199 replies to this topic

[Amakung]

Advertisements

สวัสดีสมาชิก Hflight.net ทุกท่านอีกครั้งครับ ผม Amakung ขอรายงานตัวอีกครั้งครับ

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คงไม่มีสิ่งใดจะเด่นไปกว่าการมาถึงของ Airbus A380 เครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกของสายการบินประจำชาติอย่างการบินไทยนะครับ การมาถึงของ A380 ถือเป็นการทำลายสถิติเครื่องบินไทยที่ใหญ่ที่สุดที่ 747-400 เคยเป็นเจ้าของมากว่า 22 ปี

ตั้งแต่การบินไทยเริ่มเพิ่มข้อมูลเที่ยวบินที่จะบินด้วย A380 เมื่อปลายเดือนเมษายน ด้วยความที่อยากนั่งมากๆๆ จึงเตรียมไมล์สะสมให้พร้อมและรีบไปจองที่สำนักงานการบินไทยทันที ลองนึกดูก็อยากบินเที่ยวบินปฐมฤกษ์ไปฮ่องกงซึ่ง (ในขณะนั้น) ขึ้นเป็นวันที่ 28 ตุลาคม แต่มาคิดดู คงจะดีมากหากได้ลองนั่ง Premium product ใหม่ล่าสุดของการบินไทย ตัวเลือกเลยมาลงที่สิงคโปร์ ซึ่งใช้ไมล์น้อยกว่า 10,000 ไมล์ทั้งที่เวลาบินสั้นกว่าแค่ครึ่งชั่วโมง ผมตั้งใจว่าจะบินแค่ไปเช้าค่ำกลับจะได้ไม่เสียงานเสียการมากนัก
4 เดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก จู่ๆ ก็มีข่าวใหม่ว่าการบินไทยจะเลื่อนเที่ยวบินปฐมฤกษ์ขึ้นเป็นวันที่ 6 ตุลาคม ผมจึงรีบไปสำนักงานการบินไทยอีกครั้งเพื่อทำการเปลี่ยนตั๋ว แน่นอนว่าต้องมีค่าธรรมเนียม 1,500 บาทครับ พอถามคุณพนักงานว่ายังเหลือโควตาตั๋วแลกไมล์อีกเยอะไหม เธอก็บอกว่ายังเหลืออีกเยอะครับ แล้วนี่ผมจะรีบจองให้ตัวเองเสียเงินเปล่าๆ ไปทำไมกัน....แต่เอาเถอะครับ ตั๋วมาแล้ว คอนเฟิร์มวันเดินทางแล้ว หนึ่งวันที่สิงคโปร์จะทำอะไรนั้นก็คงไม่พ้นการดูเครื่องบินลงที่ชางงีครับ นึกดูว่าถ้าเดินทางกับพ่อแม่คงจะไม่มีโอกาส และผมยังไม่เคยดูเครื่องบินอย่างจริงจังที่ต่างประเทศเลย คงเป็นโอกาสดีที่จะได้เห็นสายการบินใหม่ๆ แปลกตาอีกมากมายครับ

สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมคือ นี่จะเป็นครั้งแรกที่ผมได้ขึ้่น A380 ครับ

Greetings to all your guys again and welcome to my special trip report.

In the past week, there was an event that captured the attention of all Thai aviation enthusiast, which was, undoubtedly, the arrival of Thai Airways’ first Airbus A380 Superjumbo, the world’s largest passenger jet. The arrival of the A380 breaks the record for the largest plane ever owned by a Thai carrier which the 747-400 had held for more than 22 years.

Since Thai Airways began to add the A380 to the reservation system, I had been following the news very closely and decided to reserve a seat on the first day of its passenger service. I wanted to secure a seat on the inaugural flight to Hong Kong on October 28 but later decided against it because I wish to try TG’s all new premium products. So, the choice went to Singapore which uses 10,000 less miles but only 30 minutes less in duration. I chose an early morning departure from Bangkok and a same-day night flight back to minimize disruptions to my work.

4 months passes by way too fast, and I later learned that TG announced to move forward the inauguration flight to October 6. I have no other choice but to change the itinerary accordingly which also incurred a fee of THB1,500. I decided to ask the agent at the counter about award ticket availability on this particular flight, and she told me there were still a lot left....so I just wasted my money for nothing. But anyway, the ticket is here, confirmed, maybe it’s time to decide about the activites for this special day in Singapore. And it didn’t take long, it’s planespotting at Changi!! Since I’ve never done any serious spotting outside Thailand before, this should be the greatest opportunity to experience new sights and new airliners that would not be possible to see here in Bangkok.

Most importantly, this is my first Airbus A380 flight.



ถ้าใครต้องการข้ามไปที่ส่วนอื่นของรีวิวก็สามารถคลิกข้างล่างได้เลยครับ
If you wish to skip to later parts of this trip report, kindly click on the following links.

ตอนที่ 2 : ตามหาคุณสิงโตพ่นน้ำ
Part 2 : A Quest for The Water-Spouting Lion, With A Fish Tail
http://www.hflight.n...414#entry233414

ตอนที่ 3 : ออกเดินทางไปส่องเครื่องบิน
Part 3 : Planespotting in Singapore
http://www.hflight.n...421#entry233421

ตอนที่ 4 : ท่าอากาศยานนานาชาติชางงี
Part 4 : The Fascinating Changi International Airport
http://www.hflight.n...523#entry233523

ตอนที่ 5 : ครั้งแรกในชีวิตกับแอร์บัส A380
Part 5 : The First Ever Journey Onboard the Airbus A380
http://www.hflight.n...552#entry233552

[Amakung]

บทนำ 1 : เครื่องบินแอร์บัส A380-800 Superjumbo


อย่างที่ทุกท่านรู้กัน A380 เป็นเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยความยาวจากหัวจรดท้าย 72.73 เมตร ระยะระหว่างปลายปีกสองข้าง 79.75 เมตร ความสูง 24.45 เมตร และน้ำหนักมากที่สุดขณะบินขึ้น 569 ตัน (และจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ) มากกว่าเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่เป็นอันดับสองอย่างโบอิ้ง 747-8I ถึง 121 ตันด้วยกัน นอกจากนี้ A380 ยังสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้มากที่สุดถึง 853 คน (ซึ่งถูกกำหนดด้วยจำนวนประตูทางออกฉุกเฉิน) แอร์บัส A380 มีเครื่องยนต์ให้เลือกสองชนิดด้วยกันนั่นคือ Rolls-Royce Trent 900 (รหัส -84*) หรือ Engine Alliance GP7200 (รหัส -861)ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่าง GE และ Pratt & Whitney ครับ

หลังจากผ่านการออกแบบมากว่า 17 ปี แอร์บัส A380 ลำแรก F-WWOW ติดตั้งเครื่องยนต์ Rolls-Royce Trent 900 ได้ออกสู่สายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ.2548 และขึ้นบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 เมษายนปีเดียวกัน จากนั้นวิศวกรที่แอร์บัสได้ทำการทดสอบเครื่องบินในรูปแบบต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับเครื่องบินโดยสารชนิดใหม่ แต่ในขณะเดียวกัน ปัญหาก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นโดยเฉพาะในด้านการวางระบบสายไฟบนเครื่องบิน ส่งผลให้แอร์บัสต้องเลื่อนวันส่งมอบเครื่องบินออกไป จากเดิมที่เคยคาดว่าจะส่งมอบเครื่องบินลำแรกได้ในต้นปี 2006 และยังตัดสินใจเลื่อนแผนงานเกี่ยวกับ A380 ชนิดบรรทุกสินค้า (A380F) ออกไปอย่างไม่มีกำหนด นอกจากนี้แอร์บัสยังต้องลดอัตราการผลิตเครื่องบินลงทำให้สายการบินต่างๆ ได้รับเครื่องช้าลงไปอีก สิ่งนี้ทำให้แอร์บัสสูญเงินไปกว่าพันล้านยูโรทีเดียวครับ

ชิ้นส่วนต่างๆ ของ A380 ถูกส่งมาจากโรงงานหลายแห่งในยุโรป ทั้งที่ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร สเปน และเยอรมนี ก่อนจะนำมาเข้าโรงงานประกอบขั้นสุดท้ายที่เมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส หลังจากประกอบเสร็จ เครื่องบินจะถูกส่งไปยังเมืองฮัมบูรก์ (Hamburg Finkenwerder - XFW) ประเทศเยอรมนีเพื่อทำการติดตั้งห้องโดยสารและทำสีให้เสร็จสมบูรณ์ ก่อนจะบินกลับมาที่ตูลูสเพื่อเตรียมส่งมอบ หรือกรณีที่ลูกค้าได้รับ A380 ไปหลายลำแล้ว (เช่น EK) อาจส่งมอบจากฮัมบูรก์โดยตรงเลยก็ได้ครับ

แอร์บัส A380 เข้าประจำการกับสายการบินแรกคือ Singapore Airlines เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ.2550 และเริ่มให้บริการแก่ผู้โดยสารเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม บนเที่ยวบินพิเศษ SQ380 จากสิงคโปร์ไปซิดนีย์ ซึ่งยังเป็นเส้นทางที่ SQ บริการด้วย A380 มาตลอดจนถึงปัจจุบัน ขณะนี้เครื่องบินลำแรกที่ส่งมอบให้ลูกค้า (9V-SKA / MSN003) ก็ยังคงให้บริการผู้โดยสารมาอย่างต่อเนื่องครับ
สายการบินที่ได้รับ A380 ต่อจาก SQ มีดังนี้

• Emirates วันที่ 28 กรกฎาคม 2008

Airbus A380-861, Emirates, A6-EDA by DrinkyB, on Flickr

• Qantas วันที่ 19 กันยายน 2008

VH-OQA by MicGao, on Flickr

• Air France วันที่ 30 ตุลาคม 2009

Air France A380-861 F-HPJA by Globespotter, on Flickr

• Lufthansa วันที่ 19 ตุลาคม 2010

Lufthansa Airbus A380-841 D-AIMA Frankfurt am Main (51733) by Thomas Becker, on Flickr

• Korean Air วันที่ 1 มิถุนายน 2011

HL7611 by Michael Breckshot, on Flickr

• China Southern Airlines วันที่ 12 ตุลาคม 2011

China Southern Airlines (CZ/CSN) / A380-800 / B-6136 / 06-28-2012 / HKG by Mohit Purswani, on Flickr

• Malaysia Airlines วันที่ 29 พฤษภาคม 2012

9M-MNA AIRBUS A380 MALAYSIA AIRLINES LHR 15/09/2012 by skypics intl, on Flickr

และแน่นอนว่าสายการบินถัดมาคือ การบินไทย วันที่ 28 กันยายน 2012 ครับ

[Amakung]

บทนำ 2 : แอร์บัส A380 ในประเทศไทย


แอร์บัส A380 มาเยือนประเทศไทยครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2549 หรือเกือบ 6 ปีก่อน โดยเครื่องที่ได้มาเยือนคือ F-WXXL A380 ลำที่สองจากสายการผลิต การมาเยือนครั้งนั้นมีจุดประสงค์เพื่อทดสอบว่าสามารถใช้อุปกรณ์ภาคพื้นต่างๆ กับเครื่องบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากนั้นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ.2550 แอร์บัส A380 ได้มาเยือนกรุงเทพอีกครั้ง โดยกรุงเทพเป็นจุดแวะพักแรกของทัวร์โปรโมตเครื่องบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เครื่องบินที่ใช้ในคราวนั้นคือ F-WWJB (MSN007) ซึ่งปัจจุบันได้ดัดแปลงและเข้าประจำการกับ Emirates ภายใต้ทะเบียน A6-EDF ไปเมื่อปลายปี 2552 แอร์บัสยังได้ทำการบินทดสอบไปยังท่าอากาศยานเชียงใหม่เมื่อวันที่ 1 กันยายนอีกด้วย แต่ก่อนจะได้ออกบิน F-WWJB เกิดประสบอุบัติเหตุขณะกำลังถอยออกจากหลุมจอด โดยปลายปีกไปครูดกับตัวอาคาร ทำให้ต้องถอด winglet ออกทั้งสองข้างก่อนทำการบินต่อไปตามกำหนดการเดิม


F-WWJB ขณะเตรียมบินกลับสู่กรุงเทพ http://www.bloggang....oup=21&gblog=13

เวลาผ่านไปอีกเกือบสองปีก่อนที่ A380 ได้กลับมากรุงเทพอีกครั้ง คราวนี้เป็นเที่ยวบินพาณิชย์โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบิน EK 372 จากดูไบ มาถึงกรุงเทพเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 1 มิถุนายน 2552 ก่อนที่จะบินกลับดูไบในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา จากนั้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมปีเดียวกัน Emirates ได้เริ่มทำการบินระหว่างกรุงเทพและฮ่องกงด้วย A380 เที่ยวบิน EK 384/385 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงตลอดช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา Emirates ยังคงเป็นสายการบินต่างชาติเพียงสายการบินเดียวที่ใช้ A380 รับส่งผู้โดยสารที่กรุงเทพครับ


ทั้งนี้หลัง Emirates เริ่มบินไปฮ่องกงโดย A380 ไม่นาน EK 372/373 ก็กลับมาบินด้วย 777 ตามเดิม แต่มีบางช่วงที่สลับเอา A380 มาใช้บ้างเหมือนกันครับ

นอกจากนี้ Singapore Airlines ยังเคยนำ A380 มาลงที่กรุงเทพสองครั้ง (เท่าที่ผมทราบ) ครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2552 และครั้งถัดมาเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2554 เป็นเที่ยวบิน SQ 333 จากปารีสทั้งคู่ ที่ต้องลงเนื่องจากเที่ยวบินดีเลย์มากจนลูกเรือ time out ต้องมาเปลี่ยนลูกเรือชุดใหม่ที่กรุงเทพครับ

9V-SKH เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2554 ขอบคุณภาพจากคุณ Tek ที่ http://www.airliners...0-841/1852141/L

[Amakung]

บทนำ 3 : การบินไทยและแอร์บัส A380


การบินไทยสั่งซื้อแอร์บัส A380 จำนวน 6 ลำเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2547 กำหนดรับมอบเดิมคือตั้งแต่ปี 2551 หรือ 2552 แต่อย่างที่ได้กล่าวข้างต้น แอร์บัสประสบปัญหาทางเทคนิคจนเมื่อ A380 มาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรก กำหนดรับมอบได้เลื่อนเป็นปี 2554 นอกจากนี้เมื่อปี 2552 การบินไทยยังเจรจากับแอร์บัสเพื่อขอเลื่อนการรับมอบเครื่องบินออกไปอีกหนึ่งปีเนื่องปัญหาสภาพคล่องทางการเงินในขณะนั้น สุดท้ายจึงมาลงตัวที่ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาครับ

A380 ลำแรกของการบินไทย ทะเบียนทดสอบ F-WWAO MSN087 เริ่มการประกอบขั้นสุดท้ายเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว และใช้เวลาอยู่ในโรงงานประกอบอีก 11 สัปดาห์จนเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา

F-WWAO ที่โรงงานประกอบขั้นสุดท้ายที่ตูลูส วันที่ 18 มกราคม 2555
http://www.flickr.co...N03/6721022281/

จากนั้นเครื่องบินได้ถูกย้ายไปที่ flightline เพื่อทำการทดสอบระบบต่างๆ ก่อนขึ้นบินจริงเมื่อวันที่ 5 มีนาคม หลังจากเครื่องบินวนอยู่บริเวณใกล้โรงงานได้สักพักก็บินไปยัง Hamburg Finkenwerder เพื่อติดตั้งห้องโดยสารและทำสีให้สมบูรณ์ครับ

Take-off msn87 F-WWAO 5/3/2012 by A380_TLS, on Flickr

วันที่ 25 มิถุนายน 2555 การบินไทย A380 ที่ทำสีเสร็จสมบูรณ์ได้เผยโฉมต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก ถ้าสังเกตให้ดี จะเห็นทะเบียนจริง HS-TUA ได้ลางๆ แล้วครับ

ภาพจาก http://www.airbus.co.../photo-gallery/

จากนั้นการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ก็ดำเนินต่อไป แล้วในที่สุด A380 ลำแรกของการบินไทยก็เริ่มเคลื่อนที่ด้วยกำลังเครื่องยนต์อีกครั้งเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2555 ครั้งนี้เป็นการทดสอบ RTO หรือ rejected take-off ครับ

F-WWAO on August 31, 2012. Credit photo to Nicholas Christopher Kaemmerer on [link]http://www.airliners...0-841/2157986/L[/link]

หนึ่งวันถัดมา F-WWAO ก็บินกลับสู่ตูลูสเพื่อเตรียมส่งมอบครับ

First Thai A380! #2 by Mynarek_Photography, on Flickr

หลังจากนั้นก็เป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนส่งมอบ ซึ่งรวมถึง customer acceptance flight เมื่อวันที่ 17 กันยายนด้วยครับ นี่เป็นไฟลท์สุดท้ายที่ยังใช้ทะเบียนทดสอบ F-WWAO ครับ

F-WWAO // HS-TUA Thai Airways International Airbus A380-841 - cn 087 by Flox Papa, on Flickr

แอร์บัสพร้อม การบินไทยก็พร้อม และพิธีส่งมอบเครื่องบินแอร์บัส A380 ลำแรกก็เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา นับเป็นเวลานานกว่า 8 ปีหลังสั่งซื้อเมื่อปี 2547 ครับ
http://www.youtube.com/watch?v=MpTqzKIcWps

แล้วในที่สุด วันที่พวกเราทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อเวลา 08.45 ของวันที่ 30 กันยายน 2555 HS-TUA นามพระราชทาน “ศรีรัตนะ” ได้ลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอย่างปลอดภัย ถือเป็นอันสิ้นสุดการรอคอยอันแสนยาวนานครับ



ตารางบินของการบินไทย A380 จากการถ่ายทอดสดเมื่อวันที่ 27 กันยายนครับ
TG 600/601 กรุงเทพ - ฮ่องกง เริ่มบินวันที่ 6 ตุลาคม 2555
TG 409/410 กรุงเทพ - สิงคโปร์ วันที่ 6 ตุลาคมถึง 14 ธันวาคม 2555
TG 920/921 กรุงเทพ - แฟรงก์เฟิร์ต เริ่มบินวันที่ 15 ธันวาคม 2555
TG 676/677 กรุงเทพ - นาริตะ เริ่มบินวันที่ 13 มกราคม 2556
TG 930/931 กรุงเทพ - ปารีส เริ่มบินวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2556
TG 622/623 กรุงเทพ - คันไซ เริ่มบินวันที่ 16 สิงหาคม 2556
TG 475/476 กรุงเทพ - ซิดนีย์ เริ่มบินวันที่ 16 กันยายน 2556
การบินไทยจะใช้ A380 ทำการบินทุกวันในทุกเส้นทางที่กล่าวมา แน่นอนว่าตารางบินอาจเปลี่ยนแปลงได้เสมอ โดยขึ้นกับการส่งมอบของ A380 ลำต่อๆ ไป โดยในขณะนี้ HS-TUB (F-WWAN / MSN093) และ HS-TUC (F-WWAT / MSN100) กำลังอยู่ในขั้นตอนติดตั้งห้องโดยสารที่ฮัมบูรก์ ส่วน HS-TUD (F-WWSE / MSN122) นั้นเพิ่งบินไปฮัมบูรก์เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมาครับ

[Amakung]

ตอนที่ 1 : ออกเดินทางสู่แดนลอดช่อง กับการบินไทยเที่ยวเช้าตรู่
Part 1 : The Early Morning Journey to Singapore


เช้าวันที่ 6 ตุลาคม ผมตื่นขึ้นมาจากเสียงนาฬิกาปลุกตอนตีสี่ ถึงปกติจะไม่ได้ตื่นเช้าขนาดนี้วันนี้ก็ต้องตื่นครับ มีิอะไรสำคัญๆ ให้ทำอีกเยอะเลย
In the early morning of October 6, I got out of bed exactly at 4.00 am (thanks to my noisy alarm clock). Normally I don’t get out bed this early but today I need to. A variety of experiences is awaitng.

หลังจากอาบน้ำ แต่งตัวก็ขับรถมาจอดที่สนามบิน ถึงสนามบินก่อนตีห้าเล็กน้อย
So I took a quick shower, got dressed and then drive to the airport.


วันนี้เรามาเช็คอินที่ Row A สำหรับ Royal Silk Class ครับ
Row A check-in counters for me today.




บริเวณเช็คอินของผู้โดยสารระหว่างประเทศชั้น Royal Silk ในวันนี้ ขณะนั้นเป็นเวลา 05.05 ยังค่อนข้างโล่งอยู่เลยครับ
At 05.05, the check-in area for TG Royal Silk Class passengers were still mostly unoccupied. The area would be filled with guests for the inaugural flight later on.

[Amakung]

รอคิวได้สักพักผมก็นั่งลงหน้าเคาน์เตอร์ A 07 พร้อมยื่นหนังสือเดินทางให้คุณพี่พนักงาน ทันทีที่เห็น booking ของผมในวันนี้ ก็บอกทันทีว่า
“มาลองเครื่องสินะคะ”
ผมเลยตอบว่าใช่ครับ เพราะถ้าไม่ได้มาลองในวันแรกก็ไม่รู้จะมาลองโดยออกเงินเองทำไม สู้ชวนพ่อแม่ไปเที่ยวฮ่องกงให้ท่านออกเงินให้ดีกว่า
After a short queue, I sat down at counter A 07 and handed off my passport. Just she saw my booking, she said
“You’re trying out the new aircraft, right?”
So I admitted, yes, because if I didn’t try it on the first day of its operations, I could just ask my parents to bring me and my sis along.


หลังจากนั้นผมก็นั่งคุยกับคุณพี่พนักงานอีกพักหนึ่ง (ข้างหลังไม่มีคิวครับ) คุณพี่เป็นผู้หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ผมเลยมั้ง เค้าเล่าให้ฟังว่าวันนี้ TG 600 เที่ยวบินปฐมฤกษ์ไปฮ่องกงนั้นเต็มมากๆ
A short conversation ensued (there was no queue behind). The check-in agent (which may be around the same age as my mom) also told me that the inaugural flight TG 600 was completely full in all classes.

บริเวณที่เช็คอินก็มีพนักงานกำลังเตรียมงานสำหรับไฟลท์นี้กันอย่างแข็งขัน
Staff preparing for the inauguration ceremony.


จากนั้นคุณพี่ก็ยื่นหนังสือเดินทางคืนพร้อม boarding pass สำหรับทั้งขาไปและขากลับและ lounge invitation ที่กรุงเทพ แล้วก็อวยพรให้ผมเดินทางโดยสวัสดิภาพและ “วันนี้เต็มที่เลยนะคะ”
Then the check-in agent returned my passport, together with a lounge invitation for Bangkok, boarding passes for both outbound and return trip, wished me a pleasant flight and finally said “do your best today” .

[Amakung]

มาดูโปสเตอร์ต่างๆ สำหรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ TG 600 ในวันนี้กันครับ
เริ่มจากอันนี้ก่อน จะเจออันนี้เป็นอันแรก
Let’s see the posters announcing the TG A380 inauguration.
Starts with this one, placed at the entrance to Royal Silk Class check-in area.
“THAI A380, The Smoothest Way To Fly”
“New Heights of Comfort Has Arrived”


มีผังที่นั่งและวิธีการบอร์ดอย่างคร่าวๆ ระหว่างที่ผมดูอยู่คุณพี่ที่เช็คอินให้ผมก็มาดูด้วย บอกว่าเมื่อตอนที่การบินไทยทำการทดสอบเมื่อสองวันก่อนเค้าไม่ได้ไป เลยต้องศึกษาดูสักนิดครับ
Here is the seating plan and a brief information about the boarding process. The check-in agent later joined me, said she did not join the ground tests held two days before and needed to educate herself.


โปสเตอร์ของที่นั่ง Royal Silk ใหม่ซึ่งผมกำลังจะได้สัมผัสในอีกไม่นานนี้
Another poster advertised the new Royal Silk Class seats which I was about to experience it later on.


อันนี้อยู่หน้าบริเวณจัดงานสำหรับ ผดส First และ Royal Silk
In front of venue area for premium passengers.


สงสัยผมจะมาเร็วเกินไป เลยมีแต่โพเดียมว่างๆ และริบบิ้นที่ยังไม่ถูกตัด
Maybe I was a bit too early. Just a vacated podium and an intact ribbon .

[Amakung]

แถวนี้คงไม่มีอะไรทำไปมากกว่านี้แล้ว เดินเข้าไปด้านในเลยดีกว่าครับ
พอผ่านจุดตรวจหนังสือเดินทางก็จะเจอ Royal Exclusive lounge ก่อน เพิ่งรู้นะครับว่ามี lounge ตรงนี้ด้วย สงสัยจะรับแต่สมาชิกบัตรไทยพาณิชย์หรือเปล่านะ
So that’s all for the check-in area. Let’s walk inside.
Just noticed that there is a lounge right after the immigration counters called “Royal Exclusive Lounge”. Only SCB Platinum Card holders are accepted, maybe?



ยังไงก็ลงไปที่ Royal Silk Lounge ก่อนดีกว่าครับ ขอหาอะไรทานก่อน ตั้งแต่ตื่นนอนยังไม่ได้ทานอะไรเลย
I was a bit peckish since I had not consume anything this morning, so I took an escalator down to the Royal Silk Lounge to sit back, relax, and find something to fill my stomach.



บรรยาการใน lounge เมื่อเวลา 05.27 ยังคงร้างผู้คนครับ ที่นั่งเหลือเพียบ บรรยากาศเงียบสงบ
The lounge was still mostly empty at 05.27. Lots of seating available in such a tranquil atmosphere.

[Amakung]

มาดูกันครับว่าที่นี่จะเสิร์ฟอาหารเช้าแบบใด ตรงนี้เป็นมุมของว่างและเครื่องดื่มต่างๆ
Let’s see what kind of breakfast this lounge has to offer. Here is the snacks and drinks bar.



มุมขนมปังและพายชนิดต่่างๆ
A variety of pastries.



มีไข่ต้ม แฮม ไส้กรอกและซอสให้ด้วย แบบนี้อิ่มแน่ๆ ครับ
Boiled eggs, ham, sausages are available together with tomato sauce. These could definitely get me stuffed.



และมีนมสด ชา กาแฟ น้ำผลไม้ โอวัลติน (โอวัลตินสวิสด้วยนะครับ ไม่ใช่แบบธรรมดา) พร้อมเครื่องทรงทั้งน้ำตาล อีควล คอฟฟี่เมตให้เสร็จสรรพ
Coffee, milk, juices, tea and Ovaltine (and that is the premium one, not your average Ovaltine) are offered with sugar, artificial sweeteners, coffee-mate, etc.



ที่สำคัญคือมีขนมจีบกุ้งพร้อมจิ๊กโฉ๋ให้ด้วย อร่อยละแบบนี้
And there are also shrimp dumplings here (and a sour sauce is there if you would like). That’s pretty mouthwatering.

[Amakung]

ถึงจะมีให้เลือกเยอะแต่เช้านี้ผมขอแค่นี้ก่อนละกันครับ เดี๋ยวผมสั่งอาหารทานไว้บนเครื่องอีก เผื่อท้องไว้สักหน่อยดีกว่า
But I decided to consume just a small amount of food here. As a Royal Silk Class passenger, I had already pre-ordered the onboard meal. Just hold on to see what it would be.



ข้างนอกฟ้าเริ่มสว่างแล้วครับ
The gentle blue light of dawn started to appear, and slowly but steadily getting brighter.

[Amakung]

ผมนั่งทำรีวิวอยู่ได้สักพักก็ถึงเวลาหกโมงเช้าซึ่งเป็นเวลาที่รอยัลออร์คิดสปาเปิดทำการครับ ผมจึงเดินไปที่สปาเพื่อรีบจองคิวก่อน ผู้โดยสารชั้น Royal Silk ทุกคนได้รับสิทธิ์นวดเท้าหรือนวดไหล่คนละครึ่งชั่วโมง และนี่จะเป็นครั้งแรกที่ผมได้ใช้บริการที่นี่ครับ
I sat down, had my breakfast and worked on this trip report until 6am, which is about time the Royal Orchid Spa opens. So I walked to the spa to reserve the short spa course. Every Royal Silk Class passengers are entitled to a 30-minutes foot or shoulder massage. And this was the first time for me.



ทันทีที่ผมเข้าไป พนักงานที่เคาน์เตอร์ก็กล่าวสวัสดี ขอดู boarding pass และถามว่าผมอยากจะนวดที่ใด ผมคิดอยู่สักพัก วันนี้คงเดินเยอะแน่ๆ ประกอบกับคุณพี่พนักงานบอกว่าถ้านวดเท้าจะใช้ครีมนวด ฟังดูแล้วสบายดีผมเลยขอนวดเท้าก่อนละกัน จากนั้นคุณพนักงานอีกคนก็เชิญผมเข้าไปที่มุมนวดทันที ผมมาเร็วจึงไม่ต้องรอคิวครับ
Once I got inside, the reception agent immediately addressed me, asked to see my boarding pass, and inquired which treatment I would like to receive today. I think, well, lots of walking is imminent, and the agent suggested that some lovely smelling lotion would be used for foot massage. So I chose it. Then the masseur came and led me to the treatment corner. I came quite early so I got the treatment straight away. No annoying queues.



(เห็นผ้ายับๆ แบบนั้น เป็นเพราะรูปนี้ผมถ่ายหลังจากนวดเท้าเสร็จแล้วครับ)

[Amakung]

เสียงดนตรีไทยเบาๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสมุนไพรพร้อมแสงสลัวจากโคมไฟช่างสบายจริงๆ ครับ และกระจกสปายังหนามาก กั้นเสียงจากภายนอกจนหมดสิ้น
The gentle sound of Thai musical instruments, the soft Thai herb smell, the dimmed light from nearby lamp, all this made me very relaxed. The window glasses is also very thick and perfectly sound-insulating.


ระหว่างนวดผมก็คุยกับคุณพี่พนักงาน (อย่างเบาๆ) ไปด้วย ได้ความว่าเค้าทำงานที่นี่มา 5 ปีหรือตั้งแต่สปาเพิ่งเปิดใหม่ๆ ผมจึงถามว่าแล้วเจอลูกค้าแปลกๆ มาเยอะแล้วสินะครับ พี่แกยิ้มแล้วพยักหน้า (แต่ไม่ขยายความต่อนะครับว่าแบบไหน) พอผมหันไปที่โต๊ะข้างๆ ก็เห็นแผ่นแข็งเล็กๆ ที่สปารวมรวมการออกกำลังแบบยืดกล้ามเนื้อแบบต่างๆ ของไหล่และคอ ผมจึงหยิบมาดู เป็นประโยชน์ดีเหมือนกันนะครับ พอดีผมเพิ่งเรียนเวชศาสตร์ฟื้นฟูมาทำให้รู้เรื่องพวกนี้มากขึ้นอีกนิด และหลังนวดเสร็จเลยขอให้พี่เค้า stretch กล้ามเนื้อน่อง (gastrocnemius) เพิ่มอีกนิดเพราะตะคริวบ่อยครับ
During the treatment, I also chatted (albeit quietly) with the masseur. She said she had worked at this spa for 5 years, or not long after its inception. So I asked if she met lots of weird guests, and she just smiled and nodded (without elaborating any further). Then I turned to the side table, and saw a small card with some stretching exercise methods written on it, so I picked it up. It was quite useful. Luckily I had studied some basic lessons about rehabilitation medicine in the past few weeks so I know quite a bit about these exercises. Before the treatment concluded, I also asked her to stretch my calf muscle (called gastrocnemius) too. My calf suffered cramps a bit too often.

[Amakung]

หลังนวดเสร็จ ผมก็ขอรับน้ำฝรั่ง ซึ่งมาพร้อมกับแบบประเมินความพึงพอใจครับ
After the treatment concluded, drinks were offered. I chose a glass of guava juice, which came together with a feedback form.



ตรงโต๊ะใกล้ๆ ก็มีอาหารว่างนานาชนิดวางอยู่ หรือจะหยิบจากเคาน์เตอร์ก็ได้ตามใจชอบ
Various snacks are offered, or you can pick it at the counter at the opposite side of the spa.



ข้างนอกสว่างจ้าแล้วครับ มองออกไปก็เห็นไทยสไมล์ A320 เตรียมบินไปมาเก๊า แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมานะครับ เพราะตัวอาคารช่างไม่เอื้อต่อการถ่ายภาพข้างนอกจริงๆ
Now it became very bright outside. I looked through the glass panel and saw THAI Smile A320 preparing for a morning flight to Macau, but I did not take any photos because the quality would be horrible with this kind of airport terminal.

[Amakung]

คราวนี้มาสำรวจสปากันต่อ อันนี้ทางไปห้องน้ำและห้องสปาส่วนตัวสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่งครับ
Let’s explore this spa. This leads to the toilet and private spa rooms for first class passengers.



มาดูห้องน้ำพอเป็นพิธี





ระเบียงทางเดินไปยังมุมนวดสำหรับชั้นไหมหลวง
This leads to the treatment corner for Royal Silk Class passengers.

[Amakung]

ไม่นานก็ได้เวลาเจ็ดโมงตรง ผมจะเดินไปที่เกทของไฟลท์ผมเลยก็ได้ แต่วันนี้เป็นวันสำคัญ ต้องเดินไปที่เกท C3 ซึ่ง TG 600 ใช้ในวันนี้ก่อนครับ
ผ่าน First class lounge ก่อน ระหว่างนี้ผมก็เดินผ่าน VIP บางคนที่มีเจ้าหน้าที่ของการบินไทยเดินประกบด้วย กราวน์คนนั้นก็แนะนำว่า “เครื่องนี้จะรูปทรงอ้วนๆ ดูสั้นๆ เหมือนปลาวาฬนะคะ” แหมเป็นการอธิบายลักษณะเครื่องบินที่ตรงไปนิดนะครับ
It was 7 AM. I could just walk to my boarding gate but, this is a historic day. So I headed to gate C3 which TG 600 utilized that morning.
Walked past the first class lounge, where a group of VIPs are leaving, accompanied by a ground staff. She gave a short introduction about the plane, “This plane looks a bit chubby, much like a whale”. Well that might be too straightforward....

[Amakung]

มาถึงเกท C3 แล้วครับ บอกชัดเจนว่าเป็น TG 600 ไปฮ่องกง ออกเวลา 08.00 พร้อมป้ายเล็กๆ เขียนว่า “Welcome Onboard THAI’s First A380”
Unmistakably TG 600 to Hong Kong. There was also a (faux) TG crew holding a small sign which read 'Welcome Onboard THAI's First A380'.



และที่อยู่ตรงหน้าผมก็คือคุณ “ศรีรัตนะ” นางเอกของเราในวันนี้นั่นเองครับ ในวันนี้ไม่มีใครเด่นกว่าเธออีกแล้ว เห็นกราวน์ตื่นเต้นถ่ายรูปกันใหญ่ คนที่มาขึ้นไฟลท์ปฐมฤกษ์ก็ตื่นเต้น คนทำรีวิวก็ตื่นเต้น
And here comes THAI’s first and only A380 in service. I saw ground staff excitedly taking photos of this huge bird, saw the passengers excitedly taking photos of the aircraft and the gate sign, and, me too, were excitedly watching as the event went on.
Nothing would beat her prominence today.



แต่สงสัยผมจะมาเร็วเกินไป แถวเกทยังแทบไม่มีคน
But maybe I was a tad too early. The gate area was still largely unoccupied.



แต่รอได้สักพักก็มีผู้โดยสารทยอยมาที่เกทเรื่อยๆ อย่างไม่ขาดสายครับ
Then the flow of passengers arrived, looked as if it was endless.



เวลาประมาณ 07.20 ดูเหมือนว่าจะเริ่มบอร์ดผู้โดยสารชั้นหนึ่งและ Royal Silk แล้วนะครับ ส่วนชั้นประหยัดก็ต้องรอตามระเบียบ
At 07.20, looked like they already started the boarding process for premium passengers.



ลองฟังเสียงประกาศขึ้นเครื่องครับ ติดใจตรงคำว่า “ปฐมฤกษ์” จริงๆ
The boarding announcement. The word “inaugural” is clearly audible. How impressive.

http://www.youtube.com/watch?v=4sf5SYn4X_A

[Amakung]

ก้มลงดูนาฬิกาตัวเอง เกือบเจ็ดโมงครึ่งแล้วครับ ไฟลท์ 403 ออกเวลาเดียวกับ 600 ก็น่าจะเริ่มบอร์ดแล้วเหมือนกัน แวะดูที่จอ FIDS อุ๊ยเริ่มบอร์ดแล้วจริงๆ ด้วย
I looked at my watch and realized it was almost 7.30. TG 403 departs at the same time as TG 600 so the boarding might be underway. I paused to see the FIDS, and oops, it started already. Still a long way to go.



ผมแวะเข้าห้องน้ำที่สปาสักครู่ก่อนจ้ำต่อไป วันนี้ขึ้นเครื่องที่เกท D7 เกือบสุดปลาย concourse D โน่นครับ แต่ระหว่างทางก็ต้องส่องเครื่องบินกันบ้าง แบบเร็วๆ
I stopped by the spa to use its toilet, then walked quickly to gate D7 which is around the end of the D concourse. I still managed to get some quick photos of the aircraft along the way. Not so good though.



Qatar 612 just arrived from Doha.

A7-BAE -- Qatar Airways // Boeing 777-3DZ/ER

TG 323 to Delhi

HS-TBB -- Thai Airways International // Airbus A330-343X

[Amakung]

แล้วในที่สุดก็มาถึงซะทีครับ เดินมาไกลจนมองกลับไปแทบไม่เห็นจุดที่เดินมาเลยทีเดียว
And I finally arrived at the boarding gate. Looked back and seemed like the place I started walking disappeared out of view. It was pretty looong.



คิวที่ตรวจ boarding pass ค่อนข้างยาวและเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ดูแค่คนเดียวเลยผ่านไปได้อย่างช้าๆ ผมก็รอไปกับเขาด้วยจนมี ผดส อีกคนถือพาสของ BC เดินมา เจ้าหน้าที่ประจำเกทเลยเปิดช่องพิเศษให้ทันที ผมก็ตามเขาไปด้วย อ้าวนี่เราทู่ซี้ยืนรอตั้งนานทำไม
ถ่าย boarding pass อย่างเร็วๆ ก่อนถูกฉีกครับ
There was quite a queue before the boarding pass inspection counter so I joined the line and wait for a while. Then a passenger holding a BC boarding pass came and the agent just checked his immediately, so I followed him. Why did I queue up in the first place??
A quick shot of my boarding pass.



พอตรวจ boarding pass เสร็จก็เห็น HS-TBB กำลัง taxi ออกไป
'Phrae' just started to taxi.



และก็ผ่านข้างหลังเครื่องที่ผมจะขึ้นไปสิงคโปร์ในวันนี้ 777-300 HS-TKB “ชัยนารายณ์” ครับ
Then she passed right behind my flight. This particular plane is a Boeing 777-300 registered as HS-TKB, with a given name 'Chainarai'.



อันนี้เป็นรูปที่ผมถ่ายคุณชัยนารายณ์ไว้เมื่อต้นปีที่ผ่านมาครับ
Here is the photo of 'Chainarai' that I took earlier this year.


HS-TKB “ชัยนารายณ์” -- Thai Airways International // Boeing 777-3D7
First flight -- 08.12.1998

พอไปนึกดู ผมเคยใช้บริการคุณชัยนารายณ์มาแล้วอย่างน้อยครั้งหนึ่งตอนกลับมาจากเดลีเมื่อเกือบห้าปีที่แล้ว แน่นอนว่าตอนนั้นยังใช้ที่นั่งเก่าที่สีม่วงๆ ทึมๆ พร้อม headrest แข็งๆ
I recalled that Chainarai had served me almost five years ago when I went back from Delhi almost five years ago. The seats had been thick, covered by dull purple fabric, and came with hard headrests which was almost impossible to sleep on.


คุณชัยนารายณ์ก่อนนำไปโมทั้งนอกและใน ยังใช้โทรศัพท์แบบติดกำแพงอยู่เลย ซึ่งผมไม่เคยเห็นใครใช้เพราะค่าโทรแพง มาก
'Chainarai' before major overhaul.

[Amakung]

มองไปที่เกทข้างๆ เห็นคุณ China Southern กำลังเตรียมตัวเดินทางกลับกวางโจว เที่ยวบิน CZ 362 ครับ เครื่องที่ใช้ในวันนี้คือ B-5677 ที่เพิ่งมาอยู่กับ CZ ได้แค่เดือนเดียวเท่านั้น
China Southern 737 parked next to our plane, preparing to fly back to Guangzhou as CZ 362. This particular 737 was delivered to CZ just a month ago.


B-5677 -- China Southern Airlines // Boeing 737-81B
First flight -- 05.09.2012

และก็ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วครับ ตื่นเต้นมากๆ เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่ผมได้เดินทางแบบวันเดย์ทริปไปต่างประเทศ นึกไปต่างๆ นานาว่าวันนี้จะได้เจออะไรบ้าง
มุมบังคับครับ // The obligatory (?!) shot.

[Amakung]

ที่ประตูเครื่องบินก็มีพี่แอร์ยืนต้อนรับอยู่พร้อมถามผมว่านั่งที่ใดคะ ผมตอบว่า 12K ครับ คุณพี่แอร์จึงแนะนำทางไปที่นั่งตามปกติ แต่สายตาผมกวาดไปมองที่ที่นั่งตัวเอง อ้าวมีคนนั่งซะงั้น ผมจึงบอกพี่แอร์ให้ช่วยจัดการ ผู้โดยสารคนนั้นพยายามเสนอให้ผมนั่งที่ 11J (แถวหน้าสุดติดทางเดิน) แต่ผมปฏิเสธครับ เรื่องอะไร ผมอยากนั่งติดหน้าต่างนะ
ข้างๆ ผมที่ 12J มีผู้ชายหน้าตาแขกๆ นั่งอยู่ ประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีนักจากคราวที่แล้วก็แวบเข้ามาเล็กน้อย แต่หลังจากที่คุยกันเล็กน้อยก็ได้ความว่าแกมาเพิ่งมาจากเดลี และก็เป็นมิตรดีด้วยครับ
Upon entering the aircraft, I was invited by two female flight attendants. One of them asked me which seat I was assigned to. I answered 12K and she responded by telling the directions as usual. But I looked straight to my seat and saw that someone was sitting there, so I informed the FA. That guy offered me to swap to 11J (frontmost aisle business class seat) but I firmly declined. Well, I chose a window seat on purpose, man.
Seated next to me was a middle-aged, Indian looking guy. This gave me some flashbacks about sitting next to an Indian guy, which is not so good (I flew on Jet Airways to Brussels via Mumbai back in May). But after a short conversation, I realized that this guy is pretty friendly. He just flew from Delhi earlier that morning.



รายละเอียดเที่ยวบินในวันนี้ครับ // Here is the details for today’s flight.
Flight - TG 403
Date - October 6, 2012

Origin - Suvarnabhumi International Airport (BKK - VTBS)
Destination - Changi International Airport (SIN - WSSS)
Distance - 1410 km

Departure time (actual) - 08.00 (08.02)
Arrival time (actual) - 11.15 (11.25)
Flight duration - 2.23

Aircraft - HS-TKB “ชัยนารายณ์” // Thai Airways International Boeing 777-3D7
Seat - 12K
Departure gate - D7
Cruising altitude - 39000 ft