเดือน เม.ย.นี้ และภายในเดือน พ.ค.จะสรุปผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์
นายเสรีรัตน์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ ทอท.ได้เคยว่าจ้าง ICAO เข้ามาศึกษาเฉพาะแนวทางการใช้ประโยชน์ของสนามบินดอนเมืองควบคู่กับสนาม บินสุวรรณภูมิ ซึ่งจะต้องมีการปรับข้อมูลให้สอดคลเองกับสภาวการณ์ปัจจุบัน และศึกษาอีก 2 แนวทางเพิ่มเติมตาม มติ ครม.เศรษฐกิจ คือ กรณีใช้สนามบินสุวรรณภูมิเพียงแห่งเดียว และกรณีที่จะให้สนามบินรองรับผู้โดยสาร 10 ล้านคนต่อปี
จาก http://www.thairath....ntent/eco/67017